WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SECก.ล.ต.ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำผิด  2 ราย กรณีอาศัยข้อมูลภายในซื้อและชักชวนผู้อื่นซื้อหุ้น NPP

       ก.ล.ต. เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับอดีตผู้บริหารของบริษัท นิปปอน แพ็ค จำกัด (มหาชน) (NPP) และผู้ถือหุ้นใหญ่รวม 2 ราย ได้แก่ (1) นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย และ  (2) นางสาวรินนภา คุณะวัฒน์สถิตย์  กรณีซื้อหุ้นและชักชวนให้บุคคลอื่นซื้อหุ้น NPP และหลักทรัพย์ NPP-W1 โดยอาศัยข้อมูลภายใน โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งรวม 10,336,293.33 บาท และส่งคืนผลประโยชน์รวม 7,602,368 บาท

     ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จึงตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริษัท NPP ครั้งที่ 6/2557 ที่ประชุมได้อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวนกว่า 544 ล้านบาท โดยเป็นการจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิม จัดสรรให้นักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง และจัดสรรเพื่อรองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ ปรากฏว่า ก่อนที่มติที่ประชุมดังกล่าวจะเปิดเผยต่อประชาชนทั่วไปผ่านระบบของ ตลท.  นายสุรพงษ์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการของ NPP ล่วงรู้ข้อมูลภายในเรื่องการเพิ่มทุนดังกล่าว ได้ซื้อหุ้น NPP รวมจำนวนกว่า 5.4 ล้านหุ้น และหลักทรัพย์ NPP-W1 รวมจำนวน 3.3 ล้านหุ้น ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนางสาวรินนภา นอกจากนี้ นายสุรพงษ์ยังได้ชักชวนให้บุคคลอื่นซื้อหุ้น NPP ด้วย

      การกระทำของนายสุรพงษ์ จึงเป็นความผิดตามมาตรา  241 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535  ซึ่งมีระวางโทษอาญาตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 และมาตรการลงโทษทางแพ่งตามมาตรา 317/1 มาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559

      ขณะที่นางสาวรินนภา ซึ่งเป็นผู้ให้การสนับสนุนการกระทำของนายสุรพงษ์ จะมีความผิดตามมาตรา 241 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ประกอบมาตรา 86 ประมวลกฏหมายอาญา ซึ่งต้องระวางโทษ ตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 และมาตรการลงโทษทางแพ่ง ตามมาตรา 317/1 มาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559

        คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาบังคับใช้กับผู้กระทำผิดและผู้กระทำผิดทั้ง 2 ราย ได้ทำบันทึกยินยอมรับมาตรการลงโทษทางแพ่งและปฏิบัติตามบันทึกยินยอมดังกล่าวครบถ้วนแล้ว ดังนี้ (1) นายสุรพงษ์ ส่งคืนผลประโยชน์ทั้งหมดซึ่งเป็นจำนวน 7,602,368 บาท และชำระค่าปรับ

      ทางแพ่งอีก จำนวน 10,002,960 บาท และ (2) นางสาวรินนภา ชำระค่าปรับทางแพ่ง จำนวน 333,333.33 บาท  ซึ่งเงินค่าปรับทางแพ่งและเงินค่าชดใช้คืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำผิด เป็นรายได้แผ่นดินที่ ก.ล.ต. จะนำส่งกระทรวงการคลังต่อไป

      นอกจากการถูกลงโทษด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งดังกล่าว  ก.ล.ต. สั่งห้ามมิให้นายสุรพงษ์ เป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่มีมหาชนเป็นผู้ถือหุ้น[1] เป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน 

    [1]  ตามประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต.  ที่ กจ. 3/2560  เรื่อง  การกำหนดลักษณะขาดความน่าไว้วางใจของกรรมการและผู้บริหารของบริษัท ลงวันที่ 23 มกราคม 2560

  

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!