- Details
- Category: กลต.
- Published: Saturday, 03 September 2016 15:28
- Hits: 5566
ก.ล.ต. เชิญชวนนายจ้างเห็นความสำคัญของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพกุญแจสู่ความสำเร็จการวางแผนเกษียณ
ก.ล.ต. เชิญชวนนายจ้างทั้งภาครัฐและภาคเอกชนช่วยพนักงานและลูกจ้างในองค์กรเห็นประโยชน์ของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เครื่องมือสำคัญในการออมเพื่อรองรับการเกษียณอายุให้เพียงพอ สำหรับแรงงานในระบบเพิ่มเติมจากระบบประกันสังคม
นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรสู่สังคมของผู้สูงอายุ ในปี พ.ศ. 2568 ประเทศไทยจะมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด ระบบบำเหน็จบำนาญหรือระบบสวัสดิการแบบเดิมอาจไม่เพียงพอสำหรับการดำรงชีพ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) จะเป็นทางเลือกสำคัญสำหรับการออมเพิ่มเติมอีกอันหนึ่ง เพื่อรองรับการเกษียณอายุสำหรับแรงงานในระบบ นอกจากระบบประกันสังคมที่ลูกจ้างจะได้รับเมื่อเกษียณอายุ”
ปัจจุบันกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) ในประเทศไทยมีอัตราสะสมเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 5 และอัตราสมทบเฉลี่ยร้อยละ 5 ขณะที่กฎหมายอนุญาตให้ลูกจ้างสามารถสะสมได้ถึงร้อยละ 15 และนายจ้างสมทบได้ถึงร้อยละ 15 โดย PVD ส่วนใหญ่ลงทุนในตราสารหนี้และเงินฝากในสัดส่วนสูงร้อยละ 85 ทำให้กองทุนมีผลตอบแทนต่ำเติบโตช้า เงินก้อนที่สมาชิกจะได้รับเมื่อเกษียณอายุ อาจไม่เพียงพอสำหรับการดำรงชีวิต นอกจากนี้ ยังพบว่าสมาชิกกองทุนที่เกษียณอายุมากกว่าร้อยละ 50 ได้รับเงินก้อนจำนวนไม่ถึง 1 ล้านบาท หากสมาชิกเหล่านี้มีอายุยืนต่อไปอีก 20 ปี จะมีเงินใช้ไม่ถึงเดือนละ 4,000 บาท ซึ่งไม่เพียงพอกับค่าครองชีพขั้นต่ำที่สำนักงานสถิติแห่งชาติเคยประเมินไว้ว่าควรมีอย่างน้อยเดือนละ 10,000 บาท
ก.ล.ต. จึงสนับสนุนให้นายจ้างทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการช่วยผลักดันให้ PVD เป็นเครื่องมือการออมที่ตอบโจทย์ความต้องการของพนักงานและลูกจ้างในยามเกษียณ โดยนายจ้างสามารถช่วยออกแบบ PVD ให้พนักงานและลูกจ้างออมเงินได้อย่างสะดวก เช่น ใช้ระบบอัตราสะสมเพิ่มขึ้นเมื่อเงินเดือนหรือค่าจ้างเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ และจัดให้มีทางเลือกการลงทุน (employee’s choices) ที่เหมาะกับสมาชิก ในขณะที่ผลักดันให้มีทางเลือกกองทุนหลากหลายประเภท อาทิ กองทุนแบบ life path หรือ target date fund ที่บริษัทจัดการจะทำหน้าที่เลือกการลงทุนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงตามช่วงอายุและระยะเวลาการลงทุนของสมาชิกแต่ละราย โดยที่สมาชิกไม่ต้องตัดสินใจเอง
นอกจากนี้ นายจ้างยังสามารถส่งเสริมการให้ความรู้ หรือมีเครื่องมือช่วยสมาชิกให้รู้จักออมเพื่อการเกษียณอย่างเพียงพอ รวมทั้งสนับสนุนให้กรรมการกองทุนมีความรู้ในด้านต่าง ๆ เพื่อทำหน้าที่ดูแลประโยชน์ให้สมาชิกได้อย่างเต็มที่
ก.ล.ต. ได้ปรับปรุงกฎเกณฑ์ทำให้ลูกจ้างสามารถออมเงินได้เพิ่มขึ้นโดยไม่กระทบกับนายจ้าง นอกจากนี้ สมาชิก PVD จะมีทางเลือกในการรับเงินเป็นงวดโดยไม่ต้องเอาออกมาทั้งก้อน และสามารถโอนเงินไปออมต่อเนื่องในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ได้ สนับสนุนให้กรรมการและสมาชิกมีข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับการกำหนดหรือเลือกนโยบายการลงทุนที่เหมาะสม ส่วนการให้ความรู้ ก.ล.ต. สมาคมบริษัทจัดการลงทุนและตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยร่วมมือกันให้ความรู้ผ่านสื่อและกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้นายจ้างและสมาชิกใช้ PVD ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
“ปัจจัยแวดล้อมที่เกี่ยวกับการเกษียณอายุมีความซับซ้อนมากขึ้น เช่น คนอายุยืนขึ้น ค่าครองชีพโดยเฉพาะค่ารักษาพยาบาลแพงขึ้นมาก ผลิตภัณฑ์การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำให้อัตราผลตอบแทนต่ำ ขณะที่ผลิตภัณฑ์การลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงสร้างการเติบโตให้เงินกองทุนก็มีความผันผวนสูงมาก ทำให้การบริหารจัดการ PVD ให้สมาชิกมีเงินเกษียณเพียงพอทำได้ยากขึ้น ทุกภาคส่วนต้องให้ความสำคัญและใส่ใจการเสริมสร้าง PVD ให้เป็นเครื่องมือการออมที่ตอบโจทย์ความต้องการของพนักงานและลูกจ้างในยามเกษียณให้ได้”นายรพีกล่าว