- Details
- Category: กลต.
- Published: Tuesday, 08 July 2014 17:49
- Hits: 3365
ก.ล.ต.ออกเกณฑ์การเสนอขายตราสารหนี้หน่วยงานภาครัฐต้องยื่นไฟลิ่งเช่นเดียวกับหุ้นกู้เอกชน
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำกับตลาดทุนว่า คณะกรรมการมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การออกและเสนอขายตราสารหนี้ของหน่วยงานภาครัฐ ตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ได้แก่ องค์กรมหาชน องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และนิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่ 1 มกราคม 2558 ครอบคลุมทั้งการออกและเสนอขายในประเทศที่เป็นสกุลเงินบาทและสกุลเงินตราต่างประเทศ และการออกและเสนอขายผู้ลงทุนในต่างประเทศ เพื่อให้เป็นไปแนวทางเดียวกับบริษัทจำกัดและบริษัทมหาชนจำกัด
ทั้งนี้ หน่วยงานภาครัฐต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเปิดเผยข้อมูลเช่นเดียวกับภาคเอกชน กล่าวคือ หากเป็นการเสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไป ต้องยื่นคำขอต่อ ก.ล.ต. โดยมีงบการเงินเป็นไปตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ไม่ค้างการนำส่งงบการเงินหรือรายงานเกี่ยวกับฐานะการเงินต่อ ก.ล.ต. อีกทั้งต้องมีผู้บริหารที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด
นอกจากนี้ หน่วยงานภาครัฐต้องเปิดเผยข้อมูลแก่ผู้ลงทุนโดยยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (แบบ filing) และเพิ่มเติมข้อมูลที่สำคัญต่อการตัดสินใจลงทุน เช่น กระทรวงการคลังไม่ได้ค้ำประกันทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยของตราสาร แหล่งที่มาของเงินเพื่อชำระหนี้ เป็นต้น รวมถึงลักษณะการประกอบการที่นำมาใช้วิเคราะห์ความเสี่ยงในการได้รับชำระหนี้ได้ อีกทั้งต้องรายงานผลการขายและเปิดเผยข้อมูลภายหลังการเสนอขายเช่นเดียวกับหุ้นกู้ภาคเอกชน
ทั้งนี้ หากหน่วยงานภาครัฐต้องการเสนอขายแบบวงจำกัด หลักเกณฑ์การขออนุญาตและการเปิดเผยข้อมูลจะผ่อนคลายมากกว่าการเสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไป
"ตราสารหนี้ได้รับความนิยมจากภาคเอกชนจำนวนมาก เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่สนับสนุนการระดมทุนจากผู้มีเงินทุนได้โดยตรง เพียงแต่ต้องมีงบการเงินที่ได้มาตรฐานและมีผู้บริหารที่มีคุณสมบัติเหมาะสม รวมถึงเปิดเผยข้อมูลสำคัญ เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับข้อมูลอย่างเพียงพอสำหรับใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน การออกหลักเกณฑ์ในครั้งนี้ นับเป็นการสนับสนุนการออกและเสนอขายตราสารหนี้ของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมทั้งยกระดับมาตรฐานของหน่วยงานภาครัฐให้เทียบเท่าสากล และสร้างทางเลือกในการลงทุนให้แก่ผู้ลงทุนเพิ่มขึ้นอีกด้วย"นายวรพล กล่าว