- Details
- Category: กลต.
- Published: Friday, 23 October 2015 22:25
- Hits: 4945
ก.ล.ต.เตรียมคลอดเกณฑ์เฮดจ์ฟันด์ กรณีลาออกโยกเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเข้าRMFได้ -แฉผลตอบแทนทริกเกอร์ฟันด์ปีนี้พลาดเป้าทุกกอง
ก.ล.ต.เตรียมคลอดเกณฑ์เฮดจ์ฟันด์ไตรมาสแรกปี 59 และเตรียมไฟเขียวให้โยกกองทุนสำรองเลี้ยงชียเข้าRMFได้ กรณีลาออก-เกษียณก่อนอายุ คาดเริ่มใช้พ.ย.นี้ พร้อมเปิดข้อมูลผลตอบแทนทริกเกอร์ฟันด์ลงทุนในประเทศปีนี้ ยังไม่พบกองใดให้ผลตอบแทนตามเป้าหมาย ต่างจากกองลงทุนในต่างประเทศ ทำได้ตามเป้าไม่เกิน 1 ปี และพบว่าบรรดาทริกเกอร์ฟันด์ยังเก็บค่าฟีแพงกว่ากองทุนรวมทั่วไป
นางดวงมน จึงเสถียรทรัพย์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต. เตรียมประกาศเกณฑ์กองทุนที่นำเงินลงทุนไปสร้างกำไร หรือผลตอบแทนสูง โดยมีเครื่องมือทางการเงินที่หลากหลายไม่จำกัดวงเงินสินทรัพย์ (เฮดจ์ฟันด์ ) ภายในไตรมาส 1/2559 โดยปัจจุบันมีบลจ.ที่สนใจแล้ว 2-3 ราย โดยวัตถุประสงค์เพื่อรองรับการเปิดเสรี เพื่อให้นักลงทุนไทยสามารถลงทุนในต่างประเทศได้ และกองทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในไทยได้เช่นเดียวกัน โดยเฮดจ์ฟันด์ จำกัดนักลงทุนรายใหญ่ และในอนาคตอาจจะมีการเปิดโอกาสให้นักลงทุนระดับกลางลงทุนในเฮดจ์ฟันด์ได้
สำหรับ การพิจารณาการโยกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สามารถนำเงินไปลงทุนใน RMF ได้ โดยเตรียมนำเรื่องเข้าประชุมคณะกรรมการ ในวันที่ 20 ต.ค. นี้ และจะสามารถประกาศในราชกิจจานุเบกษา หลังจากได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการฯ และคาดว่ามีผลบังคับใช้เดือนพ.ย. นี้
"เดิมเมื่อลูกจ้างออกจากงานจะต้องนำเงินจากกองทุนไปด้วย แต่ในเกณฑ์ใหม่สามารถคงเงินอยู่ได้ และหากต้องการลงทุนต่อสามารถโยกเงินไปในกอง RMF ได้ ซึ่งมีข้อจำกัดจะต้องเข้ากองทุน RMF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่บลจ. ออก โดยหากบลจ.ไหนทำได้ ก.ล.ต.จะสนับสนุนในการโปรโมท"นางดวงมน กล่าว
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ได้ศึกษาพฤติกรรมผู้ลงทุนภายใต้ทฤษฎีการเงินพฤติกรรมพบว่าผู้ลงทุนไม่ได้ใช้เหตุผลเป็นสิ่งเดียวในการตัดสินใจลงทุน แต่ยังมีปัจจัยอื่น เช่น อารมมณ์ ความเชื่อและทัศนคติส่วนตัว ซึ่งเป็นโจทย์ที่สำคัญที่ก.ล.ต.จะนำมาใช้พัฒนาธุรกิจกองทุนรวม เพื่อให้สินค้าและบริการตอบสนองต่อผู้ลงทุน พร้อมกับการได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสม
"ก.ล.ต. กำหนดเกณฑ์ให้ผู้ขายต้องจัดให้ลูกค้าทำแบบประเมินความเหมาะสมในการลงทุนหรือการทำธุรกรรมก่อน เพื่อให้เข้าใจความเสี่ยงและได้รับคำแนะนำการลงทุนที่เหมาะสม รวมทั้งการเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจน พร้อมการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานกองทุนในกลุ่มเดียวกัน และการเปิดช่องทางให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการ เทคโนโลยีรูปแบบใหม่ๆ"นางดวงมน กล่าว
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีกองทุนรวมหลายประเภท ที่พัฒนาจากพฤติกรรมการลงทุน เช่น กองทุนรวมควบประกันและทริกเกอร์ ฟันด์ ซึ่งมีการเป้าหมายเลิกกองเมื่อได้ระดับผลตอบแทนจุดหนึ่งตามกรอบการลงทุนที่กำหนด ซึ่งช่วงที่ผ่านมาบลจ.มีการออกทิกเกอร์ ฟันด์เสนอขายต่อผู้ลงทุนจำนวนมาก จากสถิติตั้งแต่ปี 2556พบว่า ทริกเกอร์ฟันด์ที่ลงทุนในประเทศ 135 กอง สร้างผลตอบแทนได้เกินเป้าหมายในเวลาไม่เกิน 1 ปี จำนวน 48 กอง หรือประมาณ 36% โดยทริกเกอร์ ฟันด์ที่ลงทุนในประเทศเฉพาะที่ออกปี 58 ยังไม่พบว่ามีกองใดสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย ส่วนกองที่ไปลงทุนในต่างประเทศ จำนวน 132 กอง สร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายได้เวลาไม่เกิน 1 ปี จำนวน 53 กอง หรือประมาณ 40%
นอกจากนี้ ยังพบว่า ทริกเกอร์ฟันด์ ยังมีการเก็บค่าธรรมเนียมแพงกว่ากองทุนรวมทั่วไป โดยค่าธรรมเนียมของทริกเกอร์ฟันด์ อยู่ระหว่าง 1.12-4.5% เฉลี่ยอยู่ที่ 2.8% โดยขณะที่กองทุนหุ้นโดยทั่วไปเฉลี่ยที่ 1.8%
นางดวงมน กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้นมีประเด็นการเปิดเผยข้อมูลกลยุทธ์การโฆษณา และการเก็บค่าธรรมเนียมที่ทำให้ผู้ลงทุนเข้าใจผิดหรือคลาดเคลื่อน ก.ล.ต. กำชับให้ บลจ.เปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ให้ชัดเจน และปรับปรุงเกณฑ์การโฆษณาผลิตภัณฑ์การเงินเพื่อไม่ให้เบี่ยงเบนความสนใจ หรือเชิญชวนลูกค้าจนหลงเชื่อและเกิดความเข้าใจผิดในวัตถุประสงค์การลงทุน
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ปรับปรุงเกณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เพื่อให้สามารถกำกับดูแลและดูแลผู้ลงทุนที่ได้เหมาะสม
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย