- Details
- Category: กลต.
- Published: Monday, 05 May 2014 23:52
- Hits: 3534
ก.ล.ต. ผนึก 7 หน่วยงานภาครัฐและเอกชนเปิดโครงการ ‘หุ้นนวัตกรรมและสร้างสรรค์ ความภูมิใจของไทย’
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมหน่วยบ่มเพาะธุรกิจและอุทยานวิทยาศาสตร์ไทย สมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน ชมรมวาณิชธนกิจ ผู้สอบบัญชีที่เข้าร่วมโครงการ และสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ เปิดโครงการ'หุ้นนวัตกรรมและสร้างสรรค์ ความภูมิใจของไทย'เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจกลุ่มนวัตกรรมและสร้างสรรค์เข้าถึงแหล่งเงินทุนจากตลาดทุน โดยผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2557
การเปิดโครงการ'หุ้นนวัตกรรมและสร้างสรรค์ ความภูมิใจของไทย'ในครั้งนี้ มุ่งหวังจะเป็นการจุดประกายให้ธุรกิจที่เสนอสินค้าและบริการโดยอาศัยการวิจัย พัฒนา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมถึงธุรกิจที่ใช้องค์ความรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปวัฒนธรรม หรือความคิดสร้างสรรค์ เช่น อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ อุตสาหกรรมภาพยนตร์ คอนเทนต์และแอนิเมชั่น เป็นต้น ให้หันมาสนใจและเห็นโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากตลาดทุน โดยการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการระดมทุนและการเตรียมความพร้อมก่อนระดมทุน เพื่อนำ'ศาสตร์'และ'ศิลป์'มาใช้สร้างสรรค์ผลงานด้วยการผลิตสินค้าและบริการที่สร้างคุณค่าหรือมูลค่าเพิ่ม และเป็นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
“โครงการนี้เป็นหนึ่งในแผนกลยุทธ์ของ ก.ล.ต.ที่ต้องการให้ภาคธุรกิจกลุ่มเป้าหมายมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่อาศัยการวิจัย พัฒนา วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี นวัตกรรม และองค์ความรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปวัฒนธรรม หรือความคิดสร้างสรรค์ เพราะเป็นธุรกิจที่ประเทศไทยสามารถแข่งขันได้ เป็นกำลังสำคัญที่จะเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าและสร้างรายได้ให้แก่ธุรกิจ ช่วยยกระดับให้เข้าสู่เศรษฐกิจที่เพิ่มคุณค่า และเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศ จนกลายเป็นประเทศที่มีรายได้สูงได้ในที่สุด” นายวรพล กล่าว
นายทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า “การมีรากฐานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะวิทยาศาสตร์เป็นกำลังในการสร้างประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน เมื่อนำไปประยุกต์ใช้กับต้นทุนของประเทศไทยที่เด่นด้านความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินและความหลากหลายทางชีวภาพ จะทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เศรษฐกิจของประเทศเติบโตได้
อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนในครั้งนี้เป็นการสร้างโอกาสให้ธุรกิจเข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดทุน พร้อมไปกับการยกระดับคุณภาพการบริหารงาน เพราะนั่นหมายถึงการสร้างโอกาสให้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทำหน้าที่ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศได้อย่างแท้จริง”
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า “Innovation และ Creativity สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและโอกาสทางธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งการสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการดังกล่าวให้มีโอกาสเติบโตและเข้าถึงแหล่งระดมทุนเป็นภารกิจที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โครงการของสำนักงาน ก.ล.ต. ในครั้งนี้ถือว่ามีส่วนช่วยสนับสนุนและพัฒนาผู้ประกอบการให้มีความพร้อมในการเข้าระดมทุนมากยิ่งขึ้น ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความยินดีที่จะให้ความร่วมมือและสนับสนุนโครงการนี้อย่างเต็มที่”
นางสุวิภา วรรณสาธพ นายกสมาคมหน่วยบ่มเพาะธุรกิจและอุทยานวิทยาศาสตร์ไทย กล่าวว่า “สมาคม Thai-BISPA และเครือข่ายหน่วยบ่มเพาะธุรกิจและอุทยานวิทยาศาสตร์ทั่วประเทศกว่า 30 แห่งมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรมที่นำเอาความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีผนวกเข้ากับความคิดสร้างสรรค์เป็นทุนในการผลิตสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มมูลค่า สร้างความโดดเด่น ดึงดูดใจกลุ่มลูกค้าและนักลงทุนให้เติบโตเข้มแข็ง และการต่อเชื่อมกับโครงการ “หุ้นนวัตกรรมและสร้างสรรค์ ความภูมิใจของไทย”ในครั้งนี้จะเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและพัฒนาความสามารถในการบริหารจัดการธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาลของผู้ประกอบการไทย เพื่อเตรียมความพร้อมในการระดมทุนต่อไปในอนาคตได้อย่างดี”
นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ นายกสมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน กล่าวว่า “นวัตกรรมและการสร้างสรรค์คือการสร้างความคิดเพื่อให้เกิดบริษัทใหม่ สินค้าใหม่ การบริการใหม่ หรือขบวนการในการผลิตใหม่ ๆ ในการแข่งขันทางธุรกิจที่นับจะเพิ่มขึ้นทุกวัน นวัตกรรมและการสร้างสรรค์ใหม่จะทำให้เกิดรายได้และผลกำไรที่มากขึ้นซึ่งสำหรับนักลงทุนแล้ว นั่นคือหัวใจในการลงทุน”
นายนรเชษฐ์ แสงรุจิ ประธานกรรมการชมรมวาณิชธนกิจ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย กล่าวว่า “นวัตกรรมและสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อการสร้างความสามารถในการแข่งขัน การสนับสนุนให้ธุรกิจนวัตกรรมและสร้างสรรค์ในประเทศมีโครงสร้างเงินทุนที่เหมาะสมและเพียงพอ เป็นปัจจัยสำคัญต่อความสามารถในการดำเนินธุรกิจให้มั่นคงและยั่งยืน สมาชิกของชมรมวาณิชธนกิจในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินพร้อมที่จะสนับสนุนและให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการดังกล่าวในการปรับโครงสร้างธุรกิจ โครงสร้างเงินทุน
รวมถึงการ ระดมทุนจากประชาชน เพื่อให้มีศักยภาพในการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ซึ่งในที่สุดจะสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ และเป็นทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจให้กับนักลงทุน”
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ เลขาธิการสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ กล่าวว่า “สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีที่ได้เห็นตลาดทุนไทยภายใต้ความริเริ่มของสำนักงาน ก.ล.ต. ให้การต้อนรับ'กลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์'ซึ่งอันที่จริงก็พอจะกล่าวเป็น'นวัตกรรม'อีกอย่างหนึ่งด้วย งานสำรวจวิจัยล่าสุดในไทยที่มีอยู่ชี้ให้เห็นว่า มูลค่ารายได้รวมของอุตสาหกรรมหมวดภาพยนตร์ มีสูงถึง 26,992 ล้านบาท อุตสาหกรรมเพลงและคาราโอเกะมีสูงถึง 12,397 ล้านบาท อุตสาหกรรมเกมนั้นยิ่งสูงถึง 32,499 ล้านบาท
ส่วนแอนิเมชั่น ซึ่งมีฐานที่จะเติบโตได้อีกมาก เพิ่งจะเริ่มต้นด้วยมูลค่า 5,623 ล้านบาท ดังนั้น ภายใต้ยุคของทีวีดิจิตอลและเทคโนโลยี 3G สู่ 4G 'อุตสาหกรรมสร้างสรรค์'ข้างต้น จะยิ่งทวีความสำคัญทั้งในเชิงมูลค่าและคุณค่า”
สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ หากท่านเป็นผู้ประกอบธุรกิจที่ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีวิจัย และนวัตกรรม หรือนำองค์ความรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปวัฒนธรรม หรือความคิดสร้างสรรค์ เป็นหลักในการประกอบธุรกิจ และสามารถสร้างคุณค่าหรือมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าและบริการ ดำเนินธุรกิจมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ปี และในงบการเงินงวดปีล่าสุด มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วและส่วนของผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท หรือมีผลกำไร หรือมีกำไรสะสม อย่างใดอย่างหนึ่ง สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ โดยกิจการที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการจะได้รับการอบรมความรู้เกี่ยวกับตลาดทุน
คำแนะนำจากหน่วยงานพันธมิตรได้พบปะและแลกเปลี่ยนมุมมองทางธุรกิจกับผู้ประกอบการที่สนใจร่วมลงทุน นอกจากนี้ จะได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมคำขออนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์และคำขอจดทะเบียนหลักทรัพย์ หากสามารถยื่นคำขออนุญาตต่อสำนักงาน ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ ภายในปี 2558 หรือได้รับสิทธิประโยชน์อื่นจากหน่วยงานพันธมิตร
ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.sec.or.th/inno และยื่นใบสมัครได้ที่สำนักงาน ก.ล.ต. ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2557 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ส่งเสริมการระดมทุน โทร. 1207 กด 2 หรือ 08-1931-4999