- Details
- Category: กลต.
- Published: Monday, 01 December 2014 22:53
- Hits: 3047
ก.ล.ต.จ่อถก ก.คมนาคม ออกกองทุนอินฟราสตรัคเจอร์ฟันด์กองละ 4-5 หมื่นลบ.เล็งขายปีหน้า เปิดแผนปี 58 ชู 6 กลยุทธ์ หนุนตลาดทุนไทยเป็นศูนย์กลางระดมทุน
ก.ล.ต.จ่อถก ก.คมนาคม ออกกองทุนอินฟราสตรัคเจอร์ฟันด์ กองละ 4-5 หมื่นลบ. หวังเสนอขายปีหน้า เปิดแผนปี 58 ชู 6 กลยุทธ์ พัฒนาตลาดทุนไทยเป็นศูนย์สื่อกลางระดมทุนของ บริษัทไทย และต่างประเทศ
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ทางกระทรวงคมนาคมจะมีการเข้ามาหารือกับก.ล.ต. ใน 1-2 สัปดาห์นี้ เรื่อง แนวทางการออกเสนอขายกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราสตรัคเจอร์ฟันด์) ของหน่วยงานที่ทางกระทรวงคมนาคมดูแลอยู่ เพื่อระดมทุนนำเงินมาลงทุนก่อสร้างจากที่ทางกระทรวงคมนาคมมีแผนลงทุนก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นถนน สนามบิน รถไฟฟ้า ท่าเรือ โดยก่อนหน้านี้ทางก.ล.ต.ได้มีการหารือในแต่ละหน่วยงาน แล้ วไม่ว่าจะเป็นกรมทางหลวง กรมการทางพิเศษ รถไฟฟ้ามหานคร ฯลฯ
ทั้งนี้ คาดว่าการหารือครั้งนี้จะมีข้อสรุปของรัฐวิสาหกิจในการออกกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยคาดว่าจะมีการเสนอขายกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน กองละไม่ต่ำกว่า 4-5 หมื่นล้านบาท
"ทางกระทรวงคมนาคมจะเข้ามาเวิร์คช้อปกับก.ล.ต.ว่าจะมีการระดมทุนอย่างไร เพื่อให้สอดคล้องกับการลงทุนของแต่ละหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า กรมทางหลวง ฯลฯ หวังปีหน้าน่าจะมีการจัดตั้งกองทุนเกิดขึ้น"นายวรพล กล่าว
นายวรพล เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2558 ของก.ล.ต. จะเน้นพัฒนา 6 ด้าน คือ 1. ยกระดับมาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล 2. เพิ่มประสิทธิภาพการป้องปรามและบังคับใช้กฎหมายให้รวดเร็ว มีเครื่องมือการลงโทษที่เหมาะสมรองรับการเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี 3. สร้างสินค้าและบริการทางการเงินให้หลากหลาย ดึงดูดผู้ลงทุนทั่วโลก โดยให้ตลาดทุนไทยเป็นจุดเชื่อมโยงตลาดทุนในภูมิภาค
4. เปิดช่องทางให้กิจการทุกประเภท ทุกขนาดสามารถเข้าถึงทุนในรูปแบบที่เหมาะสม โดยเฉพาะกิจการขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) และกิจการเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศ 5. สร้างผู้ลงทุน คุณภาพ พัฒนาให้ประชาชนมีความรู้ทางด้านการเงิน และใช้ประโยชน์จากตลาดทุนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และ 6. เพิ่มประสิทธิภาพก.ล.ต. เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนพรัอมขับเคลื่อนโยบายการพัฒนาตลาดทุนให้สัมฤทธิ์ผล
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเพื่อที่จะทำให้ก.ล.ต.บรรลุเป้าหมายในการรักษาความน่าเชื่อถือของตลาดทุนไทยและคุ้มครองผู้ลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานสากล และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้ตลาดทุนไทยและผู้ประกอบการธุรกิจสามารถสร้างมูลค่าที่โดดเด่นและเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลกเพื่อให้ภาคเศรษฐกิจของไทยสามารถใช้ตลาดทุนไทยเป็นแหล่งระดมทุน ด้วยต้นทุนที่แข่งขันได้กับประเทศอื่น และทำให้กิจการต่าง ๆ กลับเข้าถึง Market Based Financing ในรูปแบบที่เหมาะสมกับสถานภาพของแต่ละบริษัท และเป็นทางเลือกสำคัญในการระดมทุนทำให้ประชาชนมีช่องทางเข้าถึงการลงทุนในตลาดหุ้นที่ตอบโจทย์ของแต่ละคน และลดความเหลื่อมล้ำ
"จากที่จะมีการเปิดเออีซี ซึ่งเราต้องมุ่งพัฒนาให้เป็นผู้ชนะในเออีซี ซึ่งตลาดทุนต้องมีความแข็งแรง ซึ่งก.ล.ต.มีหน้าที่ในการกำกับดูแลตลาดทุน และทำให้ตลาดทุนเป็นที่ยอมรับเชื่อถือให้สามารถแข่งขันได้ และพัฒนาตลาดทุนให้เป็นกลไกที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีการเติบโตอย่างยั่งยืน และประชาชนอยู่ดีมีสุข"นายวรพล กล่าว
นายวรพล ระบุด้วยว่า ตั้งแต่ต้นปี ถึง 20 พ.ย. ก.ล.ต.ได้มีการกล่าวโทษรวมจำนวน 41 คดี รวม 102 ราย โดยแบ่งเป็นการกล่าวโทษตามพ.ร.บ. หลักทรัพย์จำนวน 38 คดี จำนวน 96 ราย และกล่าวโทษตามพ.ร.บ. สัญญาซื้อขายล่วงหน้า จำนวน 3 คดี จำนวน 6 ราย โดยมีจำนวนคดีที่มีคำพิพากษาในปี 2557 รวม 25 คดี มากสุดคือ บจ.ส่งงบการเงิน หรือรายงานทางการเงินและผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามกำหนด 18 ราย การประกอบธุรกิจหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 4 คดี ผู้บริหารบจ.ทุจริต ตกแต่งบัญชี 2 คดี สร้างราคาหลักทรัพย์ 1 คดี
ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้เปรียบเทียบปรับ ตั้งแต่ต้นปีถึง 20 พ.ย. จำนวน 142 ข้อหา 110 ราย มูลค่า 118.17 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าปี 2556 ที่มีมูลค่าปรับจำนวน 71.56 ล้านบาท
ด้านนางทิพยสุดา ถาวรามร รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต. เตรียมออกเกณฑ์รองรับการลงทุนและการออกตราสารของกลุ่มประเทศในแถบลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) เพื่อทำให้ตลาดทุนไทยมีศักยภาพเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงการระดมทุนในภูมิภาค และเพื่อให้นักลงทุนมีทางเลือกในการลงทุนมากขึ้น
สำหรับ เกณฑ์จะแบ่งเป็นในเรื่องการเสนอขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็นตลาดแรก การเข้ามาจดทะเบียน 2 ตลาด ซึ่งคาดว่าจะออกเกณฑ์ได้ไตรมาส 1/2558 และการออกเกณฑ์เพื่อลงทุนกองทรัสต์ โดยจะออกเกณฑ์ไตรมาส 1/2558 การผ่อนคลายเกณฑ์ให้กองทุนไทยสามารถลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนอยู่ในประเทศกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขงได้ 100% จากปัจจุบันที่จำกัดให้ลงทุนได้ 15% โดยคาดว่าจะออกเกณฑ์ได้ไตรมาส 2/2558 และจะมีการออกเกณฑ์ในการออกเสนอขายตราสารแสดงสิทธิ์การนำหลักทรัพย์ต่างประเทศ (DR) ของหุ้นในกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง ได้ไตรมาส 2/2558
"อินฟราสตรัคเจอร์ทรัสต์ จะเป็นบล.ไทยจะไปเลือกสินทรัพย์ที่เป็นอินฟราฯ ในประเทศกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขงมาเพื่อตั้งสิทธิ์กองทุนเพื่อเสนอขายแก่นักลงทุนไทย ซึ่งกองนี้จะไม่ได้รับภาษี แต่สามารถเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่เป็นอินฟราฯ ได้ทุกประเภท จากเกณฑ์อินฟราสตรัคเจอร์ฟันด์จะต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยเท่านั้น โดยการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้ตลาดทุนไทยเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงการระดมทุนในระดับภูมิภาค และยังทำให้นักลงทุนไทยมีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น"นางทิพยสุดา กล่าว