WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Gอภศกดขุนคลังย้ำเศรษฐกิจโตแกร่งส่งออกฟื้น-ลงทุนรัฐหนุนออมสินหวั่นหนี้สูงตัวฉุด

     ไทยโพสต์ * 'อภิศักดิ์' ปลื้มเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่อง ชูรัฐบาลวางแผนนำพาประเทศสู่ความมั่นคง และเติบโตระยะยาว ‘ออมสิน’มั่นใจปีนี้โตได้ 3.5% ภาคส่งออกฟื้น การบริโภคเอกชน-ท่องเที่ยวหนุน ยังหวั่นหนี้ครัวเรือนเป็นตัวฉุด

       นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.การคลัง เปิดเผยในงาน บมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป (LHBANK) บริษัทแม่ของกลุ่มการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ประ กาศความสำเร็จในการร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ CTBC Bank ว่า ประเทศไทยอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยน เปลี่ยนแปลง และต่างชาติได้มองไทยเป็นประเทศกำลังสร้างโอกาสให้ตัวเอง ซึ่งระยะ 10 ปีที่ผ่านมา ไทยได้หยุดพัฒนาจากปัญหาด้านการเมือง แต่รัฐบาลชุดปัจจุบันได้เริ่มวางแผนและนำพาประเทศไปสู่ความมั่นคงและการเติบโตในระยะยาว

     ทั้งนี้ จะเห็นว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 0.8% มาเป็น 2.8% ในปี 2558 และ 3.2% ในปี 2559 ซึ่งล่าสุดปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะอยู่ที่ 3.5-3.6% ทำให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยค่อนข้างมั่นคงและขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง โดยจากนี้จะต้องทำให้ประเทศไทยเจริญเติบโตได้อย่างยั่งยืน

     สำหรับ สิ่งที่ประเทศไทยยังขาดอยู่มี 3 ประการ คือ โครง สร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ซึ่งมีความต้องการให้เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน กลุ่ม CLMV, การเพิ่มประสิทธิภาพของ ประเทศ โดยต้นทุนโลจิสติกส์ของ ไทยยังคงสูงกว่าประเทศอื่น ทำ ให้ต้องพัฒนาแบบองค์รวมเพื่อการเชื่อมโยง และการลงทุนโครง สร้างพื้นฐานที่จะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านการใช้งบประมาณภาครัฐ ในช่วงที่เอกชนยังไม่ลงทุน ซึ่งจะต้องกระตุ้นให้เอกชนลงทุนเพื่อให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ดีต่อเนื่องยั่งยืน

      นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า สถาบันการเงินต้องมีการปรับตัวให้เท่ากับยุคเทคโนโลยีรองรับนวัตกรรมทางการเงินใหม่ เช่น ฟินเทค และยุคดิจิทัล ซึ่งต้องพัฒนาให้บริการหลายหลาก ยกระดับบริหารความเสี่ยงภายใต้ความผันผวน และความไม่แน่นอนของโลก โดย ธปท.มีนโยบายให้สถา บันการเงินหาพันธมิตรสร้างโอกาสทางธุรกิจ ให้ไทยเป็นศูนย์รวมเชื่อมโยงทั้งภูมิภาค

     นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธุรกิจ และเศรษฐกิจฐานราก ธนาคารออมสิน ได้คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2560 ขยายตัวที่ 3.5% โดยการขยายตัวจะปรับตัวเร่งขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากแรงขับเคลื่อนของภาคการส่งออกที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดี ประกอบกับการบริ โภคภาคเอกชนที่จะขยายตัวดีขึ้นจากเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเข้าสู่ระบบในช่วงครึ่งปีหลัง รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นในฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปี ขณะเดียวกัน การดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย มีส่วนช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวดีขึ้น

      สำหรับ ปัจจัยที่สนับสนุนเศรษฐกิจไทยในปี 2560 ได้แก่ การลงทุนและการใช้จ่ายของภาครัฐซึ่งยังคงเป็นเครื่องยนต์หลักของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย จากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง  อย่างไรก็ตาม มีปัจจัย ลบ เช่น ระดับหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ความต่อเนื่องของการลงทุนภาคเอกชน และความชัดเจนทางการเมือง เป็นต้น.

สรรพากร ขานรับรมว.คลังให้การประกันสุขภาพสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ เตรียมศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม

      นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า กรมสรรพากรได้เห็นชอบในหลักการจากที่ได้เคยมอบนโยบายให้ไปพิจารณากรณีให้การทำประกันสุขภาพสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ส่วนหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นการช่วยการรักษาพยาบาลในส่วนของบัตรทอง และประกันสังคมลง อีกทั้งยังช่วยประหยัดงบประมาณของประเทศได้มากขึ้นด้วย

       แต่ทั้งนี้ กรมสรรพากรยังไม่ได้นำเสนอรายละเอียดให้กระทรวงการคลังพิจารณา โดยขณะนี้ยังเป็นแค่เพียงการเห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว เนื่องจากมองว่าแนวนโยบายนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายทั้งผู้ทำประกัน,บริษัทประกัน และรัฐบาลเอง

       โดยก่อนหน้านี้ การประกันสุขภาพซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของประกันชีวิตจะสามารถลดหย่อนภาษีได้ทั้งหมด แต่ภายหลังมีการตีความว่าประกันสุขภาพไม่ใช่การทำประกันชีวิต จึงทำให้ไม่สามารถนำไปใช้หักลดหย่อนภาษีเงินได้ส่วนบุคคลได้ ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทประกันได้มีข้อเรียกร้องกับรัฐบาลมาตลอดว่าให้การทำประกันสุขภาพสามารถนำไปใช้หักลดหย่อนภาษีได้เหมือนเช่นการทำประกันชีวิต ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนทำประกันเพื่อการดูแลรักษาตัวเอง และไม่เป็นภาระกับงบประมาณของประเทศ

      รมว.คลัง ยังกล่าวถึงการดูแลผู้มีรายได้น้อยว่า รัฐบาลจะทยอยออกมาตรการเพิ่มเติม เพื่อให้การดูแลเศรษฐกิจในระดับฐานรากมีความต่อเนื่อง ซึ่งจะทยอยออกมาตรการในช่วงเวลาที่เหมาะสม ส่วนมาตรการดูแลผู้มีรายได้น้อย โดยการแจกสวัสดิการต่างๆ ผ่านบัตรผู้มีรายได้น้อย จะเริ่มวันที่ 1 ต.ค.60 วงเงิน 40,000 ล้านบาทนั้น ไม่ถือว่าเป็นการดำเนินการที่ล่าช้า เพราะเหลือเวลาอีกเพียงเดือนกว่าก็จะเริ่มดำเนินการได้แล้ว

        อินโฟเควสท์

รมว.คลัง ระบุบาทแข็งค่าสุดในภูมิภาค หลังศก.- ส่งออกฟื้น แถมเงินเข้า LH Bank กว่า 2 หมื่นลบ. หลังร่วมทุน CTBC เชื่อธปท.ดูแลได้

      รมว.คลัง ระบุบาทแข็งค่าสุดในภูมิภาค หลังศก.- ส่งออกฟื้น แถมเงินเข้า LH Bank กว่า 2 หมื่นลบ. หลังร่วมทุน CTBC  เชื่อธปท.ดูแลได้ แย้มเร็วๆ จะมีอีก 1 แบงก์ร่วมทุนธุรกิจประกันวงเงินประมาณ 10,000 ลบ. อาจทำเงินบาทแข็งค่าเพิ่มขึ้น  เผยอยู่ระหว่างพิจารณาเกณฑ์กฎหมายฟอกเงิน KYC ยันไม่มีความจำเป็นออกแผนช่วยธุรกิจอสังหาฯ ที่น้ำท่วม เหตุที่ผ่านมายอดขายซบไปตามศก.มากกว่า

     นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าที่สุดในภูมิภาค ว่ามีสาเหตุหลักจากเงินทุนที่ไหลเข้ามาลงทุนในประเทศ ทั้งจากการค้าขายที่ปัจจุบัน เกินดุลประมาณพันล้านดอลลาร์ต่อเดือน นอกจากนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมายังมีเงินจากต่างชาติขนาดใหญ่ไหลเข้ามาลงทุนในธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LHBANK ประมาณ 20,000 กว่าล้านบาท หลังจากที่ร่วมทุนกับ CTBC BANK พันธมิตรจากไต้หวัน  นอกจากนี้ในเร็วๆนี้จะมีธนาคารทำข้อตกลงร่วมกับธุรกิจประกันภัย ซึ่งจะมีเงินไหลเข้ามาลงทุนในประเทศอีกกว่า 10,000 ล้านบาท ส่งผลให้ มีเงินดอลลาร์เข้ามาอยู่ในระบบค่อนข้างมาก ส่งผลให้ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้น 

      อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. จะดูแลได้ และไม่ปล่อยให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเกินกว่าที่ควรจะเป็น ขณะที่ภาคการส่งออก ยืนยันว่า ค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นไม่ส่งผลกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เนื่องจากผู้ประกอบการได้ทำประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือ เฮดจิ้งไว้แล้ว ประกอบกับผู้ประกอบการขนาดใหญ่จะมีธุรกิจ สองขา คือ การนำเข้า และส่งออก ซึ่งถือว่าเป็นการทำประกันความเสี่ยงโดยธรรมชาติ ขณะที่ผู้ส่งออกที่ใช้ผลผลิตในประเทศเป็นหลัก หรือ รายเล็ก จะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่ทำประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนน เพราะเป็นต้นทุนของธุรกิจ 

      “หากไม่สามารถทำประกันความเสี่ยงได้โดยธรรมชาติ มันก็ต้องทำเฮดจิ้งของค่าเงินไว้ จะไปหวังหรือเกร็งกำไรว่าค่าเงินจะแข็งค่า หรืออ่อนค่าในระยะข้างหน้าไม่ได้ ขณะที่ความสามารถในการแข่งขันรายเล็กยังมีปัญหา ขณะที่การส่งออกยืนยันว่า ปีนี้การส่งออกของไทยยังเติบโตได้ เพราะการส่งอออกส่วนใหญ่มาจากผู้ประกอบการรายใหญ่เป็นหลัก”นายอภิศักดิ์ กล่าว 

       นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากเปิดรับฟังความเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายหลักทรัพย์ เพื่อเพิ่มอำนาจให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ให้มีอำนาจในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับตลาดทุนได้ทันถ่วงที เช่น หากมีผู้บริหาร หรือ กรรมการทำให้เกิดความเสียหายต่อกิจการส่วนรวม หรือ ผู้ถือหุ้นขัดแย้งหรือทะเลาะกัน ว่าผลจากการรับฟังความเห็นส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยในการเพิ่มอำนาจดังกล่าว แต่อย่างก็ตามหลังจากนี้ก.ล.ต.อยู่ระหว่างกกรพิจารณาร่างใหม่อีกครั้ง 

      นอกจากนี้ จากกรณีที่สำนักงานป้องกันและปรามปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. อยู่ระหว่างการดำเนินการเกี่ยวกับการเพิ่มเติมรายละเอียดกฎหมาย KYC/DCC เกี่ยวกับการให้ลูกค้ายืนยันตัวตนกับสถาบันการเงินได้โดยไม่ต้องเดินทางไปยังสาขาของธนาคารนั้น ขณะนี้กระทรวงการคลัง ร่วมกับธปท. กระทรวงดีอี เพื่อศึกษาแนวทางการให้บริการทางการเงินผ่านระบบการรู้จักตัวตนของลูกค้า หรือ KYC ของสถาบันการเงิน ที่ในหลายประเทศดำเนินการอยู่ โดยระบบดังกล่าวไม่จำเป็นต้องให้ลูกค้าเดินทางไปยังสาขา แต่สามารถให้ข้อมูลระหว่างลูกค้าและสถาบันการเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้โดยตรง ทั้งการฝาก ถอน และการขอสินเชื่อต่างๆ 

      ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการเงินที่สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น ขณะเดียวกัน จะเป็นการลดต้นทุนการบริหารจัดการด้านบุคคลากรและสาขาที่ปัจจุบันมีต้นทุนสูงที่สุดในขณะนี้ ทุกภาคส่วนจึงจำเป็นต้องพัฒนาคุณภาพการให้บริการเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น รวมไปถึงการป้องกันการฟอกเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย 

       อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คณะทำงานอยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสมของเงื่อนไขในการทำ KYC ว่าจะต้องมีความเข้มงวดในระดับใด โดยจะมีทั้งระดับ 3-4 ที่จะมีการระบุความชัดเจนทุกส่วน หรือเพียงแค่ระดับ 1 ที่ให้ข้อมูลเพียง ชื่อและเขตบัตรประจำตัวประชาชนเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสม โดยยืนยันก่อนจะนำออกมาใช้นั้น คณะทำงานจะต้องทดสอบระบบเพื่อให้ไม่เกิดปัญหาการล้วงข้อมูล และทำให้ประชาชนเกิดความเสียหายแน่นอน โดยต้องการเห็นระบบดังกล่าวเกิดขึ้นให้เร็วที่สุด และจะต้องเชื่อมโยงกับตลาดเงินตลาดทุน เพื่อให้เกิดเป็นระบบเดียวกัน

      ส่วนผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ยืนยันว่า ในช่วงที่ผ่านมาหลายหน่วยงานได้เร่งออกมาตรการช่วยเหลือแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ไปหากเห็นความจำเป็นต้องออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบก็พร้อมดำเนินการ อย่างไรก็ตาม กรณีที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ที่ประสบน้ำท่วม ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือโดยการใช้มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน การจดจำนอง และภาษีธุรกิจเฉพาะให้กับผู้ซื้อในพื้นที่เพื่อกระตุ้นยอดนั้น ยืนยันไม่มีความจำเป็นต้องดำเนินมาตรการดังกล่าว เพราะไม่เกี่ยวข้องกัน เนื่องจากยอดขายอสังหาฯในช่วงที่ผ่านมา ปรับตัวลดลงอยู่แล้ว ตามภาวะเศรษฐกิจ

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!