- Details
- Category: คลัง
- Published: Thursday, 13 July 2017 21:51
- Hits: 8866
กรมบัญชีกลาง ยันบัตรคนจนพร้อมแจกกันยายนนี้ ขู่หากพบสวมสิทธิ์ใช้บัตรแทน ยกเลิกบัตรทันที
กรมบัญชีกลางระบุบัตรคนจนพร้อมแจกกันยายนนี้ ก่อนใช้จริง 1 ต.ค. 60 ชี้หลังตรวจคุณสมบัติอาจเหลือผู้ที่ได้รับสิทธิ์น้อยกว่า 13 ล้านคน จากที่มายื่นขอกว่า 14 ล้านคน ขู่พบสวมสิทธิ์ใช้บัตรแทน ยกเลิกบัตรทันที
นางสาวอรนุช ไวนุสิทธิ์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า การจัดทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ผู้มีสิทธิตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ขณะนี้ได้ส่งรายชื่อที่ได้จากกรมการปกครอง เพื่อส่งไปให้กรมที่ดิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารพาณิชย์ ตรวจสอบคุณสมบัติในเชิงลึกแล้ว ก่อนส่งนักศึกษาไปสำรวจในพื้นที่อีกครั้ง ซึ่งเบื้องต้นคาดว่ามีผู้ที่ได้รับสิทธิ์น้อยกว่า 13 ล้านคน จากที่มายื่นขอกว่า 14 ล้านคน
ทั้งนี้ หลังตรวจสอบคุณสมบัติเสร็จ กรมฯจะส่งรายชื่อให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ภายในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ เพื่อจัดทำบัตรต่อไป โดยภายในเดือนกันยายนนี้ผู้มีรายได้น้อยจะได้รับบัตรดังกล่าวทุกรายจากจุดที่มาลงทะเบียนทั่วประเทศ เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยใช้สิทธิ์ได้ทันภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2560 นี้
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาการสวมสิทธิ์ใช้บัตรประจำผู้มีรายได้น้อย กรมบัญชีกลางจะออกระเบียบการใช้บัตรที่ชัดเจน โดยหากผู้มีรายได้น้อยทำบัตรหายจะต้องไปแจ้งความ เพื่อออกบัตรใหม่ ซึ่งบัตรดังกล่าวจะมีอายุการใช้งาน 5 ปี แต่หากตรวจสอบแล้วพบว่าให้ผู้อื่นใช้สิทธิ์แทนโดยสมัครใจ จะถูกยึดบัตรและยกเลิกการใช้สิทธิ์ทันที
ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงกรณีที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. มีมติอนุมัติงบประมาณ 1,705 ล้านบาท ให้กรมบัญชีกลางจัดทำบัตรสวัสดิการ 2 ประเภท ประกอบด้วย 1.บัตรสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ และ 2.บัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ผู้มีสิทธิตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ว่า บัตรดังกล่าวจะส่งผลดีต่อการใช้จ่ายงบประมาณ เพราะจะสามารถลดปัญหาการรั่วไหลเงินที่ส่งลงไปยังข้าราชการและประชาชน พร้อมทั้งยังสามารถบริหารจัดการงบประมาณของรัฐได้ดีขึ้น เนื่องจากรัฐจะมีข้อมูลส่วนกลาง หรือ Big Data ทั้งของข้าราชการและประชาชน มาไว้ใช้เพื่อวางแผนการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ว่าจะต้องเสียงบประมาณในการจัดทำบัตรดังกล่าวในช่วงแรกก็ตาม ซึ่งถือว่าคุ้มค่า เพราะจะทำให้ทุกอย่างเป็นระบบมากขึ้น เพราะเม็ดเงินลงทุนดังกล่าวจะกลับเข้าสู่ระบบทำให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้น
ขณะที่ประชาชนเอง จะมีความสะดวกในการใช้จ่ายและรับสวัสดิการจากการใช้บัตรได้ดีขึ้น และยังสามารถมีเงินหมุนเวียนในกระเป๋าเพิ่มมากขึ้น เพราะในส่วนของบัตรสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการนั้น ข้าราชการไม่จำเป็นต้องสำรองจ่ายเงินล่วงหน้าก่อนอีก ส่วนผู้มีรายได้น้อย รัฐบาลจะใส่วงเงินแต่ละสวัสดิการ ซึ่งจะทำให้ค่าครองชีพจากการดำรงชีวิตลดลง ก็จะทำให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยมากขี้น ดันเศรษฐกิจให้ขยายตัวดีขึ้นตามไปด้วย
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย