WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Gอภศกดรมว.คลัง มั่นใจจีดีพีปี 60 โต 3.5-3.6% เดินหน้าลดความเหลื่อมล้ำ เตรียมชง ครม.ให้คนร่ำรวยสมัครใจไม่ต้องรับเบี้ยคนชรา
      รมว.คลัง มั่นใจจีดีพีปี 60 โต 3.5-3.6%  เดินหน้าลดความเหลื่อมล้ำ ทั้งกระตุ้นให้ปชช.เข้าถึงแหล่งเงินทุน - แก้ปัญหาส่วนต่างดบ.ผู้ประกอบการ ลดต้นทุน SME พร้อมชงครม.ให้คนชราร่ำรวยไม่ต้องขอรับเบี้ยสูงอายุ 
     นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายในงานมหกรรมการเงิน ครั้งที่ 17 ว่า ในปี 2560 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 3.5-3.6% โดยรัฐบาลพยายามส่งเสริมการลงทุน ผ่านโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้เกิดผู้ประกอบการใหม่ๆเพิ่มมากขึ้นด้วย เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตแบบกระจายตัว 
    อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจจะเติบโตได้นั้น สิ่งสำคัญ คือ จะต้องไม่ลืมเศรษฐกิจฐานราก ดังนั้น รัฐบาลจึงมีนโยบายที่จะดูแลผู้ที่มีรายได้น้อย ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเท่าเทียมของคนในสังคม เนื่องจากที่ผ่านมา พบว่า ปัญหาความยากจนไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเด็ดขาด เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี อัตราความยากจนจึงสูงขึ้นต่อเนื่อง 
    "สิ่งที่เกิดขึ้น คือ มันพิสูจน์แล้วว่า เศรษฐกิจจะต้องเจริญเติบโต ถึงจะสามารถแก้ปัญหาทุกเรื่องที่เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะความยากจน ซึ่งตอนนี้รัฐบาลพยายามสสร้างโอกาสให้กับทุกกลุ่มในสังคม เพื่อสร้างความเสมอภาคและความเท่าเทียมให้เกิดขึ้น”นายอภิศักดิ์ กล่าว   
     นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับการลดความเหลื่อมล้ำนั้น สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ เรื่องการศึกษา จะทำอย่างไรให้ทุกคน ทุกกลุ่มได้รับการศึกษาที่เท่าเทียมกัน ซึ่งในเบื้องต้น อาจให้บุคลากรที่เก่งอันดับต้นๆของแต่ละประเภทวิชา อัดวิดิโอการสอน และส่งต่อไปยังต่างจังหวัด เพื่อไม่ให้เกิดการเปรียบเทียบการศึกษาระหว่างในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด 
     รวมถึงการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา พบว่า กลุ่มบริษัท ภาคธุรกิจบางส่วนยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้เท่าที่ควร ดังนั้นรัฐบาลจึงพยายามดำเนินนโยบายผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ทั้ง ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หรือ ธ.ก.ส. เป็นต้น เพื่อช่วยเป็นกลไกในการให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ 
      “เรื่องแหล่งเงินทุน นอกจากการให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินแล้ว ยังอยากให้สถาบันการเงินกลับไปแก้ไขปัญหาส่วนต่างดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับผู้ประกอบการขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ที่ส่วนต่างดอกเบี้ยในการได้รับแตกต่างกัน เช่น ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ แบงก์ให้กู้คิดดอกเบี้ย 1%ขณะที่ขนาดเล็กคิดดอกเบี้ย 6-7% ส่งผลให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ร้านค้า ไม่สามารถอยู่รอดได้ แข่งขันได้ยาก เพราะต้นทุนทางการเงินที่แตกต่างกัน”นายอภิศักดิ์ กล่าว
       นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน รัฐบาลพยายามดำเนินนโยบายช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ผ่านการลงทะเบียนรับสวัสดิการ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ตั้งกองทุนประชารัฐ วงเงิน 50,000 ล้านบาท เพื่อเป็นกองทุนในการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ขณะเดียวกันยังมีนโยบายพี่ช่วยน้อง โดยให้ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดเล็ก และได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งที่ผ่านมายังไม่ได้รับความสนใจ แต่หากทำได้จริง จะช่วยลดงบประมาณของภาครัฐได้
    นอกจากนี้ ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า กระทรวงการคลัง จะเสนอให้ครม.พิจารณาโดยให้ผู้รับสิทธิเบี้ยคนชรา ที่มีฐานะ และมีความสมัครใจไม่ขอรับเงิน และมีความประสงค์ต้องการบริจาคเบี้ยที่ได้รับประมาณ 600 บาทต่อเดือนนั้น บริจาคเข้ากองทุนประชารัฐ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้มีรายได้น้องต่อไป
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!