WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

MOFพรชย ฐระเวชคลัง ประกาศความพร้อมลงทะเบียนคนจน ปี 60 ช่วง 3 เม.ย.-15 พ.ค.นี้

 คลัง ประกาศความพร้อมลงทะเบียนคนจน ปี 60 ช่วง 3 เม.ย.-15 พ.ค.นี้  ก่อนตรวจสอบผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนจะแล้วเสร็จภายในเดือนก.ค.60 และจะประกาศรายชื่อผ่านเว็บไซต์ www.epayment.go.th

     นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560 มีความพร้อมทั้งหน่วยงานรับลงทะเบียนและหน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียน สำหรับการเปิดลงทะเบียนที่จะเริ่มขึ้น ในระหว่างวันที่ 3 เมษายน 2560 – 15 พฤษภาคม 2560 มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้

  1. ความพร้อมของหน่วยงานรับลงทะเบียน

  1.1 ธนาคาร 3 แห่งที่รับลงทะเบียน ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้จัดทำระบบรองรับการลงทะเบียนผ่านคอมพิวเตอร์และทำการทดสอบระบบการอ่านข้อมูลในบัตรประจำตัวประชาชนเสร็จเรียบร้อยแล้ว

  1.2 คลังจังหวัด 76 จังหวัด สังกัดกรมบัญชีกลาง ได้จัดการประชุม Conference สำนักงานคลังจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบการลงทะเบียนผ่านคอมพิวเตอร์ที่ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงการคลัง ได้ทำการติดตั้งให้ ผลการทดสอบได้ผลเป็นที่น่าพอใจและพร้อมรับลงทะเบียน นอกจากนี้ คลังจังหวัดทั่วประเทศได้เร่งประชาสัมพันธ์โครงการฯ ผ่านสื่อวิทยุในท้องถิ่นและการจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เข้าใจขั้นตอนการกรอกแบบฟอร์มและการลงทะเบียน และยังมีการจัดประชุมเจ้าหน้าที่คลังจังหวัดเพื่อซักซ้อมความเข้าใจก่อนเปิดบริการประชาชนให้มาลงทะเบียน

  1.3 สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร ทั้ง 50 เขต ได้ทำการติดตั้งระบบการลงทะเบียนผ่านคอมพิวเตอร์ของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงการคลัง เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการทดสอบความพร้อมของระบบ คาดว่าจะใช้งานได้ทันการเปิดรับลงทะเบียนในวันที่ 3 เมษายน 2560

  ทั้งนี้ ก่อนถึงวันเปิดลงทะเบียน ผู้ลงทะเบียนสามารถศึกษาแบบฟอร์มและคู่มือการลงทะเบียนได้ในเว็บไซต์ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) www.fpo.go.th ในวันลงทะเบียน ผู้ลงทะเบียนต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชนแบบ Smart Card ในการลงทะเบียน และหลังจากปิดโครงการฯ กระทรวงการคลังจะเปิดให้ผู้ลงทะเบียนตรวจสอบรายชื่อในระบบการลงทะเบียน ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2560 ผ่านเว็บไซต์ www.epayment.go.th โดยการกรอกเลขประจำตัวประชาชน หรือสามารถตรวจสอบได้ที่สายด่วนของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 1359 ในเวลาราชการ และหากไม่ปรากฏชื่อให้รีบติดต่อหน่วยงานรับลงทะเบียน ณ สาขาที่ได้ไปลงทะเบียนไว้ภายในวันที่ 2 มิถุนายน 2560

2. ความพร้อมของหน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียน

   2.1 การตรวจสอบข้อมูลบุคคล เช่น ชื่อ นามสกุล สัญชาติ อายุ เป็นต้น จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง โดยกรมการปกครองจะทำการตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์หลังจากกระทรวงการคลังส่งข้อมูลให้

   2.2 การตรวจสอบรายได้จากฐานข้อมูลการชำระภาษีของกรมสรรพากร โดยจะทำการตรวจสอบรอบแรกสำหรับผู้ที่ยื่นแบบชำระภาษีทางอินเตอร์เน็ต และรอบสองสำหรับผู้ที่ยื่นแบบชำระภาษีเป็นกระดาษ จะแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2560

  2.3 การตรวจสอบเงินฝากในธนาคารพาณิชย์ของผู้ลงทะเบียน โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เชิญธนาคารพาณิชย์ไทยจำนวน 15 ธนาคาร มาร่วมหารือ และได้ข้อสรุปว่าจะตรวจบัญชีเงินฝากออมทรัพย์และฝากประจำ ทั้งบัญชีเดี่ยวและบัญชีร่วม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2560

   2.4 การตรวจสอบอสังหาริมทรัพย์ โดยสำนักงานที่ดินสังกัดกรมที่ดิน จะทำการตรวจสอบที่ดินในภูมิลำเนาของผู้ลงทะเบียน ณ วันที่กระทรวงการคลังส่งข้อมูลให้ และจะทำการตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2560

   ทั้งนี้ การตรวจสอบผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนจะแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2560 และจะประกาศรายชื่อผ่านเว็บไซต์ www.epayment.go.th และ ณ ที่ทำการอำเภอหรือสำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นที่อยู่ปัจจุบันที่ผู้ลงทะเบียนกรอกไว้ในแบบฟอร์ม และจะเป็นที่อยู่ที่จะจัดส่งบัตรสวัสดิการต่อไป

รบ.เชิญชวนปชช.ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยรอบ2 ระหว่าง 3 เม.ย.-15 พ.ค.

     พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (3 เม.ย.) รัฐบาลจะเปิดให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อย ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐรอบที่ 2 เป็นวันแรก โดยจะดำเนินการต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 15 พ.ค.60 เพื่อให้ภาครัฐมีข้อมูลของผู้มีรายได้น้อยที่เป็นปัจจุบันและจัดสวัสดิการช่วยเหลือได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย

      "เมื่อปีที่แล้วมีประชาชนไปลงทะเบียนทั้งสิ้น 8,375,383 ราย แต่เป็นผู้มีสิทธิ์ซึ่งมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่จะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล 1,500 บาท และ 3,000 บาท จำนวน 7,715,359 ราย โดยในจำนวนนี้ได้รับเงินโอนไปแล้ว 7,525,363 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 97.5 ของจำนวนผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด ส่วนที่เหลือไม่ได้รับเงินโอนเนื่องจากไม่มีบัญชีเงินฝากกับธนาคาร ไม่ไปติดต่อกับธนาคาร หรือบัญชีติดอายัด"

       ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับโครงการนี้เป็นอย่างมากเพราะถือเป็นช่องทางให้ความช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยโดยตรงโดยฝากเชิญชวนให้ผู้ที่มีคุณสมบัติตามที่ประกาศไว้ไปลงทะเบียนได้ที่ ธ.กรุงไทย ธ.ออมสิน และ ธ.ก.ส. ทุกสาขา สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัด และสำนักงานเขตใน ก.ท.ม. เพื่อรับบัตรประจำตัวผู้มีรายได้น้อยการช่วยเหลือค่าน้ำค่าไฟ ค่าโดยสารรถสาธารณะ การประกันภัยผู้มีรายได้น้อย หรือเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เป็นต้น

      "ผู้ที่มีสิทธิ์ทุกคนจะต้องไปลงทะเบียนใหม่ทั้งหมดทุกราย ทั้งรายเดิมที่เคยลงทะเบียนแล้วและรายใหม่ที่ยังไม่เคยลงทะเบียน โดยต้องมีสัญชาติไทยอายุ 18 ปีขึ้นไป เป็นผู้ว่างงานหรือมีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทในปี 59 ไม่มีทรัพย์สินทางการเงิน หรือไม่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ตามกฎหมาย หรือหากมีบ้านพักอาศัยต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตร.ว. ห้องชุดไม่เกิน 35 ตร.ม. หรือมีที่ดินเพื่อการเกษตรไม่เกิน 10 ไร่ หรือที่ดินอื่นที่ไม่ใช่การเกษตร ไม่เกิน 1 ไร่"

      หลังจากลงทะเบียนแล้วสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิ์ได้ตั้งแต่เดือน มิ.ย.60 ที่ www.epayment.go.th หรือที่ทำการกำนันผู้ใหญ่บ้าน หากไม่มีชื่อให้ไปติดต่อกับหน่วยงานที่ลงทะเบียนไว้ และรอรับบัตรสวัสดิการที่กระทรวงการคลังจะดำเนินการให้ต่อไป

สศค.เตรียมเสนอมาตรการดูแลคุณภาพชีวิตและเพิ่มรายได้เกษตรกรให้รมว.คลังพิจารณา

     นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ไปพิจารณาหามาตรการในการดูแลคุณภาพชีวิตและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรที่มีรายได้น้อย เพื่อให้เกษตรกรของไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม และสามารถหลุดพ้นจากการเป็นหนี้นอกระบบได้ ซึ่ง สศค.ได้ไปศึกษาแนวทางในการออกมาตรการดังกล่าวตามที่ได้รับมอบหมายไว้แล้ว และคาดว่าจะนำเสนอให้นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ได้พิจารณาในการประชุมวันนี้

     "เราอยากให้ลองคิดนอกกรอบดูบ้างว่าทำอย่างไรถึงจะให้เกษตรกรในประเทศมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หลุดพ้นจากหนี้นอกระบบ ก็สั่งให้ สศค.ไปศึกษาตัวอย่างมา พร้อมกับทบทวนกลไกการช่วยเหลือเกษตรกร เฉพาะในส่วนที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงการคลังก่อน และให้นำมาเสนอในที่ประชุมวันนี้" นายสมชัย กล่าว

      นอกเหนือจากหามาตรการดูแลคุณภาพชีวิตและเพิ่มรายได้ของเกษตรกรแล้ว ในส่วนขององค์กรที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตรก็อาจจะต้องมีการปรับบทบาทหน้าที่เพื่อให้เป็นกลไกหนึ่งในการเข้ามาช่วยเหลือภาคเกษตรได้ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา เช่น อาจจะต้องมีการทบทวนบทบาทหน้าที่ของตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อช่วยดูแลในเรื่องเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร

   "ที่ผ่านมาบทบาทในส่วนของตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าค่อนข้างเงียบๆ ไป ไม่สามารถดูแลเรื่องเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรได้ดีเท่าที่ควร ก็ต้องเข้าไปดูว่าเขามีปัญหาหรือมีอุปสรรคอะไร" นายสมชัย กล่าว

      นอกจากนี้ กระทรวงการคลังจะไปพิจารณาเรื่องกองทุนสำหรับการช่วยเหลือเกษตรกรว่าที่ผ่านมาแต่ละกองทุนได้ให้ความช่วยเหลือเกษตรได้ตรงตามเจตนารมย์ที่วางไว้หรือไม่ รวมทั้งจะพิจารณาว่าระหว่างการดำเนินการที่เป็นลักษณะของหลายๆ กองทุน กับการดำเนินการที่เป็นกองทุนใหญ่เพียงกองทุนเดียว แบบไหนจะสามารถช่วยในการดูแลคุณภาพชีวิตของเกษตรกรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน

     ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า นอกจากการช่วยให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตและรายได้ที่ดีขึ้นแล้ว อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญคือ ต้องให้เกษตรกรมีที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง ซึ่งกฎหมายธนาคารที่ดินหากมีผลบังคับใช้ก็จะมีส่วนในการเข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรในส่วนนี้ได้ เนื่องจากที่ดินถือเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่เกษตรกรจำเป็นต้องมีในการประกอบอาชีพ

    "สิ่งที่ สศค.จะนำมาเสนอ รมว.คลังนั้น หากนำเสนอมาตรการได้ถูกทาง และเป็นมาตรการที่ตรงใจ ก็เชื่อว่ารมว.คลัง คงจะนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาได้ในไม่ช้า" นายสมชัย กล่าว

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!