- Details
- Category: คลัง
- Published: Friday, 17 March 2017 07:32
- Hits: 6462
ปลัดคลัง ชี้เฟดขึ้นดบ.กระทบตลาดเงิน-ทุนระยะสั้น มั่นใจประเมินภาษีหุ้นชินคอร์ปเสร็จทัน 31 มี.ค.นี้
ปลัดคลัง ชี้เฟดขึ้นดบ.กระทบตลาดเงิน-ทุนระยะสั้น มั่นใจไทยมีมาตรการรองรับความผันผวน เตือนเอกชนป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน เผยสรรพกรอยู่ระหว่างประเมินภาษีหุ้นชินคอร์ป มั่นใจแล้วเสร็จทัน 31 มี.ค.นี้แน่นอน
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีที่ธนาคารกลางของสหรัฐ หรือ เฟด มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% นั้น เป็นเรื่องปกติที่เมื่อเศรษฐกิจร้อนแรงจนเกินไป และอัตราเงินเฟ้อเข้าใกล้ 2% ก็สามารถทำได้และเป็นเรื่องที่ตลาดทั่วโลกคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว โดยมองว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่อตลาดเงินและตลาดทุนในระยะสั้นเท่านั้น
สำหรับ ประเทศไทยนั้น มองว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีมาตรการในการดูแลและรองรับกับความผันผวนที่จะเกิดขึ้น ขณะที่ภาคเอกชนก็จะต้องทำประกันความเสี่ยงเพื่อรองรับอัตราแลกเปลี่ยนด้วย
“เป็นเรื่องที่รู้อยู่แล้วว่า หากเฟดขึ้นดอกเบี้ยเงินจะต้องไหลออก แต่มันก็คงกระตุกแค่ช่วงสั้นๆเท่านั้น แต่ธปท.ก็ดูแลค่าเงินได้และปัจจุบันค่าเงินก็ไม่ได้แข็งค่าหรืออ่อนค่าเกินไป ยังรอบรับได้ ขณะที่เอกชนก็ต้องเตรียมพร้อม เพื่อรองรับความผันผวนที่จะเกิดขึ้น”นายสมชัย กล่าว
ส่วนกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กรมสรรพากร ประเมินอัตราภาษีเพื่อเรียกเก็บจากดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีขายหุ้นชินคอร์ปให้กับเทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ เมื่อปี 2549 คิดเป็นมูลค่า 16,000 ล้านบาทนั้น ว่า ยืนยันว่า ทุกอย่างดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย และไม่จำเป็นต้องขยายอายุความที่จะหมดในวันที่ 31 มีนาคม 2560 รวมถึงไม่จำเป็นต้องออกกฎหมายใหม่เพื่อมาบังคับใช้ในกรณีดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ ปัจจุบัน กรมสรรพากรอยู่ระหว่างการพิจารณาอัตราภาษี รวมค่าเรียกปรับ ซึ่งคาดว่าในขั้นตอนนั้นจะสามารถประเมินได้แล้วเสร็จทันวันที่ 31 มีนาคมนี้อย่างแน่นอน ส่วนการดำเนินงานในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาหลังจากได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อตรวจสอบกรณีการเก็บภาษีหุ้นดังกล่าว จะตรวจสอบทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง และสาเหตุที่ยังไม่ได้มีการประเมินภาษี ซึ่งตนขอชี้แจงว่า ไม่ได้รู้ในกระบวนการมากนัก เนื่องจากไม่ได้อยู่ในคณะกรรมการ แต่เป็นเพียงผู้ตั้งคณะกรรมการเท่านั้น
“เราทำทุกอย่างอย่างรอบคอบตามกระบวนการปกติที่ทำได้ ตามที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ชี้ช่องว่าสามารถใช้มาตรา 61 ได้ และเชื่อทุกอย่างจะประเมินแล้วเสร็จทันเวลาแน่นอน และหลังจากประเมินแล้วอายุความก็จะไม่มี สามารถดำเนินการต่อจนกระบวนการฟ้องร้องต่อศาลได้และยืนยันว่าทุกอย่างจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด รวมถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริง แม้ผู้บริหารในสมัยดังกล่าวที่เกี่ยวข้องจะไม่ได้อยู่ในราชการแล้ว ก็ยังสามารถมีความผิดในเรื่องของอาญาได้”นายสมชัย กล่าว
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
