- Details
- Category: คลัง
- Published: Tuesday, 22 November 2016 22:48
- Hits: 12273
ชง'อภิศักดิ์'ลดหย่อนภาษี/หลัง'กำลังซื้อ'แผ่ว คลังเล็งกระตุ้นศก.อีกรอบ
แนวหน้า : กระทรวงการคลัง รับลูก 'สมคิด' หลังพบช่วงใกล้สิ้นปี ประชาชนไม่อยู่ในอารมณ์จับจ่าย เสนอ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกลอต ลดหย่อนภาษีท่องเที่ยว-ช็อปปิ้ง ลุ้น “อภิศักดิ์”ไฟเขียว
มีรายงานข่าวจาก กระทรวงการคลัง แจ้งว่ากระทรวงการคลัง จะเสนอมาตรการภาษีเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ และกำลังซื้อภายในประเทศช่วงปลายปี 2559 ให้ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงค์ รมว.คลัง พิจารณาประกอบด้วย
มาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวได้ตามจำนวนเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาทต่อปี, มาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ จากผู้ประกอบกิจการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาท
มาตรการยกเว้นภาษีเพื่อสนับสนุนการค่าซื้อสินค้าประเภทเครื่องใช้สำอาง และน้ำหอม (ช็อปปิ้ง พาราไดซ์) เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมเครื่องสำอางที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอและกำลังซื้อที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ มาตรการแรกจะเป็นไปตามที่ กระทรวงการคลัง เคยดำเนินการไว้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังการใช้จ่ายของประชาชนเพิ่มขึ้น เนื่องจากมาตรการภาษีนี้จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในการซื้อสินค้า และส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ และยังช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจที่จดทะเบียนภาษี (VAT) รวมทั้งผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว โรงแรม รวมทั้งธุรกิจต่อเนื่องกับการท่องเที่ยวในทุกภาคส่วนของประเทศ ถือเป็นมาตรการที่ส่งเสริมและกระตุ้นการบริโภคในการใช้จ่ายกลุ่มผู้ที่มีกำลังซื้อแต่ยังไม่กล้าที่จะใช้จ่ายหรือบริโภค
สำหรับ มาตรการ 'ช็อปปิ้ง พาราไดซ์' จะเป็นมาตรการทางภาษีที่ช่วยเหลือผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ด้วยการยกเว้นภาษีให้กับสินค้าประเภทดังกล่าว โดยจะมีภาษีสองส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต หากเป็นสินค้านำเข้ามาจำหน่ายภายในประเทศ ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีจากกรมศุลกากรให้เหลือ 0% แต่หากเป็นการผลิตภายในประเทศก็จะได้รับการยกเว้นภาษีในอัตราเดียวกัน ถือเป็นการจูงใจให้ประชาชนทั้งไทยและต่างชาติเลือกซื้อสินค้าเครื่องใช้สำอางและน้ำหอมในราคาถูกลง ส่งผลให้เกิดกำลังซื้อในช่วยปลายปีเพิ่มขึ้นอีกด้วย
“มาตรการภาษีจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในช่วงปลายปี เพื่อให้เกิดกำลังซื้อทั้งเอกชนและประชาชน ส่งผลเศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งต้องรอฝ่ายนโยบายพิจารณาให้ กระทรวงการคลัง ดำเนินการหรือไม่ หากเห็นชอบก็จะมีระยะเวลาในการเริ่มดำเนินการทันที เบื้องต้นได้กำหนดไว้ว่า หากเป็นมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาท่องเที่ยว จะมีระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ส่วนมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาซื้อสินค้าหรือบริการจะอยู่ที่ 1 สัปดาห์ และมาตรการช็อปปิ้ง พาราไดซ์ กำหนดระยะเวลาไว้ที่สองเดือน เป็นต้น”
ทั้งนี้ สาเหตุหนึ่งที่ต้องมีมาตรการเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อภายในประเทศนั้น เนื่องจากการจัดเก็บรายได้รัฐ เดือนต.ค.2559 ที่เป็นเดือนแรก ของปีงบประมาณ 2560 พบว่าการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการบริโภคในประเทศได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 920 ล้านบาท สะท้อนถึงกำลังซื้อของประชาชนภายในประเทศปรับตัวลดลง ประกอบการการลงทุนภาคเอกชนที่ผ่านมายังไม่เกิดการลงทุนอย่างชัดเจน หากไม่มีมาตรการเข้ามารองรับอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
สำหรับ การขอเอกสารเพื่อนำมาลดหย่อนภาษีนั้น ยังกำหนดเหมือนกับปลายปี 2558 ที่ต้องมีใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ ตาม ม.86/4 แห่ง ประมวลรัษฎากร จากร้านที่ซื้อสินค้าและบริการ โดยผู้ประกอบกิจการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะต้องระบุชื่อ-ที่อยู่ปัจจุบัน เลขผู้เสียภาษีอากรของผู้ค้า และต้องระบุ ราคา วันที่ซื้อ ชื่อบริษัทห้างร้าน โดยต้องแยกราคา สินค้า ภาษี ราคารวมสินค้าและภาษี ให้ชัดเจน ซึ่งหากประชาชนใช้จ่ายและท่องเที่ยวตามมาตรการต่างๆ ก็ได้รับประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีรวมไม่เกิน 30,000 บาท
ก่อนหน้านี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงปลายปี 2559 พบว่าการบริโภคภาคภายในประเทศปรับตัวเบาบาง เนื่องจากประชาชนไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะใช้จ่าย ซึ่งรัฐบาลได้สั่งการให้ กระทรวงการคลัง ดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และจะมีมาตรการออกมาดูแลในจังหวะที่เหมาะสม เพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง