WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Gสมชย สจจพงษคลังยันฐานะการคลังยังแน่นปึ้ก คลังพร้อมดูแลขยายตัวเศรษฐกิจให้ได้ตามเป้า

   บ้านเมือง : คลังยืนยันฐานการคลัง ต.ค.59 อยู่ในระดับที่แข็งแรง และเอื้อต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาล ระบุพร้อมดูแลขยายตัวเศรษฐกิจให้ได้ตามเป้าหมาย ขณะที่เร่งรัดการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนสูงถึง 17% ส่งผลให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบและเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ

     นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงฐานะการคลังของรัฐบาลว่า ยังมีความเข้มแข็ง เพียงพอ และเอื้อต่อการดำเนินนโยบายและมาตรการทางการคลังเพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในช่วงต่อไป ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของระดับเงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2559 ที่เป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 ถือเป็นแนวโน้มปกติเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนๆ โดยมีระดับเงินคงคลังจำนวน 235,805 ล้านบาท

     ทั้งนี้ มีสาเหตุหลักมาจาก การเร่งรัดและดำเนินมาตรการสนับสนุนการเบิกจ่ายในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณซึ่งสูงกว่าเดือนเดียวกันของปีที่แล้วจำนวน 62,775 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเบิกจ่าย 15.5% ของวงเงินงบประมาณและสูงกว่าเป้าหมายการเบิกจ่ายรายเดือนถึง 6.2% โดยมีสาเหตุหลักมาจากการจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อสนับสนุนการจัดทำบริการสาธารณะให้แก่ประชาชนในพื้นที่สูงถึง 62,586 ล้านบาท

     นอกจากนี้ ยังสามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนสูงกว่าเดือนเดียวกันของปีที่แล้วถึง 17% ส่งผลให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบและเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ ในขณะที่ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในเดือนตุลาคม 2559 สามารถจัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย 16,054 ล้านบาท หรือ 8.5% และสูงกว่าปีก่อนถึง 22.8%

     สำหรับ เงินคงคลังสิ้น ก.ย.59 อยู่ที่ประมาณ 4 แสนล้านบาท เนื่องจากรัฐบาลเตรียมเงินไว้การเบิกจ่ายต้นปีงบประมาณที่มีจำนวนมาก เนื่องจากมีนโยบายเร่งรัดการเบิกจ่าย ส่งผลให้เงินคงคลังลดลง แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับปกติไม่ได้มากหรือน้อยเกินไป เพราะหลังจากนี้ประเทศก็จะมีรายได้จากการเก็บภาษีเข้ามาเพิ่มมากขึ้น

     นายสมชัย กล่าวว่า ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2560 มีการเร่งเบิกจ่าย เช่น การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อสนับสนุนการจัดทำบริการสาธารณะให้แก่ประชาชนในพื้นที่สูงถึง 6.25 หมื่นล้านบาท

      นอกจากนี้ ยังสามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนสูงกว่าเดือนเดียวกันของปีที่แล้วถึง 17% ส่งผลให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบและเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ ในขณะที่ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในเดือน ต.ค.59 สามารถจัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย 1.6 หมื่นล้านบาท หรือ 8.5% และสูงกว่าปีก่อนถึง 22.8%

      อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นปีงบประมาณของทุกปี ยังเป็นช่วงที่ยังไม่มีการนำส่งรายได้จากภาษีหลักสำคัญ เช่น ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม เป็นต้น ดังนั้น กระทรวงการคลังจะได้ดำเนินการบริหารสภาพคล่องกระแสเงินสดในมือให้เพียงพอต่อระดับการใช้จ่ายตามแผนการเบิกจ่ายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ควบคู่ไปกับการติดตามสถานะการคลังและการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลอย่างใกล้ชิดต่อไป ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ โดยปีนี้ขยายตัวได้ 3.3% และปีหน้าขยายตัวได้ 3.4%

     ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานว่า ผลสำรวจดัชนีภาวะอสังหาริมทรัพย์ในภาคใต้ ที่สำรวจความเห็น ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในภาคใต้ พบว่า ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มีความเชื่อมั่นลดลง โดยดัชนีอยู่ที่ระดับ 40.5 ลดลงจาก 42.0 ในไตรมาสก่อนหน้า จากภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูง ทำให้ความสามารถในการผ่อน ชาระหนี้ของลูกค้าลดลง ประกอบกับสถาบันการเงินเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อ ทั้งสินเชื่อที่ให้โครงการและผู้ซื้อ ทำให้ ผู้ประกอบการไม่มีความเชื่อมั่นในการลงทุน

      ทั้งนี้ ผู้ประกอบการเห็นว่าปัจจัยที่ช่วยให้ภาวะอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น คือ ภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจะทำให้กำลังซื้อสูงขึ้นจากภาวะหนี้ครัวเรือนลดลง สถาบันการเงินควรลดความเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อ และภาครัฐควรมีมาตรการ อาทิ มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนอง เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค รวมทั้งต้องมีการติดตามผลของ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งก่อสร้างต่อราคาที่ดินและที่อยู่อาศัย

      สำหรับ ภาวะอสังหาริมทรัพย์ภาคใต้ในไตรมาส 3 ปีนี้ พบว่า กำลังซื้อโดยรวมในภาคใต้ที่ยังต่ำแม้จะมีความต้องการ ซื้อที่อยู่อาศัย ทำให้โครงการใหม่เกิดขึ้น ไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นโครงการบ้าน แนวราบ ส่วนอาคารชุดผู้ประกอบการ ยังคงชะลอการลงทุน โดยปริมาณการขอ จดทะเบียนอาคารชุดของภาคใต้ไตรมาส 3 ลดลงจากไตรมาสก่อนถึง 31.8% รวมทั้งผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีการชะลอ ลงทุนซื้อที่ดิน

ปลัดคลัง เผยฐานะการคลังอยู่ในระดับที่เข้มแข็งเอื้อต่อการใช้มาตรการการคลังหนุนศก.

     นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของระดับเงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2559 ที่เป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 ถือเป็นแนวโน้มปกติเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนๆ และยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งและสามารถรองรับการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลในระยะต่อไป โดยมีระดับเงินคงคลังจำนวน 235,805 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเร่งรัดและดำเนินมาตรการสนับสนุนการเบิกจ่ายในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณซึ่งสูงกว่าเดือนเดียวกันของปีที่แล้วจำนวน 62,775 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเบิกจ่าย 15.5% ของวงเงินงบประมาณและสูงกว่าเป้าหมายการเบิกจ่ายรายเดือนถึง 6.2% โดยมีสาเหตุหลักมาจากการจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อสนับสนุนการจัดทำบริการสาธารณะให้แก่ประชาชนในพื้นที่สูงถึง 62,586 ล้านบาท

    นอกจากนี้ ยังสามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนสูงกว่าเดือนเดียวกันของปีที่แล้วถึง 17% ส่งผลให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบและเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ ในขณะที่ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในเดือนตุลาคม 2559 สามารถจัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย 16,054 ล้านบาท หรือ 8.5% และสูงกว่าปีก่อนถึง 22.8%

     นอกจากนี้ ในช่วงต้นปีงบประมาณของทุกปี ยังเป็นช่วงที่ยังไม่มีการนำส่งรายได้จากภาษีหลักสำคัญ เช่น ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม เป็นต้น ดังนั้น กระทรวงการคลังจะได้ดำเนินการบริหารสภาพคล่องกระแสเงินสดในมือให้เพียงพอต่อระดับการใช้จ่ายตามแผนการเบิกจ่ายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ควบคู่ไปกับการติดตามสถานะการคลังและการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลอย่างใกล้ชิดต่อไป

    "ฐานะการคลังของรัฐบาล ยังมีความเข้มแข็ง เพียงพอ และเอื้อต่อการดำเนินนโยบายและมาตรการทางการคลังเพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในช่วงต่อไป" นายสมชัย กล่าว

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!