WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1aGFP

GPF Seminar 2016 เศรษฐกิจโลกขยับก้าว...เศรษฐกิจไทยขยับไกล : กบข. เดินหน้าอย่างไร คลังยอมรับเงินคอร์รัปชั่นหายไปจากระบบ 3-4 แสนลบ. หลังรัฐบาลมุ่งปราบทุจริต ฉุดศก.โตช้า แต่เชื่อส่งผลดีในระยะยาว

  ปลัดคลังยอมรับเงินทุจริตเคยเป็นตัวการหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หายไปจากระบบ 3-4 แสนล้านบาท หลังรัฐบาลจริงจังปราบคอร์รัปชั่น ฉุดเศรษฐกิจประเทศโตช้า แต่เชื่อหลังจากขจัดปัญหาเศรษฐกิจไทยจะกลับมาโต ด้วยพื้นฐานแกร่ง มั่นใจปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 3% ด้านกบข. เปิดตัวเลขผลตอบแทนลงทุนปีนี้สูงกว่าปี 58 ที่ทำได้ 3.6% หลังดัชนีหุ้นพุ่ง ระบุผลลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ เป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น

    นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโต่ได้ไม่ต่ำ กว่า 3% แม้ว่าในช่วงไตรมาส 1/59 ที่ผ่านมาการบริโภคภาคเอกชนจะลดลง แต่ยังพบว่าบัญชีเงิน ฝากที่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทปรับตัวสูงขึ้น และแสดงให้เห็นถึงการออมที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 5% ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวลง เห็นได้ชัดสุดคือ บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ลงทุนลดลงไปค่อนข้างมาก

  นอกจากนี้ กรณีรัฐบาลเอาจริงเอาจังกับการปราบการทุจริตคอร์รัปชั่นที่ก่อนหน้านี้ ปฎิเสธไม่ได้ ว่าเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยนั้น โดยจากผลสำรวจแล้วมีเงินในส่วนนี้ถึง 3-4 แสน ล้านบาท และพอเงินในส่วนนี้หายไปก็ส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตช้า ๆ แต่ก็เชื่อว่าหลังจากขจัดปัญหา ทุจริตคอร์รัปชั่นแล้ว หลังจากนี้เศรษฐกิจไทยก็จะเดินได้ง่ายและเติบโตได้ดีขึ้น ขณะที่พื้นฐานยังแข็ง แกร่งด้วยเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่สูง อัตราเงินเฟ้อที่เหมาะสม โดยทั้งนักลงทุนต่างชาติ ผู้ ประกอบการภาคเอกชน และผู้บริโภค ต่างรอดูความชัดเจนจากภาครัฐบาล ทั้งในเรื่องการลง ประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 7 ส.ค.59 และการดำเนินตามโรดแมพของประเทศที่วางไว้ หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนและการเมืองนิ่งขึ้น เชื่อว่าประเทศไทยจะเติบโตได้ดีและรวดเร็วกว่าแต่ก่อน

   "หากดูผิวเผินก็คงสรุปได้ว่าประเทศไทยใกล้จะแย่แล้ว แต่พอไปมองถึงภายใน ทั้งในเรื่องของเงิน ออม กำไรของบริษัทจดทะเบียน เห็นได้ชัดว่าคนไทยมีเงินเยอะขึ้น เอกชนทำกำไรได้ดีขึ้น แต่ต่างก็ รอความชัดเจน และการเมืองที่นิ่งขึ้น หากเห็นความชัดเจนและนิ่ง เชื่อว่าจะดีแบบท่อน้ำแตกไปเลย คือ ดีแบบมาก ๆ เพราะได้ขจัดสิ่งสกปรกเกี่ยวกับทุจริตคอร์รัปชั่นออกไปแล้ว"นายสมชัย กล่าว

   อนึ่ง วันนี้ กบข.จัดงานสัมมนา "GPF Seminar 2016 เศรษฐกิจโลกขยับก้าว...เศรษฐกิจไทย ขยับไกล : กบข. เดินหน้าอย่างไร" โดยมีปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ กบ ข. มากล่าวปาฐกถาพิเศษ

 น  ายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการคณะกรรมการ กองทุน บำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนของ กบข.ในปีนี้มีแนวโน้มที่ จะสูงกว่าปีก่อนที่ทำได้ 3.6% หลังผลตอบแทนจากการลงทุนตั้งแต่ต้นปีถึงเดือน ก.ค. พบว่าเกินกว่า 3%  ผลจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทย และการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 7% อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนจากการลงทุนที่เข้ามาเป็นหลักก็ยังมา จากพันธบัตรรัฐบาลที่มีสัด ส่วนถึง 60%

   สำหรับผลของการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ส.ค.59 เชื่อว่าจะไม่ได้เป็นผลกระทบการ ลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากนัก โดยมองว่าอาจจะเป็นเพียงผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจาก หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติ ก็เชื่อว่าจะมีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ออกมาทด แทน เพื่อที่ภาครัฐบาลจะสามารถดำเนินนโยบายตามโรดแมพต่อไปได้ 

    กบข.เน้นลงทุนแบบระยะยาวยาวจริงๆ ทำให้ไม่หวั่นไหวกับปัจจัยระยะสั้นใน 2-3 เดือน ซึ่งใน ส่วนของการลงประชามติในครั้งนี้ มองว่าคงเป็นผลกระทบระยะสั้น เท่านั้นจะเห็นได้จาก เรื่องของ Brexit ที่เกิดขึ้นหลาย ๆ คนมองว่าจะเป็นผลกระทบอย่างหนัก แต่กระทบแค่ 2 วันเท่านั้น

  อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยเป็นหลัก รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย โดยมองว่าธนาคารแห่ง ประเทศไทย (ธปท.) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้แต่หากเศรษฐกิจไทยมีความอ่อนแอ มีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงได้อีก แต่ต้องติดตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯด้วยว่าจะเป็น อย่างไร

    ด้านนายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร กล่าวว่า ในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ ยังมองประเทศไทยมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง งบประมาณเกินดุล ส่งผลให้ ค่าเงินบาทไม่อ่อนค่าลง และแสดงให้เห็นว่ากำลังซื้อยังเหลือ ทั้งในภาคประชาชน และบริษัทต่าง ๆ ทำให้นักลงทุนต่างชาติมั่นใจในเศรษฐกิจของประเทศไทยว่ามีโอกาสที่จะขยายตัวมากกว่าถดถอย

  สำหรับภาวะฟองสบู่ในตลาดหุ้นนั้นยังคงต้องติดตามความสามารถของบริษัท จดทะเบียนว่าจะทำได้ ตามที่มีการคาดการณ์หรือไม่ หากสามารถทำได้ตามที่คาดการไว้ ผลประกอบการที่ดีก็จะช่วยให้ระดับ P/E ปรับลดลง คงจะไม่เกิดภาวะฟองสบู่

กบข.คาดผลตอบแทนลงทุนปีนี้อาจสูงกว่าปีก่อนที่อยู่ระดับ 3.6% หลังตลาดหุ้นไทย-อสังหาฯโตดี

        นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการคณะกรรมการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนของ กบข.ในปีนี้มีแนวโน้มที่จะสูงกว่าปีก่อนที่ทำได้ 3.6% หลังผลตอบแทนจากการลงทุนตั้งแต่ต้นปีถึงเดือน ก.ค.ทะลุ 3% ไปแล้ว โดยผลตอบแทนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทย และการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 7% แต่อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนจากการลงทุนที่เข้ามาเป็นหลักก็ยังมาจากพันธบัตรรัฐบาลที่มีสัดส่วนถึง 60%

      สำหรับ ผลของการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ส.ค.59 เชื่อว่าจะไม่ได้เป็นผลกระทบการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากนัก โดยมองว่าอาจจะเป็นเพียงผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติ ก็เชื่อว่าจะมีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ออกมาทดแทน เพื่อที่ภาครัฐบาลจะสามารถดำเนินนโยบายตามโรดแมพต่อไปได้

    "กบข.ลงทุนแบบระยะยาวยาวจริงๆ ซึ่งเราจะไม่หวั่นไหวกับปัจจัยระยะสั้นใน 2-3 เดือน ซึ่งในส่วนของการลงประชามติในครั้งนี้เองเราก็มองว่าคงเป็นผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น จะเห็นได้จากเรื่องของ Brexit ที่เกิดขึ้นหลาย ๆ คนมองว่าจะเป็นผลกระทบอย่างหนัก แต่ก็กระทบแค่ 2 วัน ตอนนี้ตลาดฯดีกว่าแต่ก่อนด้วยซ้ำ"นายสมบัติ กล่าว

     นายสมบัติ กล่าวว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนในปัจจุบัน ยังต้องติดตามการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยเป็นหลัก รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย โดยมองว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับปัจจุบัน แต่หากเศรษฐกิจไทยยังมีความอ่อนแอ หรือซึมตัวก็มีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงได้อีก แตอย่างไรก็ตามยังตามต้องติดตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯด้วยว่าจะเป็นอย่างไร

    ด้านนายศุภวุฒิ สายเชื้อ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการจัดการลงทุน กบข.กล่าวว่า ต่างชาติยังมองประเทศไทยมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งมาก เนื่องจากประเทศไทยมีงบประมาณเกินดุล ส่งผลให้ค่าเงินบาทไม่อ่อนค่าลง และแสดงให้เห็นว่ากำลังซื้อยังเหลือ ทั้งในภาคประชาชน และบริษัทต่าง ๆ ทำให้นักลงทุนต่างชาติมั่นใจในเศรษฐกิจของประเทศไทยว่ามีโอกาสที่จะขยายตัวมากกว่าที่จะถดถอย

      สำหรับ ภาวะฟองสบู่ในตลาดหุ้นนั้นก็ยังคงต้องติดตามความสามารถของบริษัทจดทะเบียนว่าจะทำได้ตามที่มีการคาดการณ์หรือไม่ หากสามารถทำได้ตามที่คาดการไว้ ผลประกอบการที่ดีก็จะช่วยให้ระดับ P/E ปรับลดลง ก็คงจะไม่เกิภาวะฟองสบู่

     ขณะที่นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ยังมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโต่ได้ไม่ต่ำกว่า 3% แม้ว่าในช่วงไตรมาส 1/59 ที่ผ่านมาการบริโภคภาคเอกชนจะลดลง แต่ยังพบว่าบัญชีเงินฝากที่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทปรับตัวสูงขึ้น และแสดงให้เห็นถึงการออมที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 5% ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนก็ชะลอตัวลง เห็นได้ชัดสุดคือบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ลงทุนลดลงไปค่อนข้างมาก

    นอกจากนี้ การที่ภาครัฐบาลเอาจริงเอาจังกับการปราบการทุจริตคอร์รัปชั่นที่ก่อนหน้านี้ปฎิเสธไม่ได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยนั้น โดยจากผลสำรวจแล้วมีเงินในส่วนนี้ถึง 3-4 แสนล้านบาท และพอเงินในส่วนนี้หายไปก็ส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตช้า ๆ แต่ก็เชื่อว่าหลังจากขจัดปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นแล้ว หลังจากนี้เศรษฐกิจไทยก็จะเดินได้ง่ายและเติบโตได้ดีขึ้น ขณะที่พื้นฐานยังแข็งแกร่งด้วยเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่สูง อัตราเงินเฟ้อที่เหมาะสม โดยทั้งนักลงทุนต่างชาติ ผู้ประกอบการภาคเอกชน และผู้บริโภค ต่างรอดูความชัดเจนจากภาครัฐบาล ทั้งในเรื่องการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 7 ส.ค.59 และการดำเนินตามโรดแมพของประเทศที่วางไว้ หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนและการเมืองนิ่งขึ้น เชื่อว่าประเทศไทยจะเติบโตได้ดีและรวดเร็วกว่าแต่ก่อน

     "หากดูผิวเผินก็คงสรุปได้ว่าประเทศไทยใกล้จะแย่แล้ว แต่พอไปมองถึงภายใน ทั้งในเรื่องของเงินออม กำไรของบริษัทจดทะเบียน เห็นได้ชัดว่าคนไทยมีเงินเยอะขึ้น เอกชนทำกำไรได้ดีขึ้น แต่ต่างก็รอความชัดเจน และการเมืองที่นิ่งขึ้น หากเห็นความชัดเจนและนิ่ง เชื่อว่าจะดีแบบท่อน้ำแตกไปเลย คือ ดีแบบมาก ๆ เพราะได้ขจัดสิ่งสกปรกเกี่ยวกับทุจริตคอร์รัปชั่นออกไปแล้ว"นายสมชัย กล่าว

     อนึ่ง วันนี้ กบข.จัดงานสัมมนา "GPF Seminar 2016 เศรษฐกิจโลกขยับก้าว...เศรษฐกิจไทยขยับไกล : กบข. เดินหน้าอย่างไร"  โดยมีปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ กบข. มากล่าวปาฐกถาพิเศษ

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!