- Details
- Category: คลัง
- Published: Tuesday, 22 July 2014 17:30
- Hits: 3048
ภาษีหลุดเป้าไม่สะเทือนคลังสบน.คืนความสุขผู้ออมออกพันธบัตรดอกสูงล็อต 2
บ้านเมือง ; สบน. เล็งเปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์ เพื่อประชาชนรายย่อย ล็อตสอง หลังจากเปิดขายล็อตแรก วงเงิน 3 หมื่น ล. ประชาชนแห่แย่งซื้อ หมดเกลี้ยงไม่เหลือ เหตุอัตราดอกเบี้ยสูงล่อใจ คาดได้ข้อสรุปความเหมาะสมการขายล็อตสองภายในสิ้นเดือนนี้ ขณะที่คาด 3 กรมภาษี รีดรายได้หลุดเป้ารวม 1.6 แสน ล. ยันไม่สะเทือนฐานะการคลัง
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลังว่า การหารือร่วม เป็นการคุยกันประจำเดือน โดยเชิญอธิบดี ผู้บริหารกรมต่างๆ ในสังกัดกระทรวงการคลัง ว่า ในช่วงเดือนที่ผ่านมานั้น นโยบายของทาง คสช. มีอะไรบ้างที่สั่งให้กระทรวงการคลัง หรือกรมในสังกัดกระทรวงการคลังต้องดำเนินการ และหน่วยงานต่างๆ ได้ดำเนินการไปถึงขั้นตอนใดแล้ว และมีปัญหาหรืออุปสรรคติดขัดอะไรบ้างหรือไม่
ส่วนงานเร่งด่วนของทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็คือการคืนความสุขให้กับประชาชน ซึ่งทางกระทรวงการคลัง โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เอง ในช่วงที่ผ่านมาก็ได้มีการออกจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ อายุ 7 ปี ดอกเบี้ย 4.25% และ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยสูงถึง 4.75% วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท โดยได้เปิดขายให้กับนักลงทุนทั่วไป ขณะนี้ได้จำหน่ายหมดไปครบทั้งจำนวนแล้ว
ทั้งนี้ คสช. จึงได้ให้นโยบายกับทางกระทรวงการคลังว่า เมื่อจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ดังกล่าวหมดไปแล้ว จะสามารถเพิ่มวงเงินเพื่อเปิดจำหน่ายให้กับนักลงทุนทั่วไปที่ต้องการอีกหรือไม่ ซึ่งทาง สบน. ก็อยู่ระหว่างการพิจารณาถึงความเหมะสมและความเป็นไปได้ เนื่องจาก การจะเพิ่มวงเงินกู้นั้น ก็ต้องไปพิจารณาว่าจะนำเงินที่ได้รับดำเนินการในเรื่องใด สิ่งสำคัญจะต้องมีวัตถุประสงค์ในการกู้ยืมเงินที่ชัดเจนและเหมาะสม พร้อมทั้งจะพิจารณาตัวพันธบัตรอายุ 3 ปีด้วย ที่ช่วงที่ผ่านมามีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3% กว่าๆ ซึ่งไม่ค่อยจูงใจให้ประชาชนมากนัก เพราะมีระดับอัตราดอกเบี้ยที่ใกล้เคียงกับดอกเบี้ยเงินฝากประจำ
"ล็อตแรกที่เปิดขายไปหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว โดยประชาชนแย่งกันซื้ออย่างล้นหลาม ซึ่งการที่ทาง สบน. ได้ออกพันธบัตรออมทรัพย์เพื่อจำหน่ายให้กับประชาชนทั่วไปที่สนใจจองซื้อ โดยมีการเปิดขายให้กับผู้สนใจที่เป็นผู้สูงอายุวัยเกิน 60 ปีก่อน ก็เป็นการสร้างความสุขให้กับประชาชนอีกทางหนึ่ง เพราะทำให้ประชาชนมีทางเลือกในการออมเงินที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูง ทั้งนี้ คาดว่าภายในสิ้นเดือนนี้ ทาง สบน. น่าจะได้ข้อสรุปและมีความชัดเจนว่าจะเพิ่มวงเงินการขายพันธบัตรออมทรัพย์อีกหรือไม่ ส่วนอัตราดอกเบี้ยจะเท่าเดิมหรือไม่ ก็คงจะต้องพิจารณาความเหมาะสมของตลาดในช่วงระยะเวลานั้นๆ ด้วย" นายรังสรรค์ กล่าว
นายรังสรรค์ กล่าวต่อถึงการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2557 ว่า ทางกรมสรรพากรรายงานในที่ประชุมฯ ว่า การจัดเก็บรายได้ของกรมฯ จะต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 1 แสนล้านบาท ส่วนกรมสรรพสามิต ก็รายงานว่า
การจัดเก็บรายได้จะต่ำกว่าเป้าประมาณ 4 หมื่นล้านบาท และทางกรมศุลกากร ก็คาดว่าการจัดเก็บรายได้จะหลุดเป้าหมายไปประมาณ 2 หมื่นล้านบาท รวมทั้ง 3 กรมจัดเก็บ คาดว่ารายได้จะหายไป 1.6 แสนล้านบาท ซึ่งก็ยอมรับว่าจะกระทบต่อยอดรายได้จัดเก็บในปีงบประมาณ 2557 แน่นอน
"แต่ที่ผ่านมาทาง คสช. ก็มีการเรียกเงินคืนมาจาก กสทช. จำนวน 5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ก็ไปเรียกรายได้จาก บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (บสส.) เข้าคลังได้อีก 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งก็จะทำให้ได้เงินเข้าคลังอีกประมาณ 6.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ในส่วนที่ยังขาดอยู่นั้น จะเห็นว่าที่ผ่านมาการใช้จ่ายลงทุนของเราล่าช้าออกไป ก็จะทำให้สถานะการเงินของเราไม่มีปัญหา เรายังมีเงินเพียงพอสำหรับการใช้จ่าย อีกทั้งสถานะทางการเงินของประเทศก็ยังดีอยู่ โดยปัจจุบันเงินคงคลังจะอยู่ที่ 3.8 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นระดับที่มั่นคง ยืนยันว่าเงินคงคลังระดับดังกล่าวเป็นระดับที่เพียงพอที่จะให้เราบริหารจัดการ และรับมือกับสิ่งต่างๆ ได้ แม้การจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมจัดเก็บ จะต่ำกว่าเป้าหมายก็ตาม" นายรังสรรค์ กล่าว
ขณะที่ในเรื่องของโครงสร้างภาษีต่างๆ นั้น ทางกระทรวงการคลังก็ได้สรุปรายละเอียดและข้อเสนอต่างๆ ให้กับทาง คสช. ได้นำไปพิจารณาแล้ว ซึ่งก็ต้องรอให้ คสช. พิจารณาอนุมัติตามจังหวะเวลาและความเหมาะสมต่อไป ซึ่งก็ต้องใช้ความรอบคอบในการพิจารณา และต้องเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติ (สนช.)