- Details
- Category: คลัง
- Published: Tuesday, 16 February 2016 19:42
- Hits: 2177
คลัง เผยหนี้สาธารณะคงค้าง สิ้นธ.ค. คิดเป็น 44.36% ของ GDP
นายธีรัชย์ อัตนวานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า สถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ 31 ธันวาคม 2558 มีจำนวน 6,005,124.74 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 44.36 ของ GDP โดย GDP ปี 2558 เท่ากับ 13,537 พันล้านบาท (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ณ 15 กุมภาพันธ์ 2559) และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้นสุทธิ 29,358.39 ล้านบาท
โดยการเปลี่ยนแปลงของหนี้สาธารณะมีรายละเอียด ดังนี้ หนี้ของรัฐบาล จำนวน 4,410,377.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31,365.41 ล้านบาท ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 57,133.25 ล้านบาท
การกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 6,784.83 ล้านบาท มีรายการดังนี้
1.การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ จำนวน 1,573.83 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 1,394.44 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สายสีเขียว และสายสีม่วง การรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 174.85 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 เส้นทาง และโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง และกรมทางหลวง จำนวน 4.54 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2)
2.การกู้เงินบาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ จำนวน 5,211 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำและระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 และโครงการเงินกู้ DPL
การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 47,771.40 ล้านบาท แบ่งเป็น การชำระคืนเงินต้นที่ออกภายใต้ พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 260.98 ล้านบาท และการไถ่ถอนตั๋วเงินคลัง จำนวน 3,314.99 ล้านบาท การชำระคืนต้นเงินกู้ต่างประเทศ จำนวน 2,830.77 ล้านบาท การชำระคืนดอกเบี้ย จำนวน 41,364.66 ล้านบาท แบ่งเป็น ดอกเบี้ยหนี้ในประเทศ จำนวน 41,248 ล้านบาท และดอกเบี้ยหนี้ต่างประเทศ จำนวน 116.66 ล้านบาท การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จำนวน 11,291.86 ล้านบาท แบ่งเป็นชำระต้นเงิน จำนวน 3,000 ล้านบาท และชำระดอกเบี้ย จำนวน 8,291.86 ล้านบาท
หนี้เงินกู้ล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ลดลง 23,779 ล้านบาท เนื่องจากเป็นหนี้ที่กู้ล่วงหน้ามาเพื่อใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งได้นำไปชำระคืนหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้ พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2558 ผลของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้หนี้ต่างประเทศสกุลต่างๆ เพิ่มขึ้น 633.07 ล้านบาท
สำหรับ หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน จำนวน 1,045,048.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 323.44 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงเกิดจากผลของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้หนี้ต่างประเทศสกุลต่างๆ เพิ่มขึ้น 3,966.83 ล้านบาท
การชำระคืนเงินกู้มากกว่าการเบิกจ่าย ทำให้หนี้ลดลง 3,643.39 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระคืนหนี้ในประเทศและหนี้ต่างประเทศของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 2,451.46 ล้านบาท การชำระคืนหนี้ขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร จำนวน 853.70 ล้านบาท และการชำระคืนหนี้ของการยางแห่งประเทศไทย จำนวน 429.65 ล้านบาท
หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน 532,268.78 ล้านบาท ลดลง 2,203.27 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระหนี้เงินต้นของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรที่กู้มาเพื่อดำเนินโครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตร โดยใช้เงินจากการระบายสินค้าเกษตร จำนวน 2,171 ล้านบาท
หนี้หน่วยงานของรัฐ จำนวน 17,430.88 ล้านบาท ลดลง 127.19 ล้านบาท เนื่องจากการชำระคืนเงินกู้มากกว่าการเบิกจ่าย โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระหนี้เงินต้นของสำนักงานธนานุเคราะห์ จำนวน 297.50 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในเดือนธันวาคม 2558 สบน. มีการบริหารจัดการหนี้รัฐวิสาหกิจ วงเงิน 8,827.10 ล้านบาท โดยเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และการรถไฟแห่งประเทศไทย
นายธีรัชย์ กล่าวถึงหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558 เท่ากับ 6,005,124.74 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ในประเทศ 5,654,978.88 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.17 และหนี้ต่างประเทศ 350,145.86 ล้านบาท (ประมาณ 9,939.76 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือร้อยละ 5.83 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด และแบ่งเป็นหนี้ระยะยาว 5,663,025.25 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.30 และหนี้ระยะสั้น 342,099.49 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.70 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด
อินโฟเควสท์
รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง และผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558
นายธีรัชย์ อัตนวานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ได้รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง และผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ ดังนี้
หนี้สาธารณะคงค้าง ณ 31 ธันวาคม 2558 มีจำนวน 6,005,124.74 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 44.36 ของ GDP โดย GDP ปี 2558 เท่ากับ 13,537 พันล้านบาท (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ณ 15 กุมภาพันธ์ 2559) และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้นสุทธิ 29,358.39 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงของหนี้สาธารณะมีรายละเอียด ดังนี้
หนี้ของรัฐบาล จำนวน 4,410,377.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31,365.41 ล้านบาท ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก
- การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 57,133.25 ล้านบาท
- การกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 6,784.83 ล้านบาท
มีรายการดังนี้
1. การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ จำนวน 1,573.83 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 1,394.44 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สายสีเขียว และสายสีม่วง การรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 174.85 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 เส้นทาง และโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง และกรมทางหลวง จำนวน 4.54 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2)
2. การกู้เงินบาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ จำนวน 5,211 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำและระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน:มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 และโครงการเงินกู้ DPL
- การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 47,771.40 ล้านบาท แบ่งเป็น
- การชำระคืนเงินต้นที่ออกภายใต้ พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 260.98 ล้านบาท และการไถ่ถอนตั๋วเงินคลัง จำนวน 3,314.99 ล้านบาท
- การชำระคืนต้นเงินกู้ต่างประเทศ จำนวน 2,830.77 ล้านบาท
- การชำระคืนดอกเบี้ย จำนวน 41,364.66 ล้านบาท แบ่งเป็น ดอกเบี้ยหนี้ในประเทศ จำนวน 41,248 ล้านบาท และดอกเบี้ยหนี้ต่างประเทศ จำนวน 116.66 ล้านบาท
- การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ โดยใช้เงินจาก
บัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จำนวน 11,291.86 ล้านบาท แบ่งเป็นชำระต้นเงิน จำนวน 3,000 ล้านบาท และชำระดอกเบี้ย จำนวน 8,291.86 ล้านบาท
- หนี้เงินกู้ล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ลดลง 23,779 ล้านบาท เนื่องจากเป็นหนี้ที่กู้ล่วงหน้ามาเพื่อใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งได้นำไปชำระคืนหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้ พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2558
- ผลของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้หนี้ต่างประเทศสกุลต่างๆ เพิ่มขึ้น 633.07 ล้านบาท
- หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน จำนวน 1,045,048.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 323.44 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงเกิดจาก
- ผลของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้หนี้ต่างประเทศสกุลต่างๆ เพิ่มขึ้น 3,966.83 ล้านบาท
- การชำระคืนเงินกู้มากกว่าการเบิกจ่าย ทำให้หนี้ลดลง 3,643.39 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญ
เกิดจากการชำระคืนหนี้ในประเทศและหนี้ต่างประเทศของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 2,451.46 ล้านบาท การชำระคืนหนี้ขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร จำนวน 853.70 ล้านบาท และการชำระคืนหนี้ของการยางแห่งประเทศไทย จำนวน 429.65 ล้านบาท
- หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน 532,268.78 ล้านบาท ลดลง 2,203.27 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระหนี้เงินต้นของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรที่กู้มาเพื่อดำเนินโครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตร โดยใช้เงินจากการระบายสินค้าเกษตร จำนวน 2,171 ล้านบาท
- หนี้หน่วยงานของรัฐ จำนวน 17,430.88 ล้านบาท ลดลง 127.19 ล้านบาท เนื่องจากการชำระคืนเงินกู้มากกว่าการเบิกจ่าย โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระหนี้เงินต้นของสำนักงานธนานุเคราะห์ จำนวน 297.50 ล้านบาท
ในเดือนธันวาคม 2558 สบน. มีการบริหารจัดการหนี้รัฐวิสาหกิจ วงเงิน 8,827.10 ล้านบาท โดยเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และการรถไฟแห่งประเทศไทย
หนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558 เท่ากับ 6,005,124.74 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ในประเทศ 5,654,978.88 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.17 และหนี้ต่างประเทศ 350,145.86 ล้านบาท (ประมาณ 9,939.76 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือร้อยละ 5.83 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด และแบ่งเป็นหนี้ระยะยาว 5,663,025.25 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.30 และหนี้ระยะสั้น 342,099.49 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.70 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด
คณะโฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ โทร. 02 265 8050 ต่อ 5505 5512 และ 5520
เอกสารแนบ 1
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ขอรายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558 ดังนี้
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 มีจำนวน 6,005,124.74 ล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 44.36 ของ GDP เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 29,358.39 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. หนี้ของรัฐบาล 4,410,377.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31,365.41 ล้านบาท
2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,045,048.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 323.44 ล้านบาท
3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 532,268.78 ล้านบาท ลดลง 2,203.27 ล้านบาท
4. หนี้หน่วยงานของรัฐ 17,430.88 ล้านบาท ลดลง 127.19 ล้านบาท
ทั้งนี้ สัดส่วนและรายละเอียดของหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558
1. หนี้ของรัฐบาล
1.1 หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 31,365.41 ล้านบาท เนื่องจาก
1.1.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลงสุทธิ 2,159.86 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการชำระคืนและ
การเบิกจ่ายหนี้สกุลเงินต่างๆ ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลงสุทธิ 2,792.93 ล้านบาท ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 633.07 ล้านบาท
หากพิจารณาในรูปเงินบาท หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงจำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ หลังจากที่ทำการป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว
1.1.2 หนี้ในประเทศ เพิ่มขึ้น 60,304.27 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจาก
- การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณและการบริหารหนี้เพิ่มขึ้นสุทธิ 53,557.28 ล้านบาท รายละเอียดดังนี้
- การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 57,133.25 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตร
รัฐบาล จำนวน 49,905 ล้านบาท และพันธบัตรออมทรัพย์ จำนวน 7,228.25 ล้านบาท
- การชำระหนี้เงินต้นที่ออกภายใต้ พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 260.98 ล้านบาท และการไถ่ถอนตั๋วเงินคลัง จำนวน 3,314.99 ล้านบาท
- เงินกู้ให้กู้ต่อ เพิ่มขึ้น 1,535.99 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
- การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 1,394.44 ล้านบาท เพื่อจัดทำ
โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จำนวน 910.18 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว จำนวน 353.22 ล้านบาท และ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง จำนวน 131.04 ล้านบาท
- การรถไฟแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อจัดทำโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย
8 สายทาง จำนวน 141.55 ล้านบาท
- การกู้เงินบาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ เพิ่มขึ้น 5,211 ล้านบาท เนื่องจากมีการเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน:มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 จำนวน 5,000 ล้านบาท และโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) จำนวน 211 ล้านบาท
1.2 หนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 3,000 ล้านบาท จากการชำระหนี้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 (FIDF 1)
1.3 หนี้เงินกู้ล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 23,779 ล้านบาท เนื่องจากหนี้เงินกู้ดังกล่าว เป็นหนี้ที่กู้ล่วงหน้ามาเพื่อใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้ซึ่งได้นำไปชำระคืนหนี้พันธบัตรรัฐบาลภายใต้ พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2558
2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน
2.1 หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน
2.1.1 หนี้ต่างประเทศ เพิ่มขึ้นสุทธิ 269.37 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของ
อัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 894.78 ล้านบาท และการชำระคืนหนี้เงินเยนและหนี้เงินยูโร จำนวน 625.41 ล้านบาท ของรัฐวิสาหกิจต่างๆ
2.1.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลงสุทธิ 320.36 ล้านบาท เนื่องจากรัฐวิสาหกิจ
มีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้ 963 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ 1,283.36 ล้านบาท
2.2 หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน
2.2.1 หนี้ต่างประเทศ เพิ่มขึ้นสุทธิ 1,726.59 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 3,072.05 ล้านบาท ประกอบกับการชำระคืนต้นเงินกู้ของหน่วยงานต่างๆ ที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลง 1,345.46 ล้านบาท
2.2.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลงสุทธิ 1,352.16 ล้านบาท เนื่องจาก
- การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด 233 ล้านบาท
- องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินที่ครบกำหนด 17.22 ล้านบาท
- รัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 1,101.94 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้ 300.90 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ 1,402.84 ล้านบาท
3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน)
3.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลงสุทธิ 32.27 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการชำระคืนหนี้เงินยูโร จำนวน 39.26 ล้านบาท ของรัฐวิสาหกิจต่างๆ ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 6.99 ล้านบาท
3.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 2,171 ล้านบาท เนื่องจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรชำระคืนต้นเงินตามสัญญาเงินกู้
ทั้งนี้ หากพิจารณาในรูปเงินบาท หนี้ต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) หลังทำการป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน จำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ
4. หนี้หน่วยงานของรัฐ ลดลงสุทธิ 127.19 ล้านบาท
จากเดือนก่อนหน้าเนื่องจากสำนักงานธนานุเคราะห์และสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้ 170.31 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ 297.50 ล้านบาท
หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 มีจำนวน 6,005,124.74 ล้านบาท ซึ่งสามารถแบ่งประเภทเป็นหนี้ต่างประเทศ-หนี้ในประเทศ และหนี้ระยะยาว-หนี้ระยะสั้นได้ ดังนี้
หนี้ต่างประเทศและหนี้ในประเทศ แบ่งออกเป็น หนี้ต่างประเทศ 350,145.86 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.83 และหนี้ในประเทศ 5,654,978.88 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.17 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
- หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น (แบ่งตามอายุของเครื่องมือการกู้เงิน) แบ่งออกเป็น หนี้ระยะยาว 5,663,025.25 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.30 และหนี้ระยะสั้น 342,099.49 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.70 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
- หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น (แบ่งตามอายุคงเหลือ) แบ่งออกเป็น หนี้ระยะยาว 5,103,851.40 ล้านบาท หรือร้อยละ 84.99 และหนี้ระยะสั้น 901,273.34 ล้านบาท หรือร้อยละ 15.01 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
ส่วนวิจัยนโยบายหนี้สาธารณะ สำนักนโยบายและแผน
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ โทร. 0 2265 8050 ต่อ 5512 และ 5520
เอกสารแนบ 2
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะขอสรุปผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐที่ดำเนินการโดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ประจำเดือนธันวาคม 2558 วงเงินรวม 190,164.66 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหนี้รัฐบาล 181,337.56 ล้านบาท และหนี้รัฐวิสาหกิจ 8,827.10 ล้านบาท
1. การบริหารจัดการหนี้รัฐบาล วงเงินรวม 181,337.56 ล้านบาท ประกอบด้วย
1.1 การกู้เงินในประเทศ 63,880.24 ล้านบาท
1.2 การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ 37.84 ล้านบาท
1.3 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ 64,000 ล้านบาท
1.4 การชำระหนี้ 53,419.48 ล้านบาท
1.1 การกู้เงินในประเทศ กระทรวงการคลังกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 63,880.24 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.1.1 การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 57,133.25 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาล จำนวน 49,905 ล้านบาท และพันธบัตรออมทรัพย์ จำนวน 7,228.25 ล้านบาท
1.1.2 การเบิกจ่ายเงินกู้ให้กู้ต่อ จำนวน 1,535.99 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
(1) การให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จำนวน 910.18 ล้านบาท สายสีเขียว จำนวน 353.22 ล้านบาท และสายสีม่วง จำนวน 131.04 ล้านบาท
(2) การให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อจัดทำโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทาง จำนวน 141.55 ล้านบาท
1.1.3 การเบิกจ่ายเงินกู้บาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ จำนวน 5,211 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
(1) เงินกู้เพื่อใช้ในโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) จำนวน 211 ล้านบาท
(2) เงินกู้เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 จำนวน 5,000 ล้านบาท
1.2 การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ กระทรวงการคลังได้มีการเบิกจ่ายเงินกู้จากต่างประเทศ จำนวน 37.84 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1.2.1 การเบิกจ่ายเงินกู้จากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) จำนวน 109.99 ล้านเยน หรือเทียบเท่า 33.30 ล้านบาท เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต
1.2.2 การเบิกจ่ายเงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชีย จำนวน 0.13 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 4.54 ล้านบาท สำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ของกรมทางหลวง
1.3 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ กระทรวงการคลังดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ จำนวน 64,000ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
(1) การปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนด โดยการทำสัญญาเงินกู้ระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 44,000 ล้านบาท
(2) การปรับโครงสร้างหนี้ R-bill ที่ครบกำหนด โดยการออก R-bill จำนวน 20,000 ล้านบาท
1.4 การชำระหนี้ กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้ จำนวน 53,419.48 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
1.4.1 การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 42,127.62 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- ชำระเงินต้น จำนวน 762.58 ล้านบาท แบ่งเป็น (1) การชำระหนี้ที่ออกภายใต้ พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะฯ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 260.98 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีเงินกู้เพื่อการบริหารหนี้ทั้งจำนวน (2) การชำระหนี้ต่างประเทศ จำนวน 501.60 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณทั้งจำนวน
- ชำระดอกเบี้ย จำนวน 41,364.66 ล้านบาท แบ่งเป็น (1) การชำระดอกเบี้ยหนี้ในประเทศ จำนวน 41,248 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณ เงินจากบัญชีเงินกู้เพื่อการบริหารหนี้ และเงินจากดอกผลจากการลงทุนของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ (2) การชำระดอกเบี้ยหนี้ต่างประเทศ จำนวน 116.66 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณทั้งจำนวน
- ชำระค่าธรรมเนียมเงินกู้ต่างประเทศ จำนวน 0.38 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณ
1.4.2 การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จำนวน 11,291.86 ล้านบาท แบ่งเป็น
(1) การชำระหนี้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 (FIDF 1) จำนวน 6,626.65 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินต้น จำนวน 3,000 ล้านบาท และดอกเบี้ย จำนวน 3,626.65 ล้านบาท
(2) การชำระหนี้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือ กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF 3) จำนวน 4,665.21 ล้านบาท โดยเป็นการชำระดอกเบี้ยทั้งจำนวน
2. การบริหารจัดการหนี้รัฐวิสาหกิจ วงเงินรวม 8,827.10 ล้านบาท
2.1 การกู้เงินในประเทศ ในเดือนธันวาคม 2558 รัฐวิสาหกิจไม่มีการกู้เงินในประเทศ
2.2 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ
รัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ โดยการกู้ใหม่เพื่อชำระหนี้เดิม (Refinance) วงเงินรวม 8,827.10 ล้านบาท ประกอบด้วยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ทำการ Refinance หนี้เดิม วงเงิน 4,461.10 ล้านบาท และ 4,366 ล้านบาท ตามลำดับ
กระทรวงการคลัง