WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

คลังเผยฐานะการคลังช่วงครึ่งแรกปีงบ 57 ยังแกร่ง แม้รายได้ต่ำกว่าเป้า

    นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2557(ต.ค.56-มี.ค.57) รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 923,782 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 55,101 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.6 เนื่องจากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ได้ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว เพราะอุปสงค์รถยนต์ในประเทศที่ชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจและการส่งมอบรถยนต์สำหรับโครงการรถยนต์คันแรกได้เกือบครบทั้งโครงการแล้วในปีงบประมาณก่อนหน้า และในปีที่แล้วมีการนำส่งรายได้จากการประมูลให้ใช้คลื่นความถี่ 3G ย่าน 2.1 GHz จำนวน 20,843 ล้านบาท

   "ถึงแม้การนำส่งรายได้รัฐบาลในช่วงครึ่งปีแรกจะเริ่มได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง แต่เงินคงคลังที่ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่า 2 แสนล้านบาท จะเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจผ่านการเบิกจ่ายตลอดช่วงที่เหลือของปี" นายสมชัย กล่าว

    ขณะที่การเบิกจ่ายเงินงบประมาณมีจำนวนทั้งสิ้น 1,384,103 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 12,525 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.9 ทำให้ดุลเงินงบประมาณขาดดุล 460,321 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุล 60,096 ล้านบาท ส่งผลให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวม 520,417 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 130,160 ล้านบาท ทำให้ดุลเงินสดหลังกู้ขาดดุลทั้งสิ้น 390,257 ล้านบาท และเงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557 มีจำนวนทั้งสิ้น 213,667 ล้านบาท

      อินโฟเควสท์

คลัง เดินหน้าเคลียร์หนี้จำนำข้าว เพิ่มเป้ากองทุน 4 หมื่นล้าน ลือออกพันธบัตรให้รัฐค้ำ

    ไทยโพสต์ * ธ.ก.ส.เล็งขยายเป้ากองทุนช่วยชาวนาเพิ่มเป็น 4 หมื่นล้านบาท หลัง อปท.แห่นำเงินเข้าสมทบดันยอดทะลุเป้าแรก 2 หมื่นล้านบาทภายใน พ.ค.นี้ วอนคลังช่วยค้ำประกันพันธบัตรระดมเงินจ่ายชาวนา คาด ก.ค.นี้เป็นรูปเป็นร่าง

     นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รักษาการ รมช.การคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการธนา คารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส.ได้มีการประเมินแนวทางการหาเงินเพื่อนำมาจ่ายในโครง การรับจำนำข้าว ปีการผลิต 2556/57 ที่ยังค้างอยู่อีก 9 หมื่นล้านบาท จากวงเงินทั้งหมด 1.9 แสนล้านบาท ซึ่งการใช้เครื่องมือที่ ธ.ก.ส.มีอยู่ช่วยได้บางส่วน อาทิ กองทุนช่วยเหลือชาวนาที่ล่าสุดมีเงินมาฝากและบริจาคแล้วกว่า 8 พันล้านบาท และมีการนำเงินออกไปจ่ายให้ชาวนาแล้วกว่า 3 พันล้านบาท โดยจะทยอยจ่ายให้ชาวนาอีกวันละ 1 พันล้านบาท จนกว่าจะหมด

    ทั้งนี้ ในเบื้องต้นคาดว่าสามารถระดมเงินเข้ากองทุนชาวนาจนครบเป้าหมาย 2 หมื่น ล้านบาทในช่วงเดือนพฤษภา คม เร็วกว่ากำหนดเดิมที่คาดว่า จะครบเป้าหมายในช่วงเดือนมิถุนายน 2557 โดยส่วนตัวจะให้มีการขยายการระดมเงินดังกล่าวออกไปอีก 2 หมื่นล้านบาท รวมเป็น 4 หมื่นล้านบาท เนื่อง จากขณะนี้ทางองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น (อปท.) เริ่มนำเงินมาสบทบในกองทุนฯ แล้ว หลังจากได้รับหนังสือยืนยันจากกรมบัญชีกลางแล้วว่าไม่ผิดระเบียบราชการ โดยเงินของ อปท.ที่ใช้หมุนเวียนอยู่นั้นมีถึง 2 แสนล้านบาท หากนำมาฝากไว้ในกองทุนแค่ 10% เป็นเงินถึง 2 หมื่นล้านบาท

    "รัฐบาลกำลังหาแนวทางมาจ่ายเงินจำนำข้าวที่เหลืออยู่ 9 หมื่นล้านบาทที่เหลือให้เร็วที่สุด ผมอยากจะจ่ายให้หมดภายในเดือนมิถุนายนนี้ คาดว่าจะมีแนวทางการหาเงินมาจ่ายจำนำข้าวอีก 2-3 แนวทาง ซึ่งเป็นทั้งแนวทางเดิมและแนวทางใหม่ โดยคาดว่าจะมีข้อสรุปภายในเดือนเมษายน และเริ่มดำเนินการในเดือนพฤษภาคมนี้ ผมยังไม่อยากพูดรายละเอียดมากนัก แต่ยืนยันว่ามีข่าวดีออกมาแน่"นายทนุศักดิ์ กล่าว

    รายงานข่าวจาก ธ.ก.ส. ระบุว่า การหาเงินอีก 9 หมื่นล้านบาทที่จะนำมาจ่ายจำนำข้าวนั้น จะมาจากทั้งการกู้เงิน การออกพันธบัตร จากกองทุน ช่วยเหลือชาวนาและจากงบ กลาง โดยรัฐบาลเร่งให้ ธ.ก.ส. ออกพันธบัตรเพื่อหาเงินมาจ่ายจำนำข้าว ซึ่ง ธ.ก.ส.ยืนยันไปแล้วว่ารัฐบาลต้องมาค้ำประกันพันธบัตรดังกล่าว โดยได้มีการรายงานเรื่องการออกพันธบัตรออมทรัพย์ของ ธ.ก.ส.ให้ที่ประ ชุมคณะกรรมการธนาคารรับทราบแล้วว่า ยังอยู่ระหว่างการประเมินเครดิต ซึ่งการออกพันธบัตรต้องใช้เวลาในการดำเนินการ 4 เดือน เริ่มดำเนินการไปเมื่อเดือนเมษายน คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายเดือนกรกฎาคม

    นอกจากนี้ เพื่อเป็นการหาเงินเพิ่มเติมให้มาสบทบเข้ากองทุนเพื่อช่วยเหลือชาวนาอีก 2 หมื่นล้านบาทนั้น ขณะนี้ ธ.ก.ส.กำลังพิจารณาข้อเรียกร้องของผู้ฝากเงินรายใหญ่ ที่ต้องการดอกเบี้ยมากกว่า 0.63% โดยยังมีข้อถกเถียงกันมาก เนื่องจากดอกเบี้ยในอัตราดังกล่าวนั้นสูงกว่าดอกเบี้ยออมทรัพย์ในปัจจุบันที่ธนาคารพาณิชย์จ่ายให้ไม่เกิน 0.5% อยู่แล้ว

    ส่วนการใช้เงินจากงบกลางอีก 4 หมื่นล้านบาทนั้น คงต้องนำมาพิจารณาและหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องหลังจากที่กระทรวงพาณิชย์นำเงินมาคืนงบกลางที่ยืมไปก่อนหน้านี้ จำนวน 2 หมื่นล้านบาท มาคืนภายในกำหนด 31 พ.ค.นี้ โดยขณะนี้คืนมาแล้ว 1.6 หมื่นล้านบาท.

คลังคาดไตรมาสแรกจีดีพีติดลบ เหตุศก.ย่ำแย่-การเมืองยืดเยื้อ

    แนวหน้า : น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี 2557 คาดจะขยายตัวติดลบที่ -0.5% จากเศรษฐกิจที่ย่ำแย่และปัญหาทางการเมืองที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปลายปี 56 ที่ผ่านมา

    อย่างไรก็ตาม ยังคาดว่าในครึ่งปีแรกเศรษฐกิจไทยจะไม่ขยายตัว โดยในไตรมาสที่ 2 จะกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ เนื่องจากภาคการส่งออกที่เริ่มส่งสัญญาณจากเศรษฐกิจฟื้นตัวมากขึ้น โดยประเทศคู่ค้าอย่างสหรัฐ ญี่ปุ่น รวมถึงกลุ่มยุโรป และกลุ่ม CLMV เป็นความหวังที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาเป็นบวกได้

    ทั้งนี้ ยังเชื่อว่าในไตรมาสที่ 2 และ 3 จะกลับมาขยายตัวได้เป็นบวกอย่างก้าวกระโดด ซึ่งจะส่งผลให้อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยทั้งปี 57 จะยังคงอยู่ที่ 2.6% โดยอยู่บนสมมุติฐานที่ว่าในไตรมาสที่ 3 ปัญหาทางการเมืองสามารถคลี่คลายได้ สามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ และความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะกลับมาได้ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

    น.ส.กุลยา กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่อง จากปัจจัยทางการเมืองที่ยืดเยื้อ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและผู้ประกอบการ ทำให้การใช้จ่ายภาคเอกชนทั้งในด้านการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวลง ตลอดจนการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่หดตัว จนส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนชะลอตัวลงต่อเนื่อง โดยยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ในเดือนมี.ค. 2557 หดตัวที่ -1.2% ต่อปี ทำให้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2557 หดตัวต่อเนื่องที่ -0.2% ต่อปี

สรรพากรเร่งคืนภาษีกระตุ้น ศก.

     บ้านเมือง : นายสุทธิชัย สังขมณี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรได้คืนภาษีบุคคลธรรมดาไปแล้ว 70% หรือเป็นเงิน 2 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 30% หรือประมาณ 2 หมื่นล้านบาท จะเร่งคืนทั้งหมดให้ได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2557 เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเงินภาษีที่บุคคลธรรมดาส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้ทันที ทำให้มีเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ส่วนการยื่นแบบภาษีบุคคลธรรมดาที่สิ้นสุด 31 มีนาคมที่ผ่านมา มีผู้มายื่นแบบจำนวน 10.2 ล้านราย มีผู้ยื่นแบบเพิ่มขึ้น 4 แสนราย หรือ 2.8% ในจำนวนทั้งหมดมีผู้ต้องเสียภาษี 6.5 ล้านราย และการเก็บภาษีบุคคลลดลงประมาณ 25% จากปีก่อน เนื่องจากการปรับขั้นและลดอัตราภาษีเริ่มใช้ในปีภาษี 2556 ที่นำมายื่นภาษีเมื่อเดือนมกราคม-มีนาคม 2557

     แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาฝายราชการเสนอไปยังนาย กิตติรัตน์ ณ ระนอง รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แล้วถึงเรื่องต่ออายุลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 7% และจะสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายนนี้ โดยจะเสนอออกไปอีก 1 ปี ไปสิ้นสุด 30 กันยายน 2558 ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ ต้องนำเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี(ครม.) ก่อนที่จะนำเสนอไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อพิจารณาอนุมัติ

    ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รักษาการรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุถึงกรณีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ว่า รัฐบาลยังไม่มีแนวคิดที่จะปรับขึ้นแวตเป็น 10% จากปัจจุบันที่จัดเก็บอยู่ในอัตรา 7% ตามที่มีกระแสข่าวออกมาเพราะไม่ต้องการผลักภาระให้ประชาชน โดยรัฐบาลยังมีเวลาในการพิจารณาเรื่องนี้ให้รอบคอบ แต่ก็ยังยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีแนวคิดขึ้นภาษี

     ขณะเดียวกัน นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเกียรตินาคิน กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจและการเมืองทำให้เกิดความชะงักงันทางเศรษฐกิจ โดยธนาคารได้มีการปรับประมาณการทางเศรษฐกิจลงจาก 4% เหลือ 1.1% โดยจีดีพีที่ลดลงไป 3% หรือเงินในระบบหายไป 4-5 แสนล้านบาท

    "ผู้ที่ได้รับผลกระทบ คือ กลุ่มรากหญ้า และกระทบมาถึงสินเชื่อผู้บริโภคก่อน โดยเฉพาะสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน โดยจะเห็นได้ว่าในไตรมาสแรกแบงก์กำไรลดลง ส่วนใหญ่จะเป็นแบงก์ที่มีพอร์ตสินเชื่อรายย่อยค่อนข้างมาก ทั้งสินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อบ้านหรือสินเชื่อบุคคล"

     ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกที่ผ่านมาการขยายสินเชื่อที่เติบโตในระดับ 3.6% มาจากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เป็นหลัก โดยธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้ารายใหญ่ไปกว่า 6,000 ล้านบาท และทำให้สัดส่วนสินเชื่อรายย่อยปรับลดลงมาจาก 70% เหลือ 67% ขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อยังเป็นสินเชื่อหลักของธนาคาร โดยจะหันมามุ่งเน้นสินเชื่อรถใหม่มากขึ้นโดยเฉพาะรถที่มีแบรนด์ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า สำหรับแนวโน้มราคารถยนต์มือสองในไตรมาสแรกยังคงปรับลดลงเนื่องจากค่ายรถยังมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่และโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ราคารถเก่ายังปรับลดลงได้อีก จากก่อนหน้านี้ที่ลดลงไปแล้ว 25-30% แต่เชื่อว่าราคาน่าจะหยุดปรับลดลงและคงไม่ลดมากไปถึง 50%

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!