- Details
- Category: คลัง
- Published: Saturday, 28 November 2015 17:30
- Hits: 3687
รมช.คลัง ชี้รัฐบาลเร่งวางรากฐาน-สร้างบรรยากาศหนุนไทยเป็นประเทศน่าลงทุนในอนาคต
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานมอบรางวัล SET Awards 2015 ว่า ตลาดทุนไทยถือว่ามีการเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ มั่นคงและมั่งคั่ง ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวน แม้กระทั่งเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ได้ดำเนินงานมาในการพัฒนาประเทศ ตั้งแต่ช่วงที่เศรษฐกิจมีความลำบากจะเห็นได้จากสินค้าเกษตรตกต่ำ เศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยเฉพาะเศรษฐกิจของคู่ค้า คู่แข่ง ซึ่งรัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการเข้าไปดูแลในทุกภาคส่วน
โดยผ่านมารัฐบาลได้มีการกระจายเม็ดเงินลงไปในหมู่บ้าน ตำบล และผ่านโครงการขนาดเล็ก ในวงเงิน 1.3-1.4 แสนล้านบาท รวมถึงยังได้อนุมัติวงเงินอีกราว 2.7 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ที่ถือว่ามีความลำบากพอสมควร อีกทั้งยังออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อช่วยประชาชนให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น ขณะที่โครงการขนาดใหญ่ หรือโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมีเม็ดเงินเพิ่มอีกกว่า 6 แสนล้านบาท เป็นเงินลงทุนในปี 59-60 ซึ่งก็จะเห็นได้ว่ารัฐบาลมีความพยายามมุ่งมั่นที่จะดูแลในทุกภาคส่วน เพื่อให้ประเทศสามารถเดินหน้าไปได้ด้วยดี
ขณะเดียวกัน ก็พยายามที่จะดำเนินการในโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ โดยเฉพาะในเรื่องของการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ ทั้งการปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ และการผ่อนคลายมาตรการทางการเงิน การคลัง เป็นต้น ซึ่งในช่วงปลายเดือนต.ค.58 ธนาคารโลก(WORLD BANK) ได้ประกาศผลการจัดอันดับจากรายงาน Doing Business ปี 2016 ประเทศที่มีความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ซึ่งประเทศไทยได้คะแนนมาอยู่ที่อันดับ 49 รองจากประเทศสิงค์โปร และมาเลเซีย ในกลุ่มประเทศอาเซียน จากปี 2015 ประเทศไทยได้ลำดับที่ 46 ซึ่งมองว่าสิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการแล้วเสร็จอาจจะส่งผลไม่ทัน แต่คาดว่าปีต่อไปน่าจะถูกนำมามารวมและทำให้อันดับของประเทศดีขึ้น
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการยืนยันว่ารัฐบาลได้ดำเนินงานไปแล้ว ในเรื่องของการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ได้แก่ พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการพิจารณาของหน่วยงานราชการ ซึ่งจะมีความชัดเจนของขั้นตอน ระยะเวลา ที่หน่วยงานราชการจะต้องใช้จัดทำรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ และยังมีการแก้ไขพ.ร.บ.ล้มละลาย เพื่อให้มีขั้นตอนที่มีความโปร่งใส กระชับมากขึ้น รวมถึงมีการออกพ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ ที่ได้มีการลงพระปรมาภิไธยไปแล้ว คาดว่าอีกประมาณ 7 เดือนจะมีผลบังคับใช้ อีกทั้งยังมีเรื่องของการปรับลดภาษีนิติบุคคลเป็นการถาวร ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการเจรจากับกรมสรรพากร
ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังมีการสร้าง International Headquarters and International Trade Centre เพื่อเป็นการจูงใจให้แก่บริษัทข้ามชาติเข้ามาลงทุน พร้อมกับสิทธิประโยชน์ทั้งนิติบุคคล และบุคคลธรรมดา โดยล่าสุดก็ได้เสนอให้ครม.รับหลักการเรื่องการจัดตั้งกองทุนเพื่อเสริมขีดความสามารถในการแข่งขัน สำหรับอุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมายจำนวน 10 อุตสาหกรรม ขนาดกองทุนราว 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างจัดทำเอกสาร คงต้องใช้ระยะเวลาอีกสักระยะหนึ่ง
ทั้งหมดนี้ ก็เป็นฐานรองรับในอนาคตของการประกอบธุรกิจในประเทศไทยให้เป็นประเทศที่น่าลงทุน และง่ายต่อการประกอบธุรกิจในอนาคต" รมช.คลัง กล่าว
อินโฟเควสท์
คลังเผยปี'59-60 เม็ดเงินลงทุนรัฐไหลลงระบบ 6.7 แสนล้าน เร่งคลอดมาตรการภาษีหนุน10อุตฯเป้าหมาย
แนวหน้า : นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในงานมอบรางวัล SET AWARDS 2015 ว่า เม็ดเงิน จากโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่เริ่มเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้ว คาดว่าปี 2559-2560 จะมีเม็ดเงินถึง 670,000 ล้านบาท หลังจากนั้นจะมีเม็ดเงินอีก 1.9 ล้านล้านบาท ซึ่งจะขับเคลื่อน เศรษฐกิจให้เติบโตได้ผ่านการลงทุนของภาครัฐ ซึ่งล่าสุดทางคณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงิน 10,000 ล้านบาท ในการตั้งกองทุนพัฒนาขีดความสามารถของอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10 อุตสาหกรรม ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยจะนำเงินจากกองทุนมาให้สินเชื่อกับอุตสาหกรรม และใช้งบประมาณส่วนหนึ่ง ในการวิจัยและพัฒนา
ขณะนี้ รัฐบาลอยู่ระหว่างเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งออกมาตรการทั้งการเงินและการคลัง มาตรการทางภาษีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และความคล่องตัว ในการลงทุน ล่าสุด ครม.ได้เห็นชอบในหลักการร่าง พ.ร.บ. การจัดตั้งกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย วงเงิน 10,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างทำรายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งหวังว่าการดำเนินการดังกล่าว ของรัฐบาล จะสนับสนุนให้ไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุนและ ประกอบธุรกิจในอนาคต ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาในช่วงที่เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยเฉพาะประเทศคู่ค้าหลัก รวมถึง ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามที่จะหามาตรการรองรับเพื่อดูแลทุกภาคส่วน ทั้งมาตรการดูแลพี่น้องประชาชน การกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน รวมถึงมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทั้งการช่วยเหลือสภาพคล่องและมาตรการทางด้านภาษี
"ปลายเดือนที่ผ่านมาธนาคารโลกมีการจัดอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจ พบว่าไทยอยู่อันดับที่ 49 ของโลกจาก 189 ประเทศ และอยู่อันดับที่ 3 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย ซึ่งยอมรับว่าเป็นอันดับที่ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่อยู่ที่ 46 แต่เชื่อว่าจากที่รัฐบาลดำเนินการมา ในปีหน้าอันดับหน้าจะดีขึ้นกว่าปีนี้แน่นอน เพราะรัฐบาลได้การออกมาตรการผ่อนคลาย เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการต่างๆ เช่น การออกพ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ ที่อยู่ระหว่างให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์พิจารณาเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้สมบูรณ์ภายใน 7 เดือนนี้ การปรับลดภาษีนิติบุคคลเป็นการถาวร เหลือ 20% เป็นต้น"นายวิสุทธิ์ กล่าว
ในขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. และกรมสรรพากร อยู่ระหว่างการศึกษาในรายละเอียดการปรับโครงสร้างภาษีบุคคลธรรมดาแบบใหม่ ซึ่งประเมินว่าจะต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการอีกสักระยะ ขณะที่การจัดตั้งกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายนั้น ที่จะมีมาตรการทางภาษีออกนั้น ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นมาตรการช่วยเหลือเป็นการทั่วไป แต่จะช่วยเหลือเป็นการเฉพาะกลุ่ม เช่น การนำเงินในกองทุนช่วยเหลือในส่วนของดอกเบี้ย ซึ่งยืนยันว่าขณะนี้ยังเร็วไปที่จะประเมิน
นอกจากนี้ นายวิสุทธิ์ยังกล่าวถึงตลาดทุนไทยในปัจจุบันว่า ตลาดทุนไทยมีความแข็งแกร่งและสามารถรองรับกับเศรษฐกิจที่มีความผันผวนและชะลอตัวได้ โดยล่าสุดรัฐบาลได้เห็นชอบในหลักการตั้งกองทุนดังกล่าวขนาด 10,000 ล้านบาท เรียบร้อยแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างรอรายละเอียดที่จะออกมา ซึ่งเชื่อว่าการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว และการปรับปรุงระเบียบ กฎเกณฑ์ต่างๆ จะช่วยให้ไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุนเพิ่มมากขึ้น