- Details
- Category: คลัง
- Published: Friday, 16 October 2015 23:31
- Hits: 4260
รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือน ส.ค. 2558 และผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ ที่ดำเนินการโดย สบน. ประจำเดือน ส.ค. 2558
นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ได้แถลงข่าวการดำเนินงานของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ดังนี้
1. รายงานหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2558
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ 31 สิงหาคม 2558 มีจำนวน 5,736,644.08 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 42.81 ของ GDP เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 18,171.13 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
หนี้ของรัฐบาล มียอดหนี้คงค้างเพิ่มขึ้น 19,508.47 ล้านบาท ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก
- การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 33,000 ล้านบาท
- การกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 6,025.17 ล้านบาท มีรายการที่สำคัญ ดังนี้
1. การกู้เงินเพื่อให้รัฐวิสาหกิจกู้ต่อ จำนวน 2,661.08 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 791.67 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สายสีเขียว และสายสีม่วง การรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 68.02 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทาง และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,801.39 ล้านบาท สำหรับโครงการซื้อเครื่องบินแอร์บัส A340-600
2. การกู้เงินบาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ จำนวน 3,147 ล้านบาท
- การชำระหนี้ต้นเงินกู้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จำนวน 20,345 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟู (FIDF 1) จำนวน 13,466.33 ล้านบาท และภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูระยะที่ 2 (FIDF 3) จำนวน 6,878.67 ล้านบาท
หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน มียอดหนี้คงค้างเพิ่มขึ้น 5,293.34 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก
- ผลของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้หนี้ต่างประเทศสกุลต่างๆ เพิ่มขึ้น 6,685.19 ล้านบาท
- การชำระคืนหนี้มากกว่าการเบิกจ่ายเงินกู้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้หนี้ลดลง 1,391.85 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระหนี้ต่างประเทศ ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) 1,599.39 ล้านบาท การไถ่ถอนพันธบัตรของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 2,000 ล้านบาท และการออกพันธบัตรของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 3,000 ล้านบาท เพื่อการลงทุนตามโครงการและเป็นเงินบาทสมทบสำหรับโครงการเงินกู้ต่างประเทศ
หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) มียอดหนี้คงค้างลดลง 7,478.14 ล้านบาท โดยมีรายการที่สำคัญ ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรชำระหนี้เงินต้นที่กู้มาเพื่อดำเนินโครงการรับจำนำข้าว โดยใช้เงินจากการระบายข้าว จำนวน 5,460 ล้านบาท และธนาคารอาคารสงเคราะห์ไถ่ถอนพันธบัตรที่กู้มาเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนด จำนวน 2,000 ล้านบาท
หน่วยงานของรัฐ มียอดหนี้คงค้างเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 847.46 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการกู้เงินของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อดำเนินโครงการการให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อยในฤดูผลิต ปี 2557/2558 จำนวน 872.31 ล้านบาท
หนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2558 เท่ากับ 5,736,644.08 ล้านบาท แบ่งเป็น หนี้ในประเทศ 5,384,061.20 ล้านบาท หรือร้อยละ 93.85 และหนี้ต่างประเทศ 352,582.88 ล้านบาท (ประมาณ 10,052.92 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือเท่ากับร้อยละ 6.15 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และหากเปรียบเทียบกับเงินสำรองระหว่างประเทศ จำนวน 155,838.10 ล้านเหรียญสหรัฐ (ข้อมูล ณ 31 สิงหาคม 2558) หนี้ต่างประเทศ จะคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 6.45 ของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพและความมั่นคงในด้านการเงินของประเทศ
โดยหนี้สาธารณะแบ่งออกเป็นหนี้ระยะยาวถึง 5,542,534.01 ล้านบาท หรือร้อยละ 96.62 และ มีหนี้ระยะสั้น 194,110.07 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.38 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
2. รายงานผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐที่ดำเนินการโดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ประจำเดือนสิงหาคม 2558
สบน. มีการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ วงเงินรวม 73,407 ล้านบาท แบ่งเป็น หนี้ของรัฐบาล จำนวน 61,744.57 ล้านบาท และหนี้รัฐวิสาหกิจ จำนวน 11,662.43 ล้านบาท
การบริหารจัดการหนี้ของรัฐบาล วงเงิน 61,744.57 ล้านบาท ประกอบด้วย
- ผลการกู้เงินในประเทศของรัฐบาล จำนวน 37,081.69 ล้านบาท
1. การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 33,000 ล้านบาท
2. การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำ จำนวน 75 ล้านบาท
3. การเบิกจ่ายเงินกู้ให้กู้ต่อ จำนวน 859.69 ล้านบาท
4. การเบิกจ่ายเงินกู้บาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ จำนวน 3,147 ล้านบาท
การกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้จากต่างประเทศของรัฐบาล กระทรวงการคลังได้มีการเบิกจ่ายเงินกู้และการลงนามสัญญาเงินกู้จากต่างประเทศ จำนวน 1,943.48 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme จำนวน 1,801.39 ล้านบาท เพื่อให้กู้ต่อแก่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สำหรับโครงการซื้อเครื่องบิน แอร์บัส A340-600
2. การเบิกจ่ายเงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชีย จำนวน 142.09 ล้านบาท สำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักให้เป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ของกรมทางหลวง
การชำระหนี้ของรัฐบาล จำนวน 22,719.40 ล้านบาท แบ่งเป็น
1. การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 672.44 ล้านบาท แบ่งเป็น
- ชำระต้นเงิน จำนวน 374.49 ล้านบาท ซึ่งเป็นการชำระหนี้ต่างประเทศ โดยใช้เงินงบประมาณทั้งจำนวน
- ชำระดอกเบี้ย จำนวน 297.95 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณทั้งจำนวน แบ่งเป็น ดอกเบี้ยหนี้ในประเทศ 164.70 ล้านบาท และดอกเบี้ยหนี้ต่างประเทศ 133.25 ล้านบาท
2. การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จำนวน 22,046.96 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ แบ่งเป็น
- การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ (FIDF 1) จำนวน 13,588.68 ล้านบาท โดยเป็นการชำระต้นเงิน 13,466.33 ล้านบาท และชำระดอกเบี้ย 122.35 ล้านบาท
- การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ (FIDF 3) จำนวน 8,458.28 ล้านบาท โดยเป็นการชำระต้นเงิน 6,878.66 ล้านบาท และชำระดอกเบี้ย 1,579.62 ล้านบาท
การบริหารจัดการหนี้รัฐวิสาหกิจ วงเงิน 11,662.43 ล้านบาท ประกอบด้วย
การกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 3,000 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เงินในประเทศของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในรูปของพันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน เพื่อการลงทุนตามโครงการและเป็นเงินบาทสมทบสำหรับโครงการเงินกู้ต่างประเทศ
การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ จำนวน 62.43 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้จากองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ของการประปานครหลวง สำหรับโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลักครั้งที่ 8
การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 8,600 ล้านบาท ประกอบด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ของการรถไฟแห่งประเทศไทย 5,300 ล้านบาท และการเคหะแห่งชาติ 3,300 ล้านบาท
คณะโฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
โทร. 02 265 8050 ต่อ 5505, 5522, 5903
เอกสารแนบ 1
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ขอแถลงสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2558 ดังนี้
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2558 มีจำนวน 5,736,644.08 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 42.81 ของ GDP เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 18,171.13 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. หนี้ของรัฐบาล 4,110,887.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19,508.47 ล้านบาท
2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,051,658.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,293.34 ล้านบาท
3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 551,176.34 ล้านบาท ลดลง 7,478.15 ล้านบาท
4. หนี้หน่วยงานของรัฐ 22,922.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 847.46 ล้านบาท
ทั้งนี้ รายละเอียดและสัดส่วนของหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2558 ปรากฏตามแผนภาพที่ 1 และตารางที่ 1 ตามลำดับ
1.1.1 หนี้ต่างประเทศ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 2,771.78 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการเบิกจ่ายและชำระคืนหนี้เงินเหรียญสหรัฐและหนี้เงินเยน ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้นสุทธิ 1,568.98 ล้านบาท ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 1,202.80 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาในรูปเงินบาท หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงจำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ หลังจากที่ทำการป้องกัน ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว
1.1.2 หนี้ในประเทศ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 37,081.69 ล้านบาท โดยมีรายการสำคัญเกิดจาก
- การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 33,000 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาล ทั้งจำนวน
- การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำ จำนวน 75 ล้านบาท จากสัญญาเงินกู้วงเงิน 15,393 ล้านบาท ที่ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2556 ภายใต้ พ.ร.ก. บริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ
- เงินกู้ให้กู้ต่อ เพิ่มขึ้น 859.69 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 791.67 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน วงเงิน 401.17 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว วงเงิน 226.18 ล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง วงเงิน 164.32 ล้านบาท
การรถไฟแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 68.02 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทาง
- การกู้เงินบาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ เพิ่มขึ้น 3,147 ล้านบาท เนื่องจาก
การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อใช้ในโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) จำนวน 147 ล้านบาท
การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน:มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 จำนวน 3,000 ล้านบาท
1.2 หนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 20,345 ล้านบาท จากการชำระหนี้ โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูแบ่งเป็น
- การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟู (FIDF 1) จำนวน 13,466.33 ล้านบาท
- การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูระยะที่ 2 (FIDF 3) จำนวน 6,878.67 ล้านบาท
1.3 หนี้เงินกู้ล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า
2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน
2.1 หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน
2.1.1 หนี้ต่างประเทศ ผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 1,522.54 ล้านบาท และเมื่อพิจารณาร่วมกับผลจากการชำระคืนหนี้เงินเยน 257.77 ล้านบาท ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 1,264.77 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนสิงหาคม ดังรายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 3
2.1.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น จำนวน 1,537.29 ล้านบาท เนื่องจาก
- การรถไฟแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้ระยะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่อง จำนวน 1,700 ล้านบาท
- รัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้น้อยกว่าการชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 162.71 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้ 2,340 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ 2,502.71 ล้านบาท
2.2 หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน
2.2.1 หนี้ต่างประเทศ ผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 5,162.65 ล้านบาท และเมื่อพิจารณาร่วมกับผลจากการชำระคืนหนี้สกุลเงินต่างๆ 1,599.39 ล้านบาท ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาท ณ สิ้นเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 3,563.26 ล้านบาท
2.2.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 1,071.98 ล้านบาท เนื่องจาก
- การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคออกพันธบัตร 3,000 ล้านบาท และไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด 1,280 ล้านบาท
- การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด 2,000 ล้านบาท
- รัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 791.98 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้ 165.60 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ 957.58 ล้านบาท
3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน)
3.1 หนี้ต่างประเทศ ผลจากการชำระคืนหนี้เงินเยน ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 29.86 ล้านบาท และเมื่อพิจารณาร่วมกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 11.72 ล้านบาท ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาท ณ สิ้นเดือนสิงหาคม ลดลงจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 18.14 ล้านบาท
3.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 7,460 ล้านบาท เนื่องจาก
- ธนาคารอาคารสงเคราะห์ไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด 2,000 ล้านบาท
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรชำระคืนต้นเงินตามสัญญาเงินกู้ 5,460 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากพิจารณาในรูปเงินบาท หนี้ต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) หลังทำการป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน จำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ
4. หนี้หน่วยงานของรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 847.46 ล้านบาท เนื่องจากหน่วยงานของรัฐมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ มากกว่าการชำระคืนต้นเงินกู้ โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้ 872.46 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ 25 ล้านบาท
หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2558 มีจำนวน 5,736,644.08 ล้านบาท ซึ่งหากแบ่งประเภทเป็นหนี้ต่างประเทศ-หนี้ในประเทศ และหนี้ระยะยาว-หนี้ระยะสั้น มีรายละเอียด ดังนี้
หนี้ต่างประเทศและหนี้ในประเทศ แบ่งออกเป็น หนี้ต่างประเทศ 352,582.88 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.15 และหนี้ในประเทศ 5,384,061.20 ล้านบาท หรือร้อยละ 93.85 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
- หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น (แบ่งตามอายุของเครื่องมือการกู้เงิน) แบ่งออกเป็น หนี้ระยะยาว 5,542,534.01 ล้านบาท หรือร้อยละ 96.62 และหนี้ระยะสั้น 194,110.07 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.38 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
- หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น (แบ่งตามอายุคงเหลือ) แบ่งออกเป็น หนี้ระยะยาว 4,979,709.57 ล้านบาท หรือร้อยละ 86.81 และหนี้ระยะสั้น 756,934.50 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.19 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
ส่วนวิจัยนโยบายหนี้สาธารณะ สำนักนโยบายและแผน สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
โทร. 0 2265 8050 ต่อ 5522
เอกสารแนบ 2
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะขอสรุปผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐที่ดำเนินการโดยสำนักงาน บริหารหนี้สาธารณะ ประจำเดือนสิงหาคม 2558 วงเงินรวม 73,407 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหนี้รัฐบาล 61,744.57 ล้านบาท และหนี้รัฐวิสาหกิจ 11,662.43 ล้านบาท
1. การบริหารจัดการหนี้รัฐบาล วงเงินรวม 61,744.57 ล้านบาท ประกอบด้วย
การกู้เงินในประเทศ 37,081.69 ล้านบาท
การกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ 1,943.48 ล้านบาท
การชำระหนี้ 22,719.40 ล้านบาท
1.1 การกู้เงินในประเทศ กระทรวงการคลังกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 37,081.69 ล้านบาท รายละเอียด ดังนี้
1.1.1 การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 33,000 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาล ทั้งจำนวน
1.1.2 การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำ จำนวน 75 ล้านบาท จากสัญญาเงินกู้วงเงิน 15,393 ล้านบาท ที่ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2556 ภายใต้ พ.ร.ก. บริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศฯ
1.1.3 การเบิกจ่ายเงินกู้ให้กู้ต่อ จำนวน 859.69 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น (1) การให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง จำนวน 164.32 ล้านบาท สายสีเขียว จำนวน 226.18 ล้านบาท และสายสีน้ำเงิน จำนวน 401.17 ล้านบาท และ (2) การให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อจัดทำโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทาง จำนวน 68.02 ล้านบาท
1.1.4 การเบิกจ่ายเงินกู้บาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ จำนวน 3,147 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น (1) เงินกู้เพื่อใช้ในโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) จำนวน 147 ล้านบาท
(2) เงินกู้เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 จำนวน 3,000 ล้านบาท
1.2 การกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ กระทรวงการคลังได้มีการเบิกจ่ายเงินกู้จากต่างประเทศ จำนวน 1,943.48 ล้านบาท รายละเอียด ดังนี้
1.2.1 การเบิกจ่ายเงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชีย จำนวน 3.94 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 142.09 ล้านบาท สำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ของกรมทางหลวง
1.2.2 การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme จำนวน 50 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 1,801.39 ล้านบาท เพื่อให้กู้ต่อแก่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สำหรับโครงการซื้อเครื่องบินแอร์บัส A340-600
1.3 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ ในเดือนสิงหาคม 2558 กระทรวงการคลังไม่มีการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ
1.4 การชำระหนี้ กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้ จำนวน 22,719.40 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
1.4.1 การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 672.44 ล้านบาท รายละเอียด ดังนี้
- ชำระต้นเงิน จำนวน 374.49 ล้านบาท ซึ่งเป็นการชำระหนี้ต่างประเทศ โดยใช้เงินงบประมาณทั้งจำนวน
- ชำระดอกเบี้ย จำนวน 297.95 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณทั้งจำนวน แบ่งเป็น (1) ดอกเบี้ยหนี้ในประเทศ 164.70 ล้านบาท และ (2) ดอกเบี้ยหนี้ต่างประเทศ 133.25 ล้านบาท
1.4.2 การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จำนวน 22,046.96 ล้านบาท แบ่งเป็น
(1) การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ (FIDF 1) จำนวน 13,588.68 ล้านบาทโดยเป็นการชำระต้นเงิน จำนวน 13,466.33 ล้านบาท และชำระดอกเบี้ย จำนวน 122.35 ล้านบาท
(2) การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง (FIDF 3) จำนวน 8,458.28 ล้านบาท โดยเป็นการชำระต้นเงิน จำนวน 6,878.66 ล้านบาท และชำระดอกเบี้ย จำนวน 1,579.62 ล้านบาท
2. การบริหารจัดการหนี้รัฐวิสาหกิจ วงเงินรวม 11,662.43 ล้านบาท
2.1 การกู้เงินในประเทศ
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกู้เงินในประเทศ จำนวน 3,000 ล้านบาท ในรูปของพันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน เพื่อการลงทุนตามโครงการและเป็นเงินบาทสมทบสำหรับโครงการเงินกู้ต่างประเทศ
2.2 การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ
การประปานครหลวงเบิกจ่ายเงินกู้จากองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) จำนวน 208.74 ล้านเยน หรือคิดเป็น 62.43 ล้านบาท สำหรับโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลักครั้งที่ 8
2.3 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ
รัฐวิสาหกิจได้มีการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศเป็นเงิน 8,600 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังตารางที่ 2
กระทรวงการคลัง
หนี้สาธารณะพุ่งแตะ 1.8 หมื่นล้าน ผลจากกู้เงินชดเชยการขาดดุลงบฯ
แนวหน้า : นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เปิดเผยว่า ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือน ส.ค.58 มีจำนวน 5,736,644 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42.81% ของจีดีพี เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 18,171 ล้านบาท โดยเป็นหนี้ของรัฐบาลมียอดหนี้คงค้างเพิ่มขึ้น 19,508 ล้านบาท เป็นผลมาจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 33,000 ล้านบาท และการกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 6,025 ล้านบาท
สำหรับ หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน มียอดหนี้คงค้างเพิ่มขึ้น 5,293 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจากผลของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้หนี้ต่างประเทศสกุลต่างๆ เพิ่มขึ้น 6,685 ล้านบาท การชำระคืนหนี้มากกว่าการเบิกจ่ายเงินกู้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้หนี้ลดลง 1,391 ล้านบาท จากการชำระหนี้ต่างประเทศ ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) 1,599 ล้านบาท การไถ่ถอนพันธบัตรของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 2,000 ล้านบาท และการออกพันธบัตรของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 3,000 ล้านบาท เพื่อการลงทุนตามโครงการและเป็นเงินบาทสมทบสำหรับโครงการเงินกู้ต่างประเทศ
ขณะที่หน่วยงานของรัฐ มียอดหนี้คงค้างเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 847 ล้านบาท จากการกู้เงินของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อดำเนินโครงการการให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อยในฤดูผลิต ปี 2557/2558 จำนวน 872 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) มียอดหนี้คงค้างลดลง 7,478 ล้านบาท จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)ชำระหนี้เงินต้นโครงการรับจำนำข้าว โดยใช้เงินจากการระบายข้าว 5,460 ล้านบาท และธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) ไถ่ถอนพันธบัตรที่กู้มาเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนด 2,000 ล้านบาท
นายสุวิชญ กล่าวถึงผลการบริหารหนี้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน หรือ เอฟไอดีเอฟ(FIDF) ว่า ยอดหนี้เอฟไอดีเอฟ ณ สิ้นปีงบประมาณ 2558 มีหนี้คงเหลือ 9.98 แสนล้านบาท จากหนี้ ณ ต้นปีทั้งสิ้น 1.07 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นหนี้เอฟไอดีเอฟ 1 จำนวน 4.03 แสนล้านบาท และหนี้เอฟไอดีเอฟ 3 จำนวน 5.95 แสนล้านบาท
"การดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2555 ถึงวันที่ 30 ก.ย. 2558 ได้มีการชำระหนี้เงินกู้เอฟไอดีเอฟ 1 และเอฟไอดีเอฟ 3 ไปแล้วทั้งสิ้น 270,771 ล้านบาท เป็นต้นเงิน จำนวน 134,341 ล้านบาท ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม จำนวน 136,430 ล้านบาท"นายสุวิชญ กล่าว
นอกจากนี้ สบน.เตรียมออกพันธบัตรออมทรัพย์วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปี และจะจ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 6 เดือน โดยจะเปิดขายตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคมนี้-20 กุมภาพันธ์ 2559 อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ สบน.ยังมีแผนที่จะออกพันธบัตรออมทรัพย์อีกจำนวน 5 หมื่นล้านบาทในระยะต่อไป
ผลการบริหารหนี้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ได้แถลงข่าวการดำเนินการภายหลังพระราชกำหนดปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2555 มีผลบังคับใช้ ดังนี้
การดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2558 ได้มีการชำระหนี้เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้กระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 (FIDF1) และพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF3) ไปแล้วทั้งสิ้นจำนวน 270,771 ล้านบาท ประกอบด้วย ต้นเงิน จำนวน 134,341 ล้านบาท ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม จำนวน 136,430 ล้านบาท
ทำให้ ณ สิ้นปีงบประมาณ 2558 มีหนี้ FIDF คงเหลือ จำนวน 998,791 ล้านบาท โดยเป็นหนี้ FIDF1 จำนวน 403,113 ล้านบาท และหนี้ FIDF3 จำนวน 595,678 ล้านบาท
สำนักจัดการหนี้ 1 สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ โทร. 02 265 8050 ต่อ 5303, 5105, 5805, 5308, 5310-กระทรวงการคลัง