- Details
- Category: คลัง
- Published: Saturday, 29 August 2015 17:03
- Hits: 6635
สศค.เผยเศรษฐกิจเดือนก.ค.ขยายตัวเปราะบาง มั่นใจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยจีดีพีไทยปี 58 โตได้ตามคาดที่ 3%
สศค.เผยเศรษฐกิจเดือนก.ค.ขยายตัวเปราะบาง เหตุการใช้จ่ายในประเทศ-ส่งออกชะลอตัว หวังการลงทุนขนาดเล็ก- นโยบายกระจายรายได้ให้ผู้ที่มีรายได้น้อย ช่วยพยุงเศรษฐกิจช่วงที่เหลือของปีนี้ เชื่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยจีดีพีไทยปี 58 โตได้ตามคาดที่ 3% และส่งออกที่ -4% พร้อมเผยเงินเฟ้อทั่วไปเดือนก.ค.อยู่ที่ -1.1% เงินเฟ้อพื้นฐาน 0.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนส่งออก หดตัว 3.6% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ส่วนนำเข้าหดตัว 12.7% เผยดุลการค้าระหว่างประเทศ เกินดุล 0.8 พันล้านดอลลาร์ ประเมินผลกระทบระเบิดราชประสงค์ส่งผลต่อเศรษฐกิจ 0.05% คาดนักท่องเที่ยวหายไป 3 แสนคน
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลังหรือ สศค. ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจการคลังเดือนก.ค.ที่ผ่านมายังขยายตัวเปราะบางโดยการใช้จ่ายรัฐบาลและการท่องเที่ยวยังเป็นแรงสนับสนุนที่สำคัญ โดยปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ คือ เศรษฐกิจโลกที่ชะลอ ส่งผลให้การส่งออกและรายได้เกษตรลดลง
อย่างไรก็ตาม มาตรการของรัฐบาลที่จะเน้นการลงทุนขนาดใหญ่นั้น อาจเป็นเพียงแค่แผนการดำเนินงานเท่านั้นหากจะต้องใช้จริงจะต้องใช้ระยะเวลา ดังนั้นการลงทุนขนาดเล็กๆนั้นอาจเดินหน้าและเบิกจ่ายได้รวดเร็วกว่า ประกอบกับการหามาตรการ เพื่อช่วยผู้ที่มีรายได้น้อย ซึ่งถือกลุ่มประชากรที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ จะเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และประชาชนที่มีรายได้น้อยจำนวนมาก จะช่วยพยุงเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้ไป ด้วยงบประมาณการลงทุนมากกว่า 4-5 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ยังหวังว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นนั้น จะส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ในปีนี้ขยายตัวได้ตามคาดที่ 3% เนื่องจากเม็ดเงินดังกล่าว จะเข้าไปกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากในการชดเชยการส่งออกที่ชะลอตัว โดยปีนี้คาดการณ์ส่งออกที่หดตัว 4%
สำหรับ การบริโภคภาคเอกชนในเดือนก.ค.มีสัญญาณชะลอตัวลงจากเดือนก่อน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ กลับมาหดตัวอีกครั้งที่1.7% ต่อปี จากการหดตัวของภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บบนฐานการนำเข้า ณ ราคาคงที่หดตัวที่11.1% ต่อปี นอกจากนี้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 มาอยู่ที่ระดับ 62.6 จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่มีปัจจัยลบจากการส่งออกที่ยังไม่ฟื้นตัว ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรที่อยู่ในระดับต่ำและปัญหาภัยแล้วส่งผลให้ผลผลิตเกษตรเสียหาย ทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง
ด้านการลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณชะลอลงจากเดือนก่อน โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์กลับมาหดตัวที่ 2% ต่อปี ด้านการลงทุนในหมวดเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ พบว่ายังคงหดตัว 3.1% ต่อปี สำหรับปริมาณการนำเข้าสินค้าทุนกลับมาหดตัวที่ -22.1% ต่อปี
นายเอกนิติ กล่าวว่า การส่งออกในเดือนก.ค. ยังคงหดตัวต่อเนื่อง โดยมีมูลค่า 18.2 พันล้านดอลลาร์ หดตัว 3.6% ต่อปี ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน เนื่องจากการส่งออกคู่ค้าหลักยังคงหัวตัว โดยเฉพาะจีนที่หดตัว 1.6% ญี่ปุ่น หดตัว 9.7% และยุโรปหดตัว 1.1% ต่อปี โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้ามาจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกและตลาดคู่ค้าหลักในปัจจุบันที่ชะลอตัวลง ซึ่งส่งผลต่อกำลังซื้อในตลาดโลก ทำให้การนำเข้าของเกือบทุกประเทศทั่วโลกชะลอตัว ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกชะลอตัวต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อมูลค่าการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันที่ยังมีทิศทางลดลงต่อเนื่อง
นอกจากนี้ราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกปรับตัวลดลงมาก โดยเฉพาะข้าว ยางพารา และน้ำมัน รวมถึงการใช้มาตรการลดค่าเงินของประเทศคู่ค้าสำคัญ ทำให้เงินบาทของไทยอ่อนค่าน้อยกว่าสกุลเงินอื่น จึงทำให้สินค้าไทยแข่งขันยากและมีราคาแพงเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง และทำให้ความต้องการซื้อสินค้าไทยลดลง
สำหรับมูลค่าการนำเข้าในเดือนก.ค.มีมูลค่า 17.5 พันล้านดอลลาร์ หดตัว 12.7% ต่อปี มูลค่าส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์ที่มีมูลค่าสูงกว่าการนำเข้าสินค้าในรูปดอลลาร์ ส่งผลให้ดุลการค้าระหว่างประเทศในเดือนก.ค.เกินดุล 0.8 พันล้านดอลลาร์
ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนก.ค. อยู่ที่ -1.1% ใกล้เคียงกับเงินเฟ้อเดือนก่อน เป็นผลจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงทรงตัวในระดับต่ำ ประกอบกับมีการปรับลดค่าไฟฟ้า รวมถึงราคาเนื้อสัตว์หดตัว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.9% ต่อปี เทียบเท่ากับเดือนก่อน
นายเอกนิติ กล่าวถึงเหตุการณ์ระเบิดที่ราชประสงค์ที่เกิดขึ้นนั้น ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ 0.05% เนื่องจากคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้จะหายไป 300,000 คน จากเป้าหมายที่ภาคการท่องเที่ยวตั้งไว้ที่ 29.9 ล้านคนแต่ยังมั่นใจว่าจีดีพีจะขยายตัวได้ตามเป้าหมาย
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย