- Details
- Category: คลัง
- Published: Friday, 20 June 2014 22:30
- Hits: 3300
คลัง ชี้ 4 เครื่องยนต์หลักเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้น-เคทีซีเผยยอดใช้จ่ายเพิ่ม คลังยันจีดีพีโตกว่า 2%
แนวหน้า : คลังเห็นแย้งตัวเลขเศรษฐกิจของแบงก์ชาติ ยันจีดีพีโตได้เกินกว่า 2% เหตุการลงทุน การบริโภค การส่งออกเริ่มฟื้นตัวแล้ว เผยนักลงทุนต่างชาติเชื่อมั่น โรดแมปทางเศรษฐกิจ ของ คสช. เม็ดเงินจากภาครัฐและเอกชนเริ่มไหลเข้าระบบแล้ว ด้านผู้บริหารสถาบันการเงิน ยอมรับ ยอดการใช้จ่ายของลูกค้าผ่านบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น มูลค่ารวม 1.2 ล้านล้านบาท
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า จากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้คาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยคาดว่าทั้งปีนี้จะขยายตัวได้ 1.5% ต่อปี ถือเป็นการประมาณการที่ต่ำเกินไป และมีความขัดแย้งกับการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ไว้ที่ระดับ 2 % ต่อปี และยังให้เหตุผลว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง แต่กลับมาการปรัดลดประมาณการเศรษฐกิจทั้งปีลดลงอย่างมาก ถือว่าไม่สมเหตุสมผล
"เศรษฐกิจไทยปีนี้ ไม่ขยายตัวต่ำกว่า 2% ต่อปี โดยกระทรวงการคลังคาดว่าจะขยายได้ 2-3 % ต่อปี ใกล้เคียงกับที่ สศค.ประมาณการไว้ล่าสุดที่ 2.6% ต่อปี ซึ่งจะมีการประกาศปรับประมาณการเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการในเดือนนี้"นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย กล่าวอีกว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และดัชนีภาคอุตสาหกรรม ล่าสุดเพิ่มขึ้นในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจไทยในเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา จะเป็นจุดพลิกผันทางเศรษฐกิจจากที่คาดว่าเศรษฐกิจจะแย่จากไม่มีรัฐบาลบริหารประเทศ มาเป็นขยายตัวได้ดีขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ เครื่องยนต์ด้านเศรษฐกิจ ทั้งการบริโภค การลงทุน การใช้จ่าย และการส่งออกกลับมาฟื้นตัวได้พร้อมกันอีกครั้ง และการประกาศแผนพัฒนาเศรษฐกิจ หรือโรดแมปทางเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ควช.) จะทำให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศมีความเชื่อมั่นกับเศรษฐกิจไทยมากขึ้น
สำหรับ เศรษฐกิจไทยปี 2558 กระทรวงการคลังคาดว่าจะขยายตัวได้ไม่น้อยกว่า 4 % ต่อปี เพราะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจด้านต่างๆ ชัดเจนมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีมาตรการต่างๆ กระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนมาก ทั้งการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ การเร่งลงทุนของภาคเอกชนที่ชะลอมานาน ประชาชนมีการบริโภคเป็นปกติจากที่ผ่านมามีการชะลอเพื่อดูความแน่นอนทางการเมือง
ขณะที่ ธปท.คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีหน้าจะขยายตัวได้มากกว่า 5 % ต่อปี ก็มีความเป็นไปได้ เพราะฐานการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้ของ ธปท. ปีนี้ต่ำ ทำให้ปีหน้าการขยายตัวจะสูงขึ้น แต่กระทรวงการคลังเชื่อว่าเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวได้ 2-3 % ทำให้ปีหน้าขยายตัวได้ต่ำกว่าประมาณการของ ธปท. เพราะฐานการขยายตัวปีนี้ของสศค.สูงกว่า
นายสมชัย กล่าวถึงการปรับโครงสร้างภาษีของประเทศ ว่า ขณะนี้ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างพิจารณาเสนอให้ คสช. เห็นชอบ โดยหลักของการปรับโครงสร้างภาษี คือ การพึ่งภาษีที่มาจากฐานการบริโภคและทรัพย์สินมากขึ้น
ด้านนางพิทยา วรปัญญาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือเคทีซี กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจอยู่ในภาวะซบเซา แต่การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตภาพรวมทั้งประเทศไทย 19 ล้านบัตร ยังคงเติบโตต่อเนื่อง แต่เป็นการเติบโตในอัตราที่ลดลง แต่เชื่อว่าผลจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะช่วยให้ประชาชนที่มีกำลังซื้ออยู่แล้วใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการต้องติดตามแนวโน้มพฤติกรรมของลูกค้า ซึ่งขณะนี้การซื้อสินค้าแบบออนไลน์เริ่มมีมากขึ้น สำหรับ การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในภาพรวมตลอดปีนี้ จะเพิ่ม 12 % จากปีที่ผ่านมา ที่มียอดการใช้จ่ายรวม 1.2 ล้านล้านบาท
สำหรับ บัตรเคทีซี ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤษภาคม ปี 2557 มียอดใช้จ่ายรวม 51,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา มีฐานสมาชิกบัตรรวม 1.6 ล้านบัตร มียอดเฉลี่ยใช้จ่ายต่อบัตร 6,500 บาท หรือสูงขึ้น 3% เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคมปี 2556 ซึ่งบริษัทคาดว่าจากการจัดแคมเปญคืนความสุขให้สมาชิกตลอดปีนี้ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรจะขยายตัวถึง15 % สมาชิกบัตรใหม่อีก 400,000 ราย
ขณะที่รายงานข่าว จากกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่าจากการที่ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้มีมติให้ลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หน้าสถานีบริการน้ำมันลง 14 สต.ต่อลิตร จากราคาปกติที่ 29.99 บาทต่อลิตร ทำให้ราคาขายปลีกใหม่จะอยู่ที่ 29.85 บาทต่อลิตร โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2557 เป็นต้นไป กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่า การปรับลดราคาน้ำมันดีเซลลง จะช่วยลดแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อในช่วงที่เหลือของปีนี้ พร้อมกันนี้ ยังส่งผลให้ต้นทุนภาคการผลิตลดลง โดยเฉพาะภาคการขนส่ง และภาคการเกษตร ซึ่งมีการใช้น้ำมันดีเซลในสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง
ศูนย์ดัชนีและพยากรณ์เศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ วิเคราะห์ว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือนพฤษภาคม 2557 สูงขึ้นที่ 2.62 % เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการเพิ่มสูงขึ้นของราคาอาหารสำเร็จรูป ประกอบกับราคาพลังงาน เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซหุงต้ม (LPG) ที่มีการทยอยปรับราคาสูงขึ้นมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2556 รวมถึงค่ากระแสไฟฟ้าที่ปรับราคาสูงตามค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) ทำให้แรงกดดันเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น การลดราคาน้ำมันดีเซลจะช่วยลดแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ โดยการลดราคาน้ำมันดีเซลลง 14 สต.ต่อลิตร จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในช่วงที่เหลือของปีนี้ปรับตัวลดลง 0.01 %
ทั้งนี้ ศูนย์ดัชนีฯ ยังคงคาดว่าทั้งปี 2557 อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในกรอบที่ 2.00-2.80 % ตามที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้