- Details
- Category: คลัง
- Published: Tuesday, 19 May 2015 09:23
- Hits: 3436
คลัง เผยยอดจัดเก็บรายได้รัฐบาล ช่วง 7 เดือนแรกปีงบ 58 อยู่ที่ 1.14 ล้านลบ. สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 6.2%
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า “ในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558 (ตุลาคม 2557 – เมษายน 2558) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1,143,407 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 15,577 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.4 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 6.2) เนื่องจากการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิต และหน่วยงานอื่นสูงกว่าประมาณการ 25,055 14,771 และ 14,562 ล้านบาท ขณะที่การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรและกรมศุลกากรต่ำกว่าเป้าหมาย 47,713 และ 2,988 ล้านบาท สำหรับภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการที่สำคัญ คือ ภาษีน้ำมัน
ในขณะเดียวกัน ภาษีที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นผลจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงเป็นสำคัญ ภาษีเงินได้นิติบุคคลได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา และภาษีสรรพสามิตรถยนต์ เพราะกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ อย่างไรก็ดี หากพิจารณาการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มภายในประเทศจะพบว่ามีการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 7.5 สะท้อนว่ากำลังซื้อและการลงทุนในประเทศยังมีการขยายตัวอยู่”
นายกฤษฎาฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ การจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานอื่น และการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558 สูงกว่าประมาณการ”
ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิเดือนเมษายน 2558 และในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558 (ตุลาคม 2557 – เมษายน 2558)
ในเดือนเมษายน 2558 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 168,020 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 15,089 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.9 (สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 23.2) ส่งผลให้ในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558 (ตุลาคม 2557 – เมษายน 2558) รายได้รัฐบาลสุทธิมีจำนวน 1,143,407 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 15,577 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.4 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 6.2)
1. เดือนเมษายน 2558
รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 168,020 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 15,089 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.9 (สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 23.2) เนื่องจากการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจสูงกว่าประมาณการ 15,078 ล้านบาท หรือร้อยละ 82.0 (สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 84.6) โดยธนาคารออมสินเลื่อนการนำส่งรายได้จากเดือนมีนาคม 2558 มาเป็นเดือนเมษายน 2558 จำนวน 10,062 ล้านบาท และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยนำส่งรายได้ให้เร็วขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2558 มาเป็นเดือนเมษายน 2558 จำนวน 8,440 ล้านบาท ประกอบกับการจัดเก็บภาษีน้ำมันสูงกว่าประมาณการ 8,234 ล้านบาท หรือร้อยละ 147.6 (สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 169.6) เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราภาษีน้ำมันดีเซล
อย่างไรก็ดี ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษียาสูบ และภาษีสุราฯ จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 5,852 2,307 และ 1,607 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.8 41.8 และ 25.9 ตามลำดับ โดยภาษีมูลค่าเพิ่มได้รับผลกระทบจากมูลค่าการนำเข้าที่หดตัว เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง สำหรับภาษียาสูบและภาษีสุราฯ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเร่งชำระภาษียาสูบและภาษีสุราฯ ก่อนที่พระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 จะมีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2558
2. ในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558 (ตุลาคม 2557 – เมษายน 2558)
รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1,143,407 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 15,577 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.4 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 6.2) โดยการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ การจัดเก็บภาษีของกรมสรรพสามิต และการจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานอื่นสูงกว่าประมาณการ 25,055 14,771 และ 14,562 ล้านบาท หรือร้อยละ 33.1 5.9 และ 16.8 ตามลำดับ ขณะที่กรมสรรพากรและกรมศุลกากรจัดเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 47,713 และ 2,988 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.4 และ 4.2 ตามลำดับ
ผลการจัดเก็บรายได้ตามหน่วยงานจัดเก็บสรุปได้ ดังนี้
2.1 กรมสรรพากร จัดเก็บรายได้รวม 827,935 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 47,713 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.4 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 1.3) โดยภาษีที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่สำคัญ ได้แก่
- ภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 25,147 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.7 (แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 0.3) ซึ่งเป็นผลจากภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากการนำเข้าจำนวน 165,853 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 29,616 ล้านบาท หรือร้อยละ 15.2 (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 8.8) เนื่องจากมูลค่านำเข้าที่ยังหดตัว ส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา ในขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มจากการบริโภคในประเทศจัดเก็บได้ 251,857 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 4,470 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.8 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 7.5)
- ภาษีเงินได้นิติบุคคลจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 19,677 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.0 (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 2.2) เนื่องจากภาษีที่เก็บจากค่าบริการและการจำหน่ายกำไร (ภ.ง.ด. 54) ภาษีจากกำไรสุทธิรอบครึ่งบัญชีของบริษัทญี่ปุ่น (ภ.ง.ด. 51) และภาษีหัก ณ ที่จ่ายภาคเอกชน (ภ.ง.ด. 53) จัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมายเป็นสำคัญ
- ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 5,467 ล้านบาท หรือร้อยละ 41.4 (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 35.3) เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง ประกอบกับภาษีที่จัดเก็บจากการจำหน่ายกำไรไปต่างประเทศจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย
อย่างไรก็ดี ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย 3,313 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.8 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 9.0) เนื่องจากภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายภาคเอกชนจัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมายเป็นสำคัญ ซึ่งสะท้อนสภาพการจ้างงานที่ยังอยู่ในระดับดี
2.2 กรมสรรพสามิต จัดเก็บรายได้รวม 263,302 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 14,771 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.9 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 10.4) เป็นผลจากภาษีน้ำมันจัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย 27,961 ล้านบาท หรือร้อยละ 72.6 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 82.2) เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราภาษีน้ำมันดีเซลและราคาขายปลีกน้ำมันที่ลดลง ส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำมันเพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ดี ภาษีสรรพสามิตรถยนต์จัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 12,156 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 19.8 (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 18.9) สาเหตุมาจากความต้องการซื้อรถยนต์ที่ยังไม่ฟื้นตัว
2.3 กรมศุลกากร จัดเก็บรายได้รวม 68,512 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 2,988 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.2 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 1.0) โดยเป็นผลจากการจัดเก็บอากรขาเข้าต่ำกว่าเป้าหมายจำนวน 3,447 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.9 เนื่องจากมูลค่าการนำเข้าที่ยังคงหดตัว โดยมูลค่าการนำเข้าในรูปดอลลาร์สหรัฐ และเงินบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558 หดตัวร้อยละ 6.0 และร้อยละ 4.2 ตามลำดับ ทั้งนี้ สินค้าที่จัดเก็บอากรขาเข้าได้สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ยานบกและส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ประกอบ เครื่องจักรและเครื่องใช้กล ของทำด้วยเหล็กหรือเหล็กกล้า และพลาสติก
2.4 รัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้รวม 100,766 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 25,055 ล้านบาท หรือร้อยละ 33.1 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 0.7) เนื่องจากการนำส่งรายได้ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ธนาคารออมสิน บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ที่สูงกว่าประมาณการ
2.5 หน่วยงานอื่น จัดเก็บรายได้รวม 101,025 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 14,562 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.8 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 31.6) สาเหตุสำคัญมาจากการนำส่งเงินสภาพคล่องส่วนเกินของกองทุนหมุนเวียนเป็นรายได้แผ่นดินจำนวน 10,700 ล้านบาท และการส่งคืนเงินกันชดเชยให้แก่ผู้ส่งออกเป็นรายได้แผ่นดินสูงกว่าประมาณการ 5,562 ล้านบาท
สำหรับ กรมธนารักษ์จัดเก็บรายได้รวม 3,895 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 582 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.0 (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 12.3) เนื่องจากการจัดเก็บรายได้จากที่ราชพัสดุต่ำกว่าเป้าหมายเป็นสำคัญ
2.6 การคืนภาษีของกรมสรรพากร จำนวน 161,252 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 8,770 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.2 ประกอบด้วยการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 129,246 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 5,454 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.0 และการคืนภาษีอื่นๆ (ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์) จำนวน 32,006 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 3,316 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.4
2.7 อากรถอนคืนกรมศุลกากร จำนวน 6,513 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 913 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.3
2.8 การจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัด จำนวน 8,718 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 1,344 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.4
2.9 เงินกันชดเชยภาษีสำหรับสินค้าส่งออก จำนวน 8,385 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 864 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.3
2.10 การจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตาม พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจฯ จำนวน 4 งวด เป็นเงิน 33,265 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 1,825 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.2
กรมสรรพากร คาดจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 58 ต่ำเป้า 140,000 ล้านบาท หลังราคาน้ำมันลด เศรษฐกิจชะลอ เตรียมถกเอกชนเสียภาษีให้ถูกต้อง
นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวภายหลังให้นโยบายเจ้าหน้าที่สรรพากรภาคและสรรพกรพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อชี้แจงช่วงเวลาที่เหลือของการจัดเก็บรายได้กรมสรรพากร ว่า ยอมรับปัญหาราคาน้ำมันลดลงต่อเนื่อง ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลง ทำให้กรมสรรพากรประเมินการจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 2558 อาจจะต่ำกว่าประมาณการโดยเฉพาะภาคธุรกิจน้ำมัน อาจทำให้การจัดเก็บรายได้ส่วนนี้หายไปไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท และรายได้จากนิติบุคคลที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจอีกไม่ต่ำกว่า 40,000 ล้านบาท เท่ากับปีงบประมาณ 2558 กรมฯ จะเก็บภาษีต่ำกว่าประมาณการถึง 140,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ได้กำชับเจ้าหน้าที่ทุกส่วนจะต้องเข้มงวดตรวจสอบการเสียภาษีของภาคธุรกิจอย่างเป็นธรรม ต้องอำนวยความสะดวกและดึงภาคธุรกิจที่เห็นว่ายังเสียภาษีไม่ถูกต้องเข้ามาอยู่ในระบบ เช่น กรมฯ กำลังพิจารณาไม่ว่าโรงเรียนกวดวิชาในห้าง และร้านอาหารขนาดใหญ่ที่ให้บริการในห้างสรรพสินค้า รวมถึงร้านอาหารดัง ๆ ที่ได้รับความนิยมในจังหวัดต่าง ๆ และภาคธุรกิจก่อสร้าง เช่น ธุรกิจปูน หิน ทราย และไม้ ซึ่งกรมฯ เห็นว่าธุรกิจเหล่านี้อาจจะมีการลงบัญชีไม่ถูกต้อง จึงต้องให้เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรไปแนะนำและลงบัญชีการเสียภาษี ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะเป็นขยายฐานภาษีแต่ไม่ได้หมายความว่าจะไปตรวจเช็คธุรกิจหล่านี้ย้อนหลัง แต่เพื่อให้การเสียภาษีถูกต้อง
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า วันที่ 26 พฤษภาคมนี้กรมฯ จะประชุมหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และภาคธุรกิจต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนและขอความร่วมมือภาคธุรกิจให้ดำเนินการการจัดทำบัญชีเป็นไปตามระเบียบของกรมสรรพากร และได้กำชับเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรจะต้องทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ควรชี้แจงและรับผลประโยชน์และผลตอบแทนใด ๆ ในการอาศัยความเป็นเจ้าหน้าที่ชี้ช่องให้ภาคธุรกิจหลบเลี่ยงการเสียภาษี ในฐานะผู้บังคับบัญชาไม่อยากจะดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร ซึ่งแนวทางการขยายฐานภาษีของกรมสรรพากรครั้งนี้ เพื่อต้องการให้การเสียภาษีของภาคธุรกิจเป็นไปตามระเบียบข้อกฎหมาย และที่สำคัญจะต้องให้บริการประชาชนด้วยความใจเย็น สุขุม ใช้วาจาสุภาพ เพราะขณะนี้พฤติกรรมของข้าราชการที่ให้บริการประชาชนน่าตาไม่ค่อยยิ้มแย้มจะถูกนำลงสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งจะเป็นผลเสียทั้งระบบ
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย