WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

คลัง เผยเป้าหมาย อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี 58 ที่ร้อยละ 2.5 ± 1.5 ต่อปี ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในการดำเนินนโยบายการเงิน

      นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีในการประชุมคราววันที่ 6 มกราคม 2558 มีมติอนุมัติเป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี 2558 ซึ่งเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงินและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อให้เป็นตามบทบัญญัติในมาตรา 28/8 แห่งพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พุทธศักราช 2485 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551  สรุปได้ ดังนี้

     1. กำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินประจำปี 2558 ไว้ที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี 2558 ที่ร้อยละ 2.5 ± 1.5 ต่อปี

      2. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายการเงินได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันในการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี 2558 โดยข้อตกลงดังกล่าวมีสาระสำคัญ ดังนี้

      (1) เป้าหมายของนโยบายการเงิน เพื่อดำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพด้านราคา ประจำปี 2558 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี 2558 ที่ร้อยละ 2.5 ± 1.5 ต่อปี

     (2) การติดตามความเคลื่อนไหวของเป้าหมายของนโยบายการเงิน

     เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายของนโยบายการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยจะจัดให้มีการหารือร่วมกันเป็นประจำทุกไตรมาสและเมื่อมีเหตุจำเป็นอื่นใดตามที่ ทั้งสองหน่วยงานจะเห็นสมควร

     (3) การเคลื่อนไหวของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานออกนอกเป้าหมาย

     กรณีอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเคลื่อนไหวออกนอกช่วงเป้าหมายตามที่ได้ตกลงร่วมกันไว้ให้คณะกรรมการนโยบายการเงินชี้แจงสาเหตุ แนวทางแก้ไข และระยะเวลาที่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะกลับ     เข้าสู่ช่วงที่กำหนดไว้โดยเร็ว รวมทั้งให้รายงานความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาเป็นระยะตามสมควร

     (4) การแก้ไขเป้าหมายของนโยบายการเงิน

    ในกรณีที่มีเหตุอันสมควรหรือจำเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและคณะกรรมการนโยบายการเงิน อาจตกลงร่วมกันเพื่อแก้ไขเป้าหมายของนโยบายการเงินได้ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา

    ทั้งนี้ การกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี 2558 เป็นการเปลี่ยนแปลงเป้าหมายนโยบายการเงินจากเดิมที่กำหนดไว้ที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยรายไตรมาสที่ร้อยละ 0.5 – 3.0 ต่อปี เป็นอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปีที่ร้อยละ 2.5 ± 1.5 ต่อปี ซึ่งจะทำให้การดำเนินนโยบายการเงินสะท้อนถึงระดับค่าครองชีพที่แท้จริงในชีวิตประจำวันมากขึ้น รวมทั้งเป็นการเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินนโยบายการเงิน ช่วยให้สื่อสารกับสาธารณะถึงอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายได้ชัดเจนมากขึ้น และช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในการดำเนินนโยบายการเงินได้มากขึ้นด้วย

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

รมว.พาณิชย์ เข้มสั่งรื้อโครงสร้างต้นทุนสินค้า -แผนระบายข้าว-แผนส่งออกใหม่หลังน้ำมันลดลง ย้ำเป้าส่งออกปี 58 โต4%

        พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในไปวิเคราะห์โครงสร้างต้นทุนการผลิตสินค้าใหม่ทั้งหมด ภายหลังราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศลดลงลิตรละเกือบ 4 บาท มาอยู่ที่ลิตรละ 26.39 บาท จากนั้นจะเชิญผู้ผลิต และผู้ประกอบการสินค้ามาหารือ เพื่อขอให้ปรับลดราคาสินค้าลง ตามต้นทุนน้ำมันดีเซลที่ลดลง เพราะน้ำมันดีเซลเป็นต้นทุนด้านการขนส่งที่สำคัญ คาดว่า ผู้บริโภคจะได้เห็นราคาสินค้าบางรายการปรับลดลงได้ภายในเดือนม.ค.นี้         

     "ถ้าพบว่าต้นทุนการผลิตลดลงมากเพราะได้รับผลดีจากราคาน้ำมันดีเซลที่ลดลง ก็ต้องให้ปรับลดราคาสินค้าลง แต่ไม่ใช่สินค้าทุกรายการจะลดราคาลงได้ เพราะบางรายการต้นทุนไม่ลดลง หรือไม่ได้ใช้น้ำมันดีเซลในการขนส่ง แต่ใช้ก๊าซแอลพีจีขนส่งก็อาจไม่ได้ลดราคา เพราะก๊าซฯ ไม่ได้ลดราคา" พล.อ.ฉัตรชัย กล่าว

   พร้อมกับได้สั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศจัดทำแผนการระบายข้าวสำหรับปี 58 ใหม่ทั้งหมด เพราะต้องการให้ทำแผนให้ชัดเจนว่าจะระบายข้าวในช่วงใด ด้วยวิธีการใด เพื่อไม่ให้กระทบกับผลผลิต และราคาตลาดในประเทศ โดยให้ตั้งคณะทำงานระบายข้าวขึ้นมาใหม่ ซึ่งได้สั่งให้เพิ่มนักกฎหมาย นักการตลาด และเจ้าหน้าที่พัสดุเข้าไปด้วย เพื่อให้วางแผนการทำงานได้อย่างรัดกุม ไม่ผิดระเบียบราชการ

   อย่างไรก็ตาม ในเดือน ม.ค.นี้ ตนเองมีกำหนดจะเดินทางไปประชาสัมพันธ์ตลาดข้าวไทยที่ฮ่องกง เพื่อทวงส่วนแบ่งตลาดข้าวหอมมะลิไทยคืนมา และลงนามบันทึกความเข้าใจ(เอ็มโอยู) ขายข้าวหอมมะลิให้กับฮ่องกงปริมาณ 100,000 ตัน

    สำหรับ ภาวะการส่งออกสินค้าไทยในปี 58 ได้เร่งรัดให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ทำยุทธศาสตร์การส่งออกไทยปี 58 ใหม่ทั้งหมด เพราะสถานการณ์ต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงมาก ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการส่งออกขอไทย โดยได้กำหนดตลาดเป้าหมายเป็น 4 ระดับคือ ตลาดที่มีเศรษฐกิจดี เช่น สหรัฐฯ ตลาดที่มีเศรษฐกิจระดับรอง เช่น สหภาพยุโรป จีน ตลาดเพื่อนบ้านอาเซียน และตลาดใหม่ที่ไทยยังไม่เคยทำการค้าด้วย อย่างไรก็ตาม ยังคงตั้งเป้าหมายมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยในปี 58 ไว้ที่เพิ่มขึ้น 4% จากปี 57

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!