- Details
- Category: คลัง
- Published: Thursday, 18 December 2014 23:40
- Hits: 2936
คลังเกาะติดปัญหารัสเซียหวั่นฉุดไทยเดี้ยง กนง.ตรึงดอกเบี้ยประคองศก.
แนวหน้า : กนง.มีมติ 5 ต่อ 2 คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 2% เหตุเศรษฐกิจโลกยังเสี่ยงสูง การเบิกจ่ายงบประมาณยังน้อย ลงทุนเอกชนชะลอตัว สินค้าเกษตรตกต่ำ แบงก์ชาติเตรียมประกาศปรับตัวเลขจีดีพีใหม่ในวันที่ 26 ธันวาคมนี้ ด้านคลังเกาะติดปัญหารัสเซีย หวั่นก่อวิกฤติเศรษฐกิจโลก ทำไทยเดือดร้อน
นายเมธี สุภาพงษ์ เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กนง. มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.00% ต่อปี โดย 2 เสียงข้างน้อยเห็นว่าควรลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี
คณะกรรมการให้ความเห็นว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ปี 2557 ขยายตัวใกล้เคียงกับที่คาดโดยการฟื้นตัวยังคงเป็นไปอย่างช้าๆ และมีการใช้จ่ายในประเทศของภาคเอกชนเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก สำหรับปี 2558 เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่อัตราการเติบโตจะต่ำกว่าประมาณการครั้งก่อน เพราะแรงกระตุ้นจากการใช้จ่ายภาคการคลังน้อยกว่าคาด ส่งผลต่อการลงทุนภาคเอกชนที่ส่วนใหญ่ยังรอความชัดเจนของการลงทุนภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม ธปท.จะมีการทบทวนตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจใหม่ในปี 2557-2558 ในวันที่ 26 ธันวาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับลดลงจากประมาณการเดิมเล็กน้อย เนื่องจากเศรษฐกิจในปี 2558 มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่อัตราการเติบโตจะต่ำกว่าประมาณการครั้งก่อน เพราะแรงกระตุ้นจากการใช้จ่ายภาครัฐที่น้อยกว่าคาด ซึ่งส่งผลต่อการลงทุนภาคเอกชนที่ส่วนใหญ่ยังรอความชัดเจนของการลงทุนภาครัฐ ประกอบกับมีปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ
สำหรับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับลดลงตามราคาพลังงาน และคาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่งตามราคาน้ำมันโลก ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับลดลงเล็กน้อยตามแรงกดดันจากด้านอุปสงค์ที่ลดลงจากเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า แต่เสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยความเสี่ยงสะสมจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำมาระยะหนึ่งยังอยู่ในวงจำกัด ส่วนในระยะต่อไป กรรมการเห็นสอดคล้องกันว่านโยบายการเงินควรอยู่ในระดับที่ผ่อนปรน เพื่อช่วยประคองให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้อย่างเข้มแข็งขึ้น
นายเมธีกล่าวว่า ผลจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงนั้น จะกระทบต่อเงินเฟ้อในประเทศให้ปรับลดลง เพราะราคาน้ำมันในประเทศปรับตัวลดลง และมีโอกาสที่เงินเฟ้ออาจจะติดลบได้ในบางช่วง แต่โดยภาพรวมทั้งปียังประมาณการไว้เท่าเดิม นอกจากนี้คงต้องดูผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าอื่นๆ ด้วยว่าจะมีการปรับลดลงหรือไม่อย่างไร ขณะเดียวกันคงต้องดูทิศทางราคาน้ำมันในระยะต่อไปด้วย และเชื่อว่าประเทศไทยยังไม่มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเงินฝืดในช่วง 2 ปีนี้ เพราะเศรษฐกิจโลกในปีหน้าเชื่อว่าจะดีกว่าปีนี้แน่นอน แต่อาจจะมีความเสี่ยงเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในยุโรป และญี่ปุ่นที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
“กรรมการส่วนใหญ่ประเมินว่านโยบายการเงินปัจจุบันยังผ่อนปรนเพียงพอต่อเศรษฐกิจที่คาดว่าจะทยอยฟื้นตัวในปี 2558 และสอดคล้องกับการรักษาเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว อย่างไรก็ดี กรรมการ 2 ท่านเห็นว่าควรผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมเพื่อช่วยเพิ่มแรงสนับสนุนต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนแรงกว่าคาด ในสภาวะที่การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะเผชิญความเสี่ยงมากขึ้นและเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง”นายเมธี กล่าว
ส่วนภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงแรงตลอดทั้งสัปดาห์นั้น นายเมธีกล่าวว่า กนง.ได้หารือในประเด็นเสถียรภาพเศรษฐกิจ โดยยอมรับว่าพบสัญญาณการเก็งกำไรของหลักทรัพย์บางตัวในตลาดหุ้น ซึ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ดูแลอยู่ ขณะเดียวกันการที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ประชาชนออมลดลงและหันไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น และสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น จึงเกิดการเก็งกำไรสูง
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)กล่าวถึง ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจรัสเซียขณะนี้ยังไม่กระทบกับเศรษฐกิจไทยโดยตรง เพราะประเทศไทยมีการส่งออกไปประเทศรัสเซียน้อยมาก แต่มีผลกระทบทางอ้อมทำให้นักท่องเที่ยวรัสเซียที่เข้ามาเที่ยวไทยลดลง ปัจจุบันไทยมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวรัสเซีย 7% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เข้ามาในไทย เนื่องจากนักท่องเที่ยวมีรายได้ลดลง และค่าเงินรูเบิลที่อ่อนค่าลงอย่างมาก ทำให้การเข้ามาเที่ยวเมืองไทยต้องใช้เงินมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สศค. ได้ติดตามภาวะเศรษฐกิจรัสเซียอย่างใกล้ชิดว่า จะเป็นตัวจุดประกายทำให้เกิดปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจโลกรอบใหม่หรือไม่ เพราะรัสเซียก่อหนี้จำนวนมาก เมื่อราคาน้ำมันตกทำให้รายได้ของประเทศลดไปมาก อาจจะมีปัญหาชำระหนี้ได้ ทำให้มีความเสี่ยงถูกลดเครดิตหากผิดชำระหนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนที่เข้าไปลงทุนพันธบัตรของประเทศรัสเซียจำนวนมาก คือ จากสหรัฐ และยุโรป หากเกิดปัญหาผิดชำระหนี้ ก็ทำให้ลุกลามไปทั่วโลกได้ ทำให้เศรษฐกิจไทยที่พึ่งเศรษฐกิจโลก ได้รับผลกระทบเพิ่มในที่สุด
