- Details
- Category: คลัง
- Published: Sunday, 13 February 2022 10:56
- Hits: 15567
จึงได้เข้าปรึกษาและขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่สรรพากรพื้นที่พร้อมเอกสารหลักฐานเพื่อประสงค์ชำระภาษีให้ถูกต้อง ซึ่งหลังจากที่เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรได้ตรวจสอบจากหลักฐานการยื่นของผู้ประกอบการแล้วพบว่า รายได้ของผู้ประกอบการดังกล่าวเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเจ้าหน้าที่สรรพากรพื้นที่ได้ให้คำแนะนำว่า เมื่อมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องมีหน้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และเจ้าหน้าที่ได้คำนวณภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมทั้งให้คำแนะนำว่า เบี้ยปรับภาษีมูลค่าเพิ่มสามารถยื่นคำร้องของดเบี้ยปรับได้ ซึ่งผู้ประกอบการรายดังกล่าวก็ได้ยื่นชำระภาษีพร้อมทั้งได้รับการพิจารณางดเบี้ยปรับทำให้มีการชำระภาษีลดลงกว่าที่ปรากฎในข่าวเรียบร้อยแล้ว
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวย้ำว่า สำหรับ การปฎิบัติตามกฎหมายผู้ประกอบกิจการที่เป็นบุคคลธรรมดาประกอบกิจการแล้วมีรายได้ หากในปี พ.ศ. 2564 มีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดก็มีหน้าที่ต้องนำรายได้มายื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาภายในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2565 ทั้งนี้ การเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นการประเมินตนเองของผู้ประกอบการ
โดยมีหน้าที่นำรายได้จากการประกอบการกิจการยื่นเสียภาษีตามข้อเท็จจริง ส่วนพยานหลักฐานที่จะพิสูจน์การมีรายได้ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงของการประกอบกิจการ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการสามารถนำเอกสารหลักฐานต้นทุนในการประกอบกิจการมาหักค่าใช้จ่ายจากยอดขายเพื่อคำนวณภาษีเงินได้ที่จะต้องชำระ หรือหากไม่มีการเก็บเอกสารหลักฐานต้นทุนก็สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาตามที่กฎหมายกำหนดได้ ซึ่งในบางกรณีก็จะไม่มีภาษีที่ต้องชำระแต่อย่างใด สำหรับผู้ประกอบการมีรายได้จากการขายสินค้าตั้งแต่ 1.8 ล้านบาทต่อปี จะมีภาระหน้าที่ในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามที่กฎหมายกำหนดไว้อีกประการหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ รัฐบาลดำเนินโครงการคนละครึ่งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน และส่งผ่านกำลังซื้อไปสู่ผู้ประกอบการให้มีรายได้เพิ่ม เมื่อผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่มขึ้นแล้วและอยู่ในเกณฑ์เสียภาษีตามกฎหมายก็สามารถไปชำระภาษีได้ ยกตัวอย่างกรณีของผู้ประกอบการร้านค้าที่จังหวัดขอนแก่นรายข้างต้นที่มีเจตนาบริสุทธิ์และประสงค์ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายก็ได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่และได้รับการพิจารณาให้งดเบี้ยปรับด้วย
โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ ฐานข้อมูลโครงการคนละครึ่งไม่ได้มีการเชื่อมต่อระบบกับกรมสรรพากรเพื่อตรวจสอบรายได้แต่อย่างใด
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 08-5842-7102 , 08-5842-7103, 08-5842-7104 ,08-5842-7105
08-5842-7106, 08-5842-7107, 08-5842-7108 , 08-5842-7109 (เวลาทำการ 08.30 – 16.30 น.)
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ [email protected] ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1122 (ตลอด 24 ชั่วโมง)