- Details
- Category: คลัง
- Published: Thursday, 27 January 2022 23:06
- Hits: 17517
ดีเดย์! เปิดบริการแล้ว 'แผนกคดีซื้อขายออนไลน์ในศาลแพ่ง' มุ่งคุ้มครองผู้บริโภค จากพิษซื้อออนไลน์ สินค้าไม่ตรงปก โฆษกศาลยุติธรรม ย้ำฟ้องออนไลน์ได้ 24 ชม. ไม่จำกัดวงเงินมากน้อย เน้นเก็บหลักฐานสั่งซื้อจ่ายเงินส่งศาล พร้อมติดตามความคืบหน้าคดีได้ใน 12 ชม.กรุงไทยร่วมพัฒนาช่องทางยื่นฟ้องผ่าน e-Filing ตามสโลแกน ‘ความยุติธรรมที่เข้าถึงง่าย’
นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า วันนี้ (27 ม.ค.) น.ส.ปิยกุล บุญเพิ่ม ประธานศาลฎีกา ได้เป็นประธานพิธีเปิด ‘แผนกคดีซื้อขายออนไลน์ในศาลแพ่ง’ ซึ่งวันนี้ถือเป็นการเปิดทำการแผนกอย่างเป็นทางการวันแรก โดยมีนายภัฏ วิภูมิรพี อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่ง นายจีระพัฒน์ พันธุ์ทวี เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม และคณะผู้บริหารศาลแพ่งร่วมพิธีเปิดงาน โดยการจัดตั้งแผนกคดีซื้อขายออนไลน์ในศาลแพ่ง เกิดขึ้นจากดำริประธานศาลฎีกา ตามแนวนโยบายการบริหารงานศาลยุติธรรมของประธานศาลฎีกา ปี พ.ศ.2564- พ.ศ.2565 ภายใต้สโลแกน "ความยุติธรรมที่เข้าถึงง่าย" (Easy Access to Justice) ที่ด้านหนึ่งจะมุ่งส่งเสริมการดำเนินคดีเพื่อยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภคให้ครอบคลุมถึงการบริโภควิถีใหม่ เช่น กลุ่มการซื้อขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งถือเป็นของขวัญให้กับผู้บริโภคในปี 2565
ซึ่งปัจจุบันการบริการบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นที่แพร่หลายและขยายตัวอย่างรวดเร็วการซื้อขายออนไลน์จึงเป็นที่นิยมกันอย่างมากเนื่องจากสะดวก รวดเร็ว และยิ่งในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อสินค้าจากปกติจะเดินทางไปห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าต่าง ๆ ก็เปลี่ยนรูปแบบเน้นเป็นการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์แทนทำให้เกิดข้อพิพาทตามมาเป็นจำนวนมากเช่น สั่งซื้อแล้วพบสินค้าชำรุด ได้รับของไม่ตรงปก ไม่เป็นไปตามที่โฆษณา สั่งซื้อแล้วไม่ได้สินค้า หรือถูกหลอกลวง เป็นต้น ซึ่งตามปกติแล้วผู้เสียหายสามารถนำคดีมายื่นฟ้องศาล เพื่อให้มีการชดใช้ได้แต่ในการยื่นฟ้องคดีแพ่งตามหลักจะต้องยื่นฟ้องต่อศาลในภูมิลำเนาของผู้ขายที่จะเป็นจำเลย หรือที่มูลคดีเกิด
ขณะที่การซื้อขายออนไลน์อาจมีกรณีที่ว่าความเสียหายเป็นเงินจำนวนไม่มาก หลักร้อยหลักพันบาท จึงทำให้คดีเหล่านี้มาไม่ถึงศาลเพราะมองว่าจะต้องเสียเวลา ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี อาจไม่คุ้มค่าที่จะไปยื่นฟ้องศาล รวมถึงความยุ่งยากในขั้นตอนการดำเนินคดี แต่เมื่อปัจจุบันข้อพิพาทในการซื้อสินค้าออนไลน์ในสังคมมีมากขึ้นเรื่อยๆ หากปล่อยปัญหานี้ไปก็จะกระทบถึงความน่าเชื่อถือของระบบการซื้อขายออนไลน์ในประเทศ และผู้บริโภคที่ซื้อของทางออนไลน์มีโอกาสที่จะถูกหลอกโดยที่ไม่ได้รับการเยียวยา ขณะที่ผู้ขายซึ่งก่อให้เกิดปัญหาจะยังคงไปสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้บริโภครายอื่นได้อีก
ศาลยุติธรรมจึงได้ดำเนินการการจัดตั้งแผนกคดีซื้อขายออนไลน์ในศาลแพ่ง โดยให้ใช้ระบบศาลอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบในทุกขั้นตอนของกระบวนการพิจารณา เพื่อให้ผู้บริโภคที่คิดว่าจะใช้สิทธิทางศาลฟ้องคดีได้รับความสะดวก ตามสโลแกนความยุติธรรมที่เข้าถึงง่าย ซึ่งคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) ได้มีประกาศรองรับการจัดตั้งแผนกคดีซื้อขายออนไลน์ในศาลแพ่ง ซึ่งได้เผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษามีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.64
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ธนาคารกรุงไทยในฐานะธนาคารพาณิชย์ของรัฐพร้อมนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาสนับสนุนและขับเคลื่อนนโยบายของภาครัฐ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการของหน่วยงานภาครัฐได้โดยง่ายตามยุทธศาสตร์ X2G2X โดยธนาคารร่วมกับสำนักงานศาลยุติธรรม พัฒนาระบบการยื่นคำฟ้องอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) เพื่อเพิ่มช่องทางในการยื่นคำฟ้องและเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้สะดวกมากขึ้น ตามนโยบายของประธานศาลฎีกา
เพื่อยกระดับการให้บริการแก่ประชาชนได้ครอบคลุมและรวดเร็วขึ้น ตอบโจทย์สำนักงานศาลยุติธรรม ในการต่อยอดระบบ e-Filing ในการยื่นคำฟ้องคดีผู้บริโภคประเภทซื้อขายออนไลน์ รองรับการยื่นคำฟ้องจากผู้เสียหายทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในการให้บริการประชาชนสามารถยื่นคำร้องผ่านเว็บไซต์ด้วยตนเองไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ต้องมีทนายความและไม่ต้องมาศาล
โฆษกศาลยุติธรรม ได้กล่าวเพิ่มเติมว่าสำหรับขั้นตอนการยื่นฟ้องคดีซื้อขายออนไลน์ ดำเนินการได้ดังนี้
1) เข้าไปที่เว็บไซต์ https://efiling3.coj.go.th/eFiling หรือเข้าไปที่เว็บไซต์ของศาลแพ่ง เริ่มสร้างบัญชีผู้ใช้งาน โดยเลือกประเภทผู้ใช้งานสำหรับประชาชน ลงทะเบียนผู้ใช้งานในระบบ (สำหรับผู้ใช้งานใหม่)
2) หลังจากลงทะเบียนแล้ว ล็อกอิน (Log in) เข้าสู่ระบบยืนยันเงื่อนไขการใช้งาน และเลือกเมนูคดีซื้อขายออนไลน์ พร้อมกรอกรายละเอียดคำฟ้อง ประกอบด้วยข้อมูลโจทก์ จำเลย ข้อมูลคำฟ้อง พร้อมแนบเอกสารหรือหลักฐานการซื้อขายสินค้านั้นๆ มูลเหตุที่เรียกร้อง ข้อมูลความเสียหาย ราคา และสามารถระบุพยานได้ เป็นต้น เมื่อผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายกรอกรายละเอียดและยื่นคำฟ้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว ระบบส่งจะคำฟ้องไปถึงเจ้าพนักงานคดีในศาลแพ่งเพื่อทำการตรวจสอบว่า การฟ้อง ข้อเท็จจริงนั้นครบถ้วนหรือไม่ หากคำฟ้องตรงตามเงื่อนไขการพิจารณาคดีซื้อขายออนไลน์และข้อมูลถูกต้องครบถ้วนเจ้าพนักงานคดีจะเสนอคำฟ้องเพื่อให้ศาลรับคำฟ้อง และส่งหมายเรียกแก่จำเลยทางอีเมล เมื่ออีเมลถูกส่งไปยังกล่องข้อความ (Inbox) ของอีเมลจำเลยแล้ว จะถือว่าจำเลยได้รับหมายเรียก หรือส่งไปยังทาง SMS หรือช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ อื่นๆ
3) เมื่อเข้าสู่กระบวนการของศาลแล้ว ศาลจะดำเนินการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ วันพิจารณาคดี การสืบพยาน และการไกล่เกลี่ยจะดำเนินการผ่านระบบออนไลน์ ส่วนกรณีไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จจำเลยมีสิทธิยื่นคำให้การผ่านระบบออนไลน์และดำเนินการต่อสู้คดีในลำดับต่อไป
โดยคดีซื้อขายออนไลน์ จะสามารถยื่นฟ้องคดีได้ 24 ชั่วโมง เรียกว่ายื่นฟ้องได้ทุกวัน ตลอดเวลา ซึ่งคดีจะต้องเป็นการยื่นฟ้องรูปแบบออนไลน์เท่านั้น ขณะที่การฟ้องคดีทางออนไลน์หากฟ้องหลังเวลา 16.30 น. หรือในวันเสาร์-อาทิตย์ ก็จะนับวันทำการถัดไปให้ถือเป็นวันฟ้อง ตรงนี้แม้ดูเหมือนจะเป็นข้อจำกัดอยู่บ้าง แต่ระบบออนไลน์นั้นก็ช่วยอำนวยความสะดวกที่ไม่ต้องห่วงเรื่องการเดินทางมาศาลให้ทันเวลาทำการ
โดยการยื่นฟ้องสามารถทำที่ไหนก็ได้ ขั้นตอนการยื่นฟ้องของแผนกคดีซื้อขายออนไลน์ในศาลแพ่ง ใช้ระบบศาลอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบในทุกขั้นตอน มีขั้นตอนที่สะดวก รวดเร็ว และง่ายต่อผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหาย ไม่ต้องเดินทางมาศาลไม่ต้องนำกระดาษมายื่นฟ้องศาลเหมือนคดีปกติได้ อีกทั้งผู้เสียหายสามารถติดตามความคืบหน้าได้ใน 12 ชั่วโมง นับแต่ยื่นเรื่องเข้ามา ซึ่งถือว่ารวดเร็วมากในการพิจารณาคดีขณะนี้
“คดีซื้อขายออนไลน์หลายคนกังวลเรื่องทุนทรัพย์น้อยเจ้าหน้าที่จะรับเรื่องหรือไม่ ทั้งนี้คดีทั่วไปที่โจทก์ยื่นฟ้องก็ไม่เคยมีศาลไหนมีคำสั่งห้ามมาฟ้อง ดังนั้นจะซื้อสินค้าราคาหลักสิบ หรือหลักร้อย ผู้บริโภคสามารถฟ้องได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับตัวโจทก์เองที่จะตัดสินใจจะมาฟ้องหรือไม่ ศาลจะไม่จำกัดว่าเป็นสินค้าชนิดใด และราคาเท่าไร มีเงื่อนไขแต่เพียงว่าสินค้าที่ซื้อขายนั้นจะต้องเป็นช่องทางออนไลน์แค่นั้น การฟ้องคดีซื้อขายออนไลน์ผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายหากต้องการยื่นฟ้อง ควรพยายามให้ข้อมูลที่เกี่ยวกับผู้ขายและธุรกรรมให้มากที่สุดเท่าที่จะหาได้ และเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีและการบังคับ
ดังนั้น เมื่อสั่งซื้อสินค้า อย่าลืมรวบรวมหลักฐานต่างๆ เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับตัวผู้ขาย หลักฐานการสั่งซื้อสินค้า และหลักฐานการชำระเงินจากผู้ขาย รวมถึงหลักฐานเช่นวิดีโอที่ถ่ายขณะเปิดกล่อง นอกจากนี้ ศาลยุติธรรมยังได้ประสานความร่วมมือกับองค์กรภาคีต่างๆ เพื่อสนับสนุนการให้ข้อมูลที่จำเป็นในการดำเนินคดี อันเป็นการอำนวยความสะดวกและลดภาระให้แก่ผู้บริโภค เป็นความยุติธรรมที่เข้าถึงง่าย ศาลเราพร้อมเป็นที่พึ่งประชาชนอย่างแท้จริงทุกด้าน และเป็นความยุติธรรมที่ให้ประชาชนเข้าถึงง่ายสอดรับกับวิถีชีวิตรูปแบบใหม่ของประชาชน” โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวย้ำ
สำนักงานสลากฯ แถลงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาตามโรดแมป
. ที่ ห้องประชุมอเนกประสงค์ ชั้น 3 สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จ.นนทบุรี นายลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล พร้อมด้วยนายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล และ พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ร่วมกันแถลงต่อผู้สื่อข่าว ถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคา ตามมาตรการต่างๆ ที่กำหนดไว้ในโรดแมปที่ได้แถลงไปก่อนหน้านี้
นายลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวในภาพรวมของความคืบหน้าการดำเนินมาตรการต่างๆ ว่า ทั้ง 3 มาตรการ ได้รับความสนใจจากผู้จำหน่ายสลากเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้ตัวแทนจำหน่ายสลากฯ สมัครเข้าร่วมโครงการ "สลาก 80 " ระยะที่ 2 ซึ่งกำหนดไว้ 1,000 จุด รวมทั้งการเปิดให้ผู้ขายสลาก ลงทะเบียนเป็นผู้ซื้อจองล่วงหน้าฯ ทั้งรายเดิมและรายใหม่ ที่มีผู้ลงทะเบียนจนถึงขณะนี้ กว่า 870,000 ราย ตลอดจนแนวทางการจำหน่ายสลากผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
ซึ่งวันนี้ คณะกรรมการสลากได้ให้ความเห็นชอบในหลักการและวิธีดำเนินการของมาตรการต่างๆ เพื่อให้สำนักงานฯ สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และสามารถแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาและปัญหาสลากรวมชุดได้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาสลากเกินราคา และการจำหน่ายสลากรวมชุดนั้น เกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นที่ตัวผลิตภัณฑ์สลากเอง ที่เป็นสินค้าเปลี่ยนมือได้ รวมถึงปัญหาที่เกิดจากการนำสลากไปรวมชุดเพื่อขายต่อ จะต้องใช้หลายมาตรการเพื่อให้เกิดความครอบคลุมและต่อเนื่อง
นอกเหนือจากการจัดคละสลากแบบ 2-1-1-1 ซึ่งสำนักงานฯ ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันทำให้การนำสลากไปรวมชุด ทำได้ยากขึ้น ประกอบกับมาตรการตรวจสอบการจำหน่ายสลากของตัวแทนจำหน่ายและผู้ซื้อจองล่วงหน้าอย่างเข้มข้น และเพิ่มการตรวจสอบกระบวนการเบิกสลาก ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานฯ กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด โดยล่าสุดเพื่อเป็นการขยายผลจากการลงพื้นที่ที่จังหวัดเลย จึงได้มอบหมายให้ สำนักงานฯ เร่งจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างสำนักงานฯ และหน่วยงานตรวจสอบ ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในการป้องปรามผู้จำหน่ายสลากรวมชุดในราคาสูงกว่าราคาที่กำหนดไว้
นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า มีตัวแทนจำหน่ายสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ“สลาก 80” จำนวน 4,790 ราย ในจำนวนดังกล่าว มีจังหวัดที่ผู้สมัครครบทุกอำเภอ 15 จังหวัดจาก 77 จังหวัด(691 อำเภอ/เขต จากทั่วประเทศ 928 อำเภอ/เขต ยังขาดอีก 237 เขต)ซึ่งโครงการนี้ เป็นโครงการที่เปิดให้ตัวแทนจำหน่าย ซึ่งรับสลากไปจำหน่ายอยู่เดิมรายละ 5 เล่ม รับสลากไปจำหน่ายเพิ่มอีกรายละ 20 เล่ม รวมเป็น 25 เล่ม ในจุดที่กำหนด 1,000 จุด ทั่วประเทศ ปัจจุบันสำนักงานฯ มีจุดจำหน่ายสลากตามโครงการ ‘สลาก 80’ ทั้งหมด 78 จุดกระจายอยู่ในพื้นที่นำร่อง คือ กรุงเทพมหานคร และจังหวัดนนทบุรี
ในส่วนของการเปิดให้ลงทะเบียนผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าฯ ซึ่งเปิดให้ลงทะเบียนได้ถึงวันที่ 31 มกราคม 2565 ขณะนี้ มีผู้ลงทะเบียนมาแล้ว จำนวน 878,454 ราย ซึ่งในวันนี้ คณะกรรมการสลากฯ ได้ให้ความเห็นชอบขั้นตอนและวิธีการคัดเลือกผู้ลงทะเบียนรายใหม่ และวิธีการตรวจสอบผู้ลงทะเบียนรายเดิมที่มีการยืนยันตัวตนเข้ามาว่าเป็นผู้ขายสลากในราคา 80 บาท ซึ่งสำนักงานฯ จะเริ่มดำเนินการทันที ภายหลังจากปิดลงทะเบียน
สำหรับการจัดทำระบบจำหน่ายสลากผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือแพลตฟอร์มออนไลน์นั้นเนื่องจากเป็นการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ภายใต้ชื่อ “แพลตฟอร์มจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล (Digital Lottery)” โดยยังคงเป็นการจำหน่ายสลากที่สำนักงานสลากฯ เป็นผู้ออก มีการกำหนดประเภทและรูปแบบเหมือนเดิมทุกประการ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เป็นเพียงแต่การเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น และสำนักงานฯ มีความพร้อมที่จะเริ่มดำเนินการ คณะกรรมการสลากฯ จึงได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้ดำเนินการได้ และให้มีหนังสือหารือไปสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ต่อไป
ในส่วนของขั้นตอนและกระบวนการดำเนินการที่เกี่ยวข้องนั้น พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสลากฯ แล้ว สำนักงานจะต้องออกประกาศหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือกตัวแทนจำหน่ายตามโครงการ “สลาก80” และเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามประกาศ โดยในการพิจารณาคัดเลือก จะยึดตามคุณสมบัติที่ประกาศรับสมัคร คาดว่าจะสามารถประกาศผลการคัดเลือกได้ในเร็วๆ นี้ และสามารถเริ่มจำหน่ายสลาก 1,000 จุด ทั่วประเทศตามโครงการได้ ในงวดวันที่ 2 พฤษภาคม 2565
สำหรับ การลงทะเบียนผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งขณะนี้มีผู้สนใจลงทะเบียนจำนวนมากนั้น สำนักงานฯ ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือกแล้ว สำหรับผู้ลงทะเบียนที่เป็นรายใหม่ จะพิจารณาจากประกาศรับสมัครที่กำหนดคุณสมบัติไว้ ส่วนผู้ลงทะเบียนที่เป็นรายเดิม ที่ลงทะเบียนไว้เมื่อปี 2558 นั้น ถือว่าเป็นการยืนยันตัวตนว่ายังมีความประสงค์จะลงทะเบียนเพื่อทำรายการต่อ ดังนั้น จึงต้องมีการตรวจสอบว่า เป็นผู้ขายสลากราคา 80 บาท ซึ่งสำนักงานฯ ได้กำหนดขั้นตอนและวิธีการตรวจสอบ เบื้องต้นผู้ลงทะเบียนรายเดิมที่ยืนยันตัวตนเข้ามา จะได้รับ QR code จากสำนักงานฯ
โดยให้ผู้ซื้อสลากสแกนผ่านแอปพลิเคชันไลน์ บัญชีทางการของสำนักงานสลากฯ (Glo Lottery) เพื่อรับรองว่าซื้อสลากได้ในราคา 80 บาท ซึ่งข้อมูลการซื้อขายดังกล่าว จะเข้ามาสู่ระบบของสำนักงานฯ เพื่อทำการตรวจสอบ นอกจากการรับรองการจำหน่ายสลากราคา 80 บาท โดยผู้ซื้อแล้ว สำนักงานฯ จะดำเนินการตรวจสอบการจำหน่ายของผู้ขายผ่านระบบแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ และ ‘ถุงเงิน’ และจะมีการลงพื้นที่สำรวจและจัดทำสำมะโนการจำหน่ายสลากของผู้ลงทะเบียนที่ยืนยันตัวตนด้วย
ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวต่อไปอีกว่า ในส่วนของแพลตฟอร์มออนไลน์นั้นได้มีการจัดเตรียมระบบสำหรับการจำหน่ายเรียบร้อยแล้ว ภายใต้แนวทางในการดำเนินงานที่คำนึงถึงความโปร่งใส ไม่สามารถทำการปลอมแปลงสลากดิจิทัลได้ สามารถตรวจสอบการเปลี่ยนมือเจ้าของสลากได้รวมถึงต่อยอดการตรวจสอบและควบคุมราคาขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจแล้ว สามารถเริ่มดำเนินการเชื่อมต่อระบบได้ทันที