- Details
- Category: คลัง
- Published: Tuesday, 04 November 2014 22:36
- Hits: 2669
รมว.คลัง คาด มาตรการกระตุ้นศก. ระยะ 2 ชัดเจนปลายเดือนนี้
นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่สองนั้น ขณะนี้รัฐบาล ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณามาตรการ กระทรวงการคลังจะสามารถเปิดเผยได้สิ้นเดือนพฤศจิกายนไปแล้ว โดยคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะนำมาใช้ภายในเดือนธันวาคมนี้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ รัฐบาลจะต้องเร่งลงทุนเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ โดยอาจทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัด ขาดดุลเล็กน้อย แต่จะไม่เป็นอันตรายต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ
ล่าสุด ภายหลังการประชุมร่วมกันกับประธานสภาธุรกิจสหรัฐ-อาเซียน พร้อมผู้แทนสมาชิกบริษัทชั้นนำของสหรัฐ นายสมหมาย กล่าวด้วยว่า การเร่งลงทุนของภาครัฐ อาจทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศ ติดลบบ้าง จากปัจจุบันที่เป็นบวก 2.2%ของ GDP ณ เดือนตุลาคมนี้ ก็ตาม แต่การติดลบในระดับที่ไม่มากจนเกินไป จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทยที่ไม่ได้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ที่รองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เป็นระยะเวลานานมาแล้ว
ดังนั้น จังหวะนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่รัฐบาล จะขยายการลงทุน เพราะอัตราดอกเบี้ยก็ต่ำ ฐานะการคลังของรัฐบาลอยู่ในฐานะที่ดี สามารถใช้มาตรการการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจโดยไม่กระทบต่อเสถียรภาพทางการคลัง
"ตนมีความรู้สึกหลังการหารือในครั้งนี้ว่า ประเทศไทยได้รับความเชื่อถือ จากนักลงทุนต่างชาติ และถือเป็นแหล่งลงทุนที่ดีที่สุดในอาเซียน แต่ทั้งนี้ เราเองก็จำเป็นต้องปรับปรุงตัวเราเอง เพื่อรองรับการลงทุนจากต่างชาติด้วย โดยเฉพาะเรื่อง Good governance หรือธรรมาภิบาลและปราบคอรัปชั่น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน และให้ไทย เป็นแหล่งการลงทุน ตนรู้สึกว่า นักลงทุนที่มากันในวันนี้ ต้องการทำธุรกิจกับเรา คนที่ทำธุรกิจกับเราแล้วก็ต้องการขยายการลงทุน”
นายสมหมาย กล่าวว่า การที่ประเทศไทย ยังคงใช้กฎอัยการศึกอยู่นั้น ไม่มีผลต่อการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ จะมีผลเฉพาะกับบริษัทประกันที่ยังไม่รับทำประกันให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย และขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการปฏิรูปกฎหมายภาษี ทั้งภาษีกรมศุลกากรและกรมสรรพสามิต รวมถึงกรมสรรพากร และกฎหมายร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) ยังต้องหารือเพิ่มเติมที่จะเอื้ออำนวยและขจัดปัญหาปลีกย่อยที่ยังเป็นอุปสรรคต่อนักลงทุน เพื่อผลักดันการลงทุน ที่จะสนับสนุนให้ไทยเป็นฮัพในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ยา โดยมีภาคธุรกิจที่เข้ามาหารือครั้งนี้ เช่น ธุรกิจยา พลังงาน เครื่องดื่ม บริษัทประกัน อิเล็กทรนิกส์ โทรศัพท์มือถือ(ไอโฟน) และการท่องเที่ยว อย่างไรก็ดีหากแนวทางที่กล่าวมา เริ่มมีความชัดเจน นักลงทุนจะเชื่อมั่นและเม็ดเงินลงทุนจะเข้ามาเอง
นอกจากนี้ ขณะที่ช่วงเช้าที่นักลงทุนกลุ่มนี้ยังได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี ซึ่งทางนายกรัฐมนตรี ก็ได้ขอความเห็นใจจากนักลงทุนที่ประเทศไทย ยังคงใช้กฎอัยการศึกว่า ยังมีความจำเป็นเพื่อรักษาความสงบภายในประเทศ ซึ่งนักลงทุนก็เข้าใจดี
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย