- Details
- Category: คลัง
- Published: Monday, 12 October 2020 21:23
- Hits: 4453
มาตรการ 'ช้อปดีมีคืน'เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และสนับสนุนผู้ประกอบการ รวมถึงการส่งเสริมการผลิตสินค้าท้องถิ่นที่เป็นเศรษฐกิจระดับฐานราก
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงมาตรการ 'ช้อปดีมีคืน' ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2563 ว่า มาตรการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และสนับสนุนผู้ประกอบการ รวมถึงการส่งเสริมการผลิตสินค้าท้องถิ่นที่เป็นเศรษฐกิจระดับฐานราก และส่งเสริมการอ่านอันเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- สาระสำคัญของมาตรการ
กำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการเท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการสำหรับการซื้อสินค้าหรือการรับบริการในประเทศที่จ่ายให้กับผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงค่าซื้อหนังสือและค่าบริการหนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และค่าสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2563 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 โดยไม่รวมถึง 1) ค่าสุรา เบียร์ และไวน์ 2) ค่ายาสูบ 3) ค่าน้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ 4) ค่ารถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ 5) ค่าหนังสือพิมพ์และนิตยสารและค่าบริการหนังสือพิมพ์และนิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต 6) ค่าบริการจัดนำเที่ยว และ 7) ค่าที่พักในโรงแรม ทั้งนี้ ผู้มีเงินได้ต้องไม่ได้รับสิทธิ์ตามโครงการคนละครึ่งหรือโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
กระตุ้นให้เกิดการบริโภคภายในประเทศในช่วงปลายปี 2563 ซึ่งคาดว่าจะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นมูลค่าประมาณ 111,000 ล้านบาท และจะส่งผลให้ GDP เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.30 ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งจะเป็นการขยายฐานภาษีและส่งผลดีต่อการจัดเก็บรายได้ภาษีของรัฐในระยะยาว
รองโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการดังกล่าวเป็นหนึ่งในมาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งประกอบด้วย 3 โครงการ/มาตรการ ได้แก่ ‘โครงการคนละครึ่ง’ จะช่วยเหลือดูแลพ่อค้าแม่ค้าขนาดเล็กที่ประกอบกิจการขายสินค้าหาบเร่แผงลอยที่เป็นบุคคลธรรมดา ‘โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ จะช่วยเหลือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยการเพิ่มวงเงินพิเศษ สำหรับซื้อสินค้าบริโภคอุปโภคที่จำเป็น 500 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน และ ‘มาตรการช้อปดีมีคืน’ จะช่วยเหลือผู้ประกอบการ รวมถึงการส่งเสริมการผลิตสินค้าท้องถิ่นและส่งเสริมการอ่าน ทั้งนี้ โครงการ/มาตรการดังกล่าวจะครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายกว่า 28 ล้านคน โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 192,000 ล้านบาท ส่งผลให้ GDP เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.54
ชี้แจงประเด็น : ข้อวิจารณ์โครงการช้อปดีมีคืน โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง
สาระสำคัญ : ชี้แจงประเด็นเกี่ยวกับข้อวิจารณ์โครงการช้อปดีมีคืน
- นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) แสดงความเห็นต่อ “โครงการช้อปดีมีคืน” ว่าเป็นการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจไม่ตรงจุดและขณะนี้ประชาชนไม่มีความสามารถในการใช้จ่ายเพื่อเอาภาษีคืน ดังนั้นผลประโยชน์จึงตกอยู่กับกลุ่มผู้มีรายได้สูง ซึ่งทำให้เห็นภาพความเหลื่อมล้ำชัดเจนมากขึ้น เพราะกลุ่มคนที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการฯ ต้องมีรายได้ 300,000 ขึ้นไป
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าโครงการดังกล่าว ผู้ได้รับประโยชน์ส่วนใหญ่ น่าจะเป็นผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่อยู่ในระบบภาษี ส่วนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) อาจไม่ได้รับประโยชน์โดยตรงเท่าใด
ข้อเท็จจริง :
กระทรวงการคลัง ขอชี้แจงว่า มาตรการ 'ช้อปดีมีคืน'เป็น 1 ใน 3 มาตรการเพื่อรักษาระดับการบริโภคในประเทศ นอกเหนือจาก โครงการคนละครึ่งและโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ของกระทรวงการคลัง ซึ่งทั้ง 3 มาตรการจะครอบคลุมประชาชนทุกภาคส่วนกว่า 28 ล้านคน และคาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 192,000 ล้านบาท และคาดว่า GDP เพิ่มขึ้นประมาณ ร้อยละ 0.54
- • มาตรการ'ช้อปดีมีคืน' มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการบริโภค ในประเทศ โดยสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี และประชาชนผู้ที่มีภาระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รวมถึงการส่งเสริมการผลิตสินค้าท้องถิ่น ซึ่งเป็นเศรษฐกิจระดับฐานราก และส่งเสริมการอ่าน อันเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้
- • มาตรการ 'ช้อปดีมีคืน'เน้นการสนับสนุนผู้ประกอบการ ที่อยู่ในระบบภาษี ไม่มีข้อกำหนดใดๆ ในเรื่องขนาด ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มทุกรายล้วนแล้วอยู่ในข่ายที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการทั้งสิ้น
- • “โครงการคนละครึ่ง”ซึ่งเป็นอีกโครงการภายใต้ความรับผิดชอบของกระทรวงการคลังที่จะดูแลช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าขนาดเล็กที่ประกอบกิจการขายสินค้าหาบเร่แผงลอยที่เป็นบุคคลธรรมดา ซึ่งขณะนี้มีร้านค้าเข้าร่วมโครงการกว่า 226,161 ร้าน (ข้อมูล ณ วันที่ 10 ตุลาคม 2563)
- • “โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 14 ล้านคน โดยการเพิ่มวงเงินพิเศษสำหรับซื้อสินค้าบริโภคอุปโภคสำหรับซื้อสินค้าบริโภคอุปโภคที่จำเป็น 500 บาท/คน/เดือน 3 เดือน (ต.ค. - ธ.ค. 63) ซึ่งกระทรวงการคลังได้ทำการโอนเงินงวดแรกแล้วเมื่อวัน 8 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา
- • กระทรวงการคลังดูแลประชาชนทุกคนให้โดยความสำคัญแก่ทุกภาคส่วนอย่างเท่าเทียมกัน กระทรวงการคลังจะมีการติดตามทุกมาตรการ/โครงการอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะกำหนดมาตรการที่เหมาะสมเพื่อดูแลเศรษฐกิจไทยอย่างทันท่วงทีเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ ขอให้ติดตามรายละเอียดมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ภายหลังผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ