- Details
- Category: คลัง
- Published: Friday, 17 October 2014 23:58
- Hits: 3133
ขุนคลังแนะ 2 กฎเหล็กสู้คอรัปชั่น
บ้านเมือง : นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง กล่าวในงานสัมมนา ‘บทบาทความร่วมมือภาครัฐ-เอกชนในการต่อสู้คอรัปชั่น’ โดยระบุว่า ปัญหาคอรัปชั่นในประเทศไทยไม่ถือว่าเป็นมะเร็งร้าย แต่เปรียบเหมือนเป็นโรคเบาหวานขั้นร้ายแรงที่สร้างความทรมาน และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อเศรษฐกิจของประเทศ ส่งผลให้การดำเนินโครงการต่างๆ เป็นไปด้วยความล่าช้า และสร้างผลกระทบมาถึงประชาชน
โดยการแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่นเป็นเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก และหยิบยกไว้เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญของแนวนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้รัฐมนตรีทุกกระทรวงต้องรับไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติด้วยการทำเป็น Action Plan เพื่อวางแนวทางและมาตรการในการป้องกันและปราบปรามไม่ให้เกิดปัญหาทุจริตคอรัปชั่น
รมว.คลัง ได้เสนอแนะแนวทางที่สำคัญ 2 ประการ เพื่อช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว คือ 1.จะต้องมีการปรับปรุงกระบวนการ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเรื่องทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งเห็นว่าจะต้องมีการยกเครื่องใหม่ เพราะมองว่าองค์กรจะเป็นตัวสำคัญในการร่วมมือกับภาคเอกชน เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในเรื่องนี้ได้ และ 2.จะต้องมีการปรับปรุงระเบียบ และกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างธรรมาภิบาล เพื่อปิดโอกาสไม่ให้นักการเมืองเข้ามาใช้อำนาจในทางที่มิชอบ
พร้อมเห็นว่า ในเรื่องการตรวจสอบและกำกับดูแลหน่วยงานรัฐวิสาหกิจโดยอำนาจของซูเปอร์บอร์ดที่เพิ่งตั้งขึ้นมาโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นั้น ในอนาคตควรจะต้องมีการออกกฎหมายมากำกับดูแล เพื่อรองรับอำนาจของซูเปอร์บอร์ดให้มีความยั่งยืน ไม่ใช่พอเปลี่ยนรัฐบาลใหม่แล้วก็จะถูกยกเลิกไป โดยคาดว่าภายในเวลา 1 ปีน่าจะมีการยกร่างกฎหมายดังกล่าวได้ทัน
นายสมหมาย ยอมรับด้วยว่า ภายในกระทรวงการคลังเองก็มีเรื่องทุจริต คอรัปชั่นเกิดขึ้นเป็นรายวัน โดยเฉพาะในกรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษี ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังมีแผนที่จะเปิดโทรศัพท์สายด่วน (Hotline) เพื่อเปิดรับการร้องเรียนในเรื่องทุจริตคอรัปชั่น โดยขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการหารือของระดับนโยบาย และต้องการเชิญชวนให้บริษัทเอกชนในประเทศไทยที่มีธรรมาภิบาลที่ดีเข้ามาเป็นแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (Collective Action Coalition Against Corruption) หรือ CAC ให้มากขึ้นกว่าที่มีอยู่ล่าสุด ณ สิ้นไตรมาส 3/57 มีบริษัทเอกชนที่ร่วมประกาศเจตนารมณ์แล้ว 362 บริษัท เป็นบริษัทจดทะเบียน 179 บริษัท โดยมีบริษัทรายใหญ่ระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยร่วมอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก