- Details
- Category: คลัง
- Published: Saturday, 05 October 2019 19:26
- Hits: 2183
คลังเเนะประชาชนใช้เงินกระเป๋า 2 พร้อมรับลูก 'ชิมช้อปใช้' เฟส 2
สมุทรปราการ 5 ต.ค. - ผู้ช่วยรัฐมนตรีคลังแนะผู้ลงทะเบียนใช้เงินกระเป๋า 2 ร่วมกันฟื้นเศรษฐกิจไทย ได้เงินคืน 15% พร้อมดึงร้านค้าชุมชนร่วมโครงการ “ชิมช้อปใช้ เฟส 2” ร่วมสร้างเศรษฐกิจฐานราก ฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ
นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) พร้อมนางสาววิลาวรรณ พยาน้อย รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง นายยรรยง ลิ้มพาณิชย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสายงานเครือข่ายธุรกิจขนาดเล็กเเละรายย่อย ธนาคารกรุงไทย นางรุจิรัศมิ์ ฉัตรเฉลิมกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายสินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวเเห่งประเทศไทย หรือททท. เดินทางไปยังตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการ ร้านค้ารายย่อย ที่เข้าร่วมโครงการชิมช้อปใช้ รับฟังปัญหาเเละรณรงค์ร้านค้าสมัครร่วมโครงการเพิ่ม หลังจากรองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สั่งการให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ทั้ง ธ.ก.ส. ออมสิน ร่วมกับขับเศรษฐกิจไตรมาส 4 ช่วงปลายปี
ซึ่งในขณะนี้ประชาชนใช้จ่ายเงินผ่านแอ็ป'เป๋าตัง'ได้คล่องเเละเข้าใจระบบมากขึ้น ขณะที่ร้านค้ารับชำระเงินได้สะดวกมากขึ้น ไม่ต้องทอน และมียอดขายเพิ่มขึ้นในแหล่งท่องเที่ยว ตลาดนัดสำคัญในจังหวัดรอบปริมณฑล ซึ่งการใช้จ่ายส่วนใหญ่ยังเน้นใช้เงินในกระเป๋า 1 เห็นได้จากการใช้เงิน “ชิมช้อปใช้” สัปดาห์แรกเริ่มต้นใช้จ่าย 1.3 ล้านคน ยอดสะพัดกว่า 1.1 พันล้านบาท กระทรวงการคลังจึงต้องการรณรงค์ให้ร้านค้ารายย่อยทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ทุกตลาดทั่วประเทศ สมัครเข้าร่วมโครงการให้มากขึ้น พื้นที่ไหนยังไม่เข้าใจว่าเข้าร่วมอย่างไร ให้สอบถามเจ้าหน้าที่ของธนาคารกรุงไทยได้ทุกสาขา และจะให้ธนาคารกรุงไทยส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เปิดให้ร้านค้ารายย่อยสมัครเข้าร่วมโครงการให้ทั่วถึงมากขึ้น
นอกจากนี้ อยากประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนเติมเงินเข้าไปในแอ็ป'เป๋าตัง กระเป๋า 2' เพื่อใช้จ่ายผ่านร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการกว่า 170,000 ร้านค้าทั่วทั้งประเทศ ได้ถึงสิ้นเดือน พ.ย. 62 อีกทั้งยังได้รับส่วนลดในการจับจ่ายใช้สอยสูงถึง 15 เปอร์เซ็นต์ เพื่อรับเงินคืน “เป๋าตัง” สูงสุด 4,500 บาท หากเติมเงินเข้าบัญชี 30,000 บาท
กระทรวงการคลังยังเตรียมพร้อมขยายโครงการ 'ชิมช้อปใช้'เฟส 2 ให้ครอบคลุมไปยังเศรษฐกิจชุมชนมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเฟสแรก ธ.กรุงไทยเน้นลูกค้าเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 1.7 แสนราย หากลูกค้าของ ธ.ออมสิน และ ธ.ก.ส. เข้ามาร่วมโครงการเพิ่มเติม จะมีเครือข่ายร้านค้าเพิ่มอีกกว่าแสนราย เพื่อให้มีส่วนร่วมเเละเชื่อมโยงกับเครือข่ายโครงการประชารัฐสร้างไทย
สำหรับ โครงการชิมช้อปใช้ เฟส 2 เตรียมให้ ธ.กรุงไทยปรับระบบเวลาในการลงทะเบียน เพราะการลงทะเบียนเดิม ประชาชนต้องตื่นมาลงทะเบียนเวลาตี 1-ตี 3 ยอมรับว่าทำให้ผู้สนใจลงทะเบียนลำบากต้องนอนดึก รัฐบาลจึงเห็นใจอย่างมาก และต้องการศึกษาแนวทางเพิ่มเติมอีกหลายด้าน
รวมทั้งการเชื่อมโยงมาตรการ '100 เดียวเที่ยวทั่วไทย' เพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานราก เพื่อเปิดโอกาสให้คนเข้ามาลงทะเบียนเพิ่มมากขึ้นจากเดิม กำหนดไว้ 10 ล้านคน จะเกิดแรงขับเคลื่อนได้อีกมาก จึงต้องส่งคณะทำงานลงพื้นที่ ทั้ง "หมอคลัง" และคณะทำงานชุดต่างๆ ส่งเสริมให้ชุมชนเข้มแข็งรองรับปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
"กระทรวงการคลังต้องการให้ คณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัด (คบจ.) เป็นกำลังหลักขับเคลื่อนให้มากขึ้น ต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจในรูปแบบก้าวหน้า และจัดทำเป็นพื้นที่ทุกภาค ทุกจังหวัด"
นางสาววิลาวรรณ พยาน้อย รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าว่า ตั้งแต่วันแรกเริ่มใช้จ่ายมีประชาชนใช้จ่าย 1.024 ล้านคน วงเงินใช้จ่าย 1.143 พันล้านบาท แบ่งเป็นกระเป๋า 1 ยอดเงิน 1,130 ล้านบาท กระเป๋า 2 ยอดเงิน 13 ล้านบาท โดยจังหวัดสมุทรปราการมียอดใช้จ่ายอันดับ 3 ของประเทศ
หลังจากได้เปิดให้ประชาชนอีก 2 แสนราย ลงทะเบียนเมื่อเช้าที่ผ่านมา ปรากฎว่ายอดเต็มอย่างรวดเร็ว ขอให้รอ SMS ส่งเข้ามาในระบบภายใน 3 วันทำการ และยังสามารถตรวจสอบได้จาก www.ชิมช้อปใช้.com. หลังจากนี้คาดการณ์ว่าจะมีชาวบ้านต้องลงทะเบียนเก็บตกเฉลี่ย 1 แสนคนต่อวัน
นอกจากนี้ ธนาคารกรุงไทยเปิดทำการสาขาจำนวน 429 สาขาในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ จัดให้มีรถเคลื่อนที่เข้าไปในชุมชนเพื่ออำนวยความสะดวกในการยืนยันตัวตนสำหรับการติดตั้งแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” แก่ประชาชนด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : กรมบัญชีกลาง โทร 02 2706400 กด 7
App 'เป๋าตัง'ติดต่อธนาคารกรุงไทย โทร 02 1111144
ข้อมูลเที่ยวชิมช้อปใช้ติดต่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โทร 1672
ชิมช้อปใช้ คึกคัก กรมบัญชีกลางจ่ายเงินร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการแล้วกว่า 923 ลบ.
ลงทะเบียนมาตรการ 'ชิมช้อปใช้' ปชช.ให้ความสนใจจำนวนมาก ร้านค้าคึกคักลงทะเบียนแล้วกว่า 8 หมื่นร้านค้า กรมบัญชีกลางโอนเงินเข้าบัญชีร้านค้าแล้วกว่า 923 ลบ.กระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาล
นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ตามที่กรมบัญชีกลางได้ขยายระยะเวลาลงทะเบียนผู้ประกอบการร้านค้าเข้าร่วมมาตรการ ชิมช้อปใช้ ไปจนถึงวันที่ 15 ต.ค.62 พบว่ามีร้านค้าให้ความสนใจลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการเพิ่มเติมจำนวนมาก โดยขณะนี้มีร้านค้าลงทะเบียนแล้วจำนวน 86,461 ร้านค้า ซึ่งประชาชนที่ลงทะเบียนและได้รับสิทธิตามมาตรการแล้ว สามารถใช้สิทธิจับจ่ายซื้อสินค้าและบริการกับร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการได้ทันทีภายใน 14 วันหลังจากได้รับ sms ยืนยัน โดยใช้ App เป๋าตัง ส่วนร้านค้าใช้ App ถุงเงิน ในการรับเงินจากประชาชน ซึ่งขณะนี้กรมบัญชีกลางได้โอนเงินค่าสินค้าและบริการให้กับร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการ ชิมช้อปใช้ แล้วกว่า 923 ล้านบาท โดยเป็นร้านค้าที่ได้สิทธิ กระเป๋าสิทธิ ชิมช้อปใช้ 1,000 บาท (G-Wallet 1) จำนวน 913 ลบ. และร้านค้า กระเป๋า G-Wallet 2 จำนวน 10.4 ลบ.
สำหรับ รอบการจ่ายเงินให้ร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการ มีดังนี้ (1) กระเป๋าสิทธิ ชิมช้อปใช้ 1,000 บาท (G-Wallet 1) จะตัดยอดในเวลาเที่ยงคืน โดย ธ.กรุงไทยจะทำการตรวจสอบความถูกต้องและประมวลผล และกรมบัญชีกลางจะทยอยโอนเงินเข้าบัญชีของร้านค้า ตั้งแต่เวลา 17.00 น.ของวันทำการถัดไป แต่ไม่เกินเวลา 21.00 น. กรณีที่เป็นวันศุกร์และหยุดทำการ (เสาร์-อาทิตย์) จะดำเนินการโอนเงินให้ร้านค้าในวันทำการแรกถัดไป (2) กระเป๋า G-Wallet 2 จะตัดยอดในเวลา 23.30 น. โดย ธ.กรุงไทยจะทำการประมวลผลและทยอย โอนเงินเข้าบัญชีของร้านค้าตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนแต่ไม่เกินเวลา 05.00 น. ของวันถัดไป โดยไม่เว้นวันหยุดทำการ (เสาร์-อาทิตย์)
“ขณะนี้มีประชาชนที่สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการจำนวนมาก ซึ่งครบ 1 ล้านคนในแต่ละวันอย่างรวดเร็ว และหลังจากลงทะเบียนแล้วระบบจะทำการตรวจสอบข้อมูลกับฐานข้อมูลของกรมการปกครอง ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบของระบบ ประกอบกับมีจำนวนผู้ลงทะเบียนจำนวนมาก จึงทำให้หลายคนได้รับ sms ล่าช้า แต่ไม่ต้องกังวลและจะได้รับ sms ครบทุกคนอย่างแน่นอน สำหรับประชาชนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนหรือลงทะเบียนไม่ทัน ยังสามารถลงทะเบียนได้จนกว่าจะครบ 10 ล้านคน โดยผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลการรับลงทะเบียนเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.ชิมช้อปใช้.com” อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าว
อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวเพิ่มเติมในตอนท้ายว่า ร้านค้าที่ต้องการตรวจสอบรายการแสดงการขายในแต่ละวันว่าถูกต้อง ครบถ้วนหรือไม่ สามารถเรียกดูข้อมูลได้จาก App ถุงเงิน ส่วนประชาชนที่ลงทะเบียนและได้รับสิทธิเรียบร้อยแล้ว สามารถค้นหารายชื่อและพิกัดร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการได้ที่ App เป๋าตังและที่เว็บไซต์ www.ktb.co.th และหากร้านค้ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับการโอนเงินเข้าบัญชีร้านค้าและการใช้งาน App ถุงเงิน ติดต่อสอบถามธนาคารกรุงไทย โทร 02 111 1144 ตลอด 24 ชม.ทุกวัน
มาตรการ 'ชิมช้อปใช้' สัปดาห์แรกเริ่มต้นใช้จ่ายแล้ว 1.3 ล้านคน ยอดกว่า 1.1 พันล้านบาท
พรุ่งนี้ (วันที่ 5 ตุลาคม 2562) ยังเปิดรับลงทะเบียนได้อีกประมาณ 2 แสนสิทธิ์
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา ได้เปิดให้มีการลงทะเบียนรับสิทธิ์มาตรการ ‘ชิมช้อปใช้’ วันละ 1 ล้านรายซึ่งมีการลงทะเบียนครบจำนวนทุกวัน สำหรับวันพรุ่งนี้ จะสามารถเปิดให้ลงทะเบียนได้ประมาณ 2 แสนราย ซึ่งรวมมาจากยอดที่ลงทะเบียนไม่ผ่านในแต่ละวัน
โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวว่าการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ลงทะเบียน 9วันแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยมีผู้ได้รับสิทธิ์7,142,914 ราย ซึ่งผู้ลงทะเบียน 8 วันแรกได้รับ SMS ยืนยันสิทธิ์แล้วจำนวน 6,344,295 ราย ทั้งนี้ มีผู้เข้ายืนยันตัวตนในแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ แล้ว 4,970,444 ราย โดยยืนยันตัวตนสำเร็จ4,031,751 รายและมีผู้ที่ยังไม่ได้ติดตั้ง
แอปพลิเคชัน 1,373,451 ราย
ในการใช้จ่าย 7 วันแรก มีผู้ใช้สิทธิ์จำนวน 1,258,551 ราย มีการใช้จ่ายรวมประมาณ 1,144 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่าย g-Wallet ช่อง 1 ประมาณ 1,131 ล้านบาท โดยเป็นการใช้จ่ายที่ร้าน ‘ช้อป’ ซึ่งเป็นร้านในกลุ่ม OTOP ร้านวิสาหกิจชุมชน รวมทั้งร้านธงฟ้าประชารัฐประมาณ 616 ล้านบาท ส่วนร้าน ‘ชิม’ หรือร้านอาหารและเครื่องดื่มมียอดใช้จ่ายประมาณ 155 ล้านบาท ร้าน ‘ใช้’ เช่น โรงแรม โฮมสเตย์ เป็นต้นมียอดใช้จ่ายประมาณ 16 ล้านบาทและร้านค้าทั่วไป มียอดใช้จ่ายประมาณ 344 ล้านบาท ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า มีการใช้จ่ายในร้านค้าขนาดใหญ่ที่มีหลายสาขาประมาณ 261 ล้านบาท หรือเพียงร้อยละ 22 ของยอดใช้จ่ายทั้งหมด
สำหรับการใช้จ่าย g-Wallet ช่อง 2 มีผู้ใช้สิทธิ์แล้ว4,604 ราย มียอดใช้จ่ายประมาณ 13.1 ล้านบาทหรือเฉลี่ยรายละ 2,845 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 12 ภายใน 2 วัน โดยเป็นการใช้จ่ายที่ร้าน “ช้อป”8.8 ล้านบาท
ส่วนร้าน “ชิม” และร้าน“ใช้”มียอดใช้จ่าย 2.5 ล้านบาท และ 1.8 ล้านบาท ตามลำดับ
มีการใช้จ่ายกระจายครบ 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยจังหวัดที่มีการใช้จ่ายมากที่สุด10 อันดับแรก ได้แก่ (1) กรุงเทพฯ164 ล้านบาท (2) ชลบุรี81 ล้านบาท (3) สมุทรปราการ54 ล้านบาท (4) ปทุมธานี 37 ล้านบาท
(5) ระยอง 34 ล้านบาท (6) พระนครศรีอยุธยา33ล้านบาท (7) ลำพูน32ล้านบาท (8) เชียงใหม่ 30 ล้านบาท
(9) นครปฐม 29 ล้านบาท และ (10) นนทบุรี 27 ล้านบาท
กลุ่มที่มีการใช้จ่ายมากที่สุดคือ ช่วงอายุ 22-30 ปี ร้อยละ 34รองลงมาคือช่วงอายุ 31-40 ปี ร้อยละ 28 สำหรับช่วงอายุเกิน 60 ปี มีร้อยละ 5
โฆษกกระทรวงการคลังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมมาตรการฯ ยังสามารถลงทะเบียนได้ โดยระบบจะทยอยเปิดให้ลงทะเบียนเพิ่มเติมตามจำนวนผู้ที่ลงทะเบียนไม่ผ่านในแต่ละวัน ซึ่งจะมียอดกลับเข้ามาในระบบในรอบ 3 วันทำการโดยสามารถตรวจสอบได้จาก www.ชิมช้อปใช้.comนอกจากนี้ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จะเปิดทำการสาขาจำนวน 429 สาขา ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ และจัดให้มีรถเคลื่อนที่เข้าไปในชุมชนเพื่ออำนวย
ความสะดวกในการยืนยันตัวตนสำหรับการติดตั้งแอปพลิเคชัน 'เป๋าตัง' แก่ประชาชนด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:กรมบัญชีกลาง โทร 02 2706400 กด 7
App 'เป๋าตัง' ติดต่อธนาคารกรุงไทย โทร 02 1111144
ข้อมูลเที่ยวชิมช้อปใช้ติดต่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โทร 1672
ธนกร จวกฝ่ายค้าน ตั้งป้อมโจมตี 'ชิม ช้อป ใช้' ย้ำทุกเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ-ส่งเสริมท่องเที่ยว ฟุ้งประชาชนตอบรับล้นหลาม เผย 'อุตตม' เตรียมลงพื้นที่ 4 ต.ค.
นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงมาตรการกระต้นเศรษฐกิจ 'ชิม ช้อป ใช้' ว่า มาตรการดังกล่าวส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ เป็นหนึ่งในมาตรการเพื่อกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ ภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2562 ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรรายย่อย รวมถึงส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชนเพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2562 โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นภาคที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เนื่องจากมีความเชื่องโยงในระดับมหภาค ภูมิภาค และฐานราก เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยกระจายเม็ดเงินลงไปในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศ เพื่อผลักดันไม่ให้เศรษฐกิจชะลอตัว และส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากอุปสงค์ภายในประเทศผ่านการกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังสาขาการผลิตที่เกี่ยวข้องเป็นวงกว้าง ดังนั้น การส่งเสริมให้คนไทยจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นผ่านการท่องเที่ยวในประเทศจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวยังสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว โดยเป็นกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านการบริโภค ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญ และจะส่งผลอย่างชัดเจนต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาฟื้นตัวและขยายตัวได้อย่างเต็มศักยภาพ
นายธนกร กล่าวอีกว่า มาตรการนี้ประชาชนตอบรับเป็นอย่าง ส่วนปัญหาเล็กๆ น้อยๆ หน่วยงานก็เข้าไปดูแลแล้ว ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบนั้นทุกอย่างเรียบร้อยดี ทั้งนี้ ในวันศุกร์ที่ 4 ต.ค. นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะลงพื้นที่ติดตามมาตรการชิม ช้อป ใช้ที่จ.ระยองด้วย โดยล่าสุดวันนี้ลงทะเบียนครบ1ล้านคนตั้งแต่ช่วงเวลา 03.00 น. อย่างไรก็ตาม ตนไม่เข้าใจว่า ทำไมแกนนำพรรคเพื่อไทยไม่ว่าจะเป็นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย ต่างออกมาโจมตีมาตรการดังกล่าวว่าไม่มีประสิทธิภาพ ช่วยนายทุน ช่วยคนรวย ทั้งๆ ที่ประชาชนได้ประโยชน์ เหมือนที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ตั้งข้อสังเกตุว่า อะไรที่รัฐบาลทำแล้วเกิดผลตอบรับที่ดีกับประชาชน ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยหมด ซึ่งน่าเศร้าใจมากที่มีวิธีคิดแบบนี้ ที่สำคัญ รัฐบาลไม่ได้ผลาญงบเหมือนที่ฝ่ายค้านเคยทำในอดีต ไม่ว่าจะเป็นโครงการจำนำข้าว และบ้านเอื้ออาทร ยืนยันว่า รัฐบาลชุดนี้จะทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของพี่น้องคนไทยทุกคน จะไม่ทำเพื่อนายทุนเด็ดขาดมาตรการ'ชิมช้อปใช้'
'ธนกร'สวน'ช่อ'ใช้ส่วนไหนคิด ให้คะแนนชิมช้อปใช้แค่ 2 จากคะแนนเต็ม100 จวกมีโทสาคติเกินไป ลั่นประชาชนตอบรับล้นหลามและเรียกร้องให้เปิดเฟส2 มั่นใจกระตุ้นเศรษฐกิจ เงินหมุนเวียนกว่า7หมื่นล้าน
นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ให้คะแนน 2 คะแนนจากคะแนนเต็ม100 ต่อมาตรการชิม ช้อป ใช้ และเชื่อว่าไม่กระตุ้นเศรษฐกิจว่า ตนรู้สึกผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับพฤติกรรมของโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง มีโทสาคติ พูดไปเรื่อย ไม่ทราบว่าใช้ส่วนไหนคิด วันๆ ทำแต่เรื่องให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัย ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน สงสัยว่าถ้าเป็นเรื่องจ้างล็อบบี้ยิสต์คงจะได้คะแนนเต็ม100 ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ประชาชนได้ประโยชน์ออกมาใช้จ่ายกันอย่างคึกคักจนมีการเรียกร้องให้เปิดเฟส 2 ด้วยซ้ำ
ทั้งนี้ ในช่วง 10 วันแรกมีผู้ลงทะเบียนรับสิทธิ์มาตรการ’ชิม ช้อป ใช้’ เต็มตามเป้าหมาย 1 ล้านรายทุกวัน หากประชาชนใช้สิทธิ์ครบทั้ง 2 กระเป๋า จะเกิดผลต่อเศรษฐกิจดังนี้ กระเป๋า 1 วงเงิน 1,000 บาทแรก เพื่อดึงคนออกจากบ้าน ในส่วนนี้ก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 10,000 ล้านบาท และกระเป๋า 2 เมื่อมีการเดินทางก็จะเกิดการใช้จ่าย ซึ่งหากประชาชนใช้สิทธิ์ตามที่คาดการณ์ จะก่อให้เกิดวงเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจอีกกว่า 70,000 ล้านบาท จากวงเงินงบประมาณ 9,000 ล้านบาท เป้าหมายของโครงการนี้คือ กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และเน้นไปที่เศรษฐกิจฐานราก เมื่อพ่อค้าแม่ค้าได้รับเงินก็จะนำไปซื้อวัตถุดิบส่วนหนึ่งด้วย
นายธนกร กล่าวอีกว่า ขณะที่อีกส่วนหนึ่งเงินหมุนไปเป็นค่าแรงคนงาน ดังนั้น จึงเกิดการกระตุ้นการบริโภค ก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนและส่งผลด้านจิตวิทยา เกิดความคึกคักในการจับจ่ายใช้สอย อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายจะเป็นการใช้จ่ายที่ร้าน’ช้อ’ ซึ่งเป็นร้านในกลุ่ม OTOP ร้านวิสาหกิจชุมชน รวมทั้งร้านธงฟ้าประชารัฐเกินครึ่ง สะท้อนการกระจายเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจฐานราก มีการใช้จ่ายทั้ง 77 จังหวัด แสดงให้เห็นว่าการใช้จ่ายดังกล่าวกระจายไปยังทุกจังหวัด โดยเฉพาะร้านค้าท้องถิ่น ไม่มีการเอื้อนายทุน มีการใช้จ่ายในร้านค้าขนาดใหญ่ที่มีหลายสาขาเพียงร้อยละ 22 ของทั้งหมด โครงการ “ชิม ช้อป ใช้” สนับสนุนยุทธศาสตร์ National e-Payment ใน scale ที่ใหญ่มาก เป็นการเพิ่มจำนวนผู้ใช้จ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ในครั้งเดียวกว่า 10 ล้านรายเป็นครั้งแรกในประเทศไทยอีกด้วย
เปิดลงทะเบียน 10 วันแรก มีผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านประมาณวันละ 2 แสนราย ประชาชนผู้สนใจยังสามารถลงทะเบียนได้
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ในช่วง 10 วันแรก มีผู้ลงทะเบียนรับสิทธิ์มาตรการ ‘ชิมช้อปใช้’เต็มตามโควตา 1 ล้านรายทุกวัน โดยมีผู้ลงทะเบียน ไม่ผ่านวันละประมาณ 2 แสนราย ซึ่งระบบจะเปิดให้ลงทะเบียนต่อเนื่องจนกว่าจะครบ 10 ล้านราย
โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวว่า การตรวจสอบสิทธิ์ผู้ลงทะเบียน 7 วันแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยมีผู้ได้รับสิทธิ์ 5,538,368 ราย ซึ่งผู้ลงทะเบียน 6 วันแรกได้รับ SMS ยืนยันสิทธิ์แล้วจำนวน 4,723,592 ราย สำหรับอีก 814,776 ราย จะได้รับภายในวันนี้ ทั้งนี้ มีผู้เข้ายืนยันตัวตนในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” แล้ว 3,902,443 ราย โดยยืนยันตัวตนสำเร็จ 2,719,267 ราย และมีผู้ที่ยังไม่ได้ติดตั้งแอปพลิเคชัน 821,149 ราย ในการใช้จ่าย 5 วันแรก มีผู้ใช้สิทธิ์จำนวน 706,450 ราย มีการใช้จ่ายรวมประมาณ 628 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่าย g-Wallet ช่อง 1 ประมาณ 621 ล้านบาท โดยเป็นการใช้จ่ายที่ร้าน'ช้อป'ซึ่งเป็นร้านในกลุ่ม OTOP ร้านวิสาหกิจชุมชน รวมทั้งร้านธงฟ้าประชารัฐกว่าร้อยละ 50 หรือประมาณ 330 ล้านบาท ส่วนร้าน ‘ชิม’ หรือร้านอาหารและเครื่องดื่ม มียอดใช้จ่ายประมาณ 98 ล้านบาท ร้าน “ใช้” เช่น โรงแรม โฮมสเตย์ เป็นต้น มียอดใช้จ่ายประมาณ 10 ล้านบาท และร้านค้าทั่วไป มียอดใช้จ่ายประมาณ 183 ล้านบาท ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า มีการใช้จ่ายในร้านค้าขนาดใหญ่ที่มีหลายสาขาประมาณ 142 ล้านบาท หรือเพียงร้อยละ 22 ของยอดใช้จ่ายทั้งหมด
สำหรับการใช้จ่าย g-Wallet ช่อง 2 มีผู้ใช้สิทธิ์แล้วจำนวน 2,962 ราย มียอดใช้จ่ายประมาณ 7.5 ล้านบาท หรือเฉลี่ยรายละประมาณ 2,532 บาท โดยเป็นการใช้จ่ายที่ร้าน 'ช้อป' ประมาณ 5 ล้านบาท ส่วนร้าน 'ชิม'และร้าน 'ใช้' มียอดใช้จ่ายใกล้เคียงกันที่ประมาณ 1 ล้านบาท เมื่อพิจารณาจากจังหวัดที่มีการใช้จ่ายมากที่สุด พบว่า 10 อันดับแรก ได้แก่ (1) กรุงเทพฯ ประมาณ 87 ล้านบาท (2) ชลบุรี ประมาณ 48 ล้านบาท (3) สมุทรปราการ ประมาณ 29 ล้านบาท (4) ระยอง ประมาณ 20 ล้านบาท (5) ปทุมธานี ประมาณ 20 ล้านบาท (6) พระนครศรีอยุธยา ประมาณ 19 ล้านบาท (7) ลำพูน ประมาณ 18 ล้านบาท (8) เชียงใหม่ ประมาณ 17 ล้านบาท (9) นครปฐม ประมาณ 17 ล้านบาท และ (10) นนทบุรี ประมาณ 15 ล้านบาท
ทั้งนี้ กลุ่มที่มีการใช้จ่ายมากที่สุด คือ ช่วงอายุ 22-30 ปี ประมาณร้อยละ 35 รองลงมาคือช่วงอายุ 31-40 ปี ประมาณร้อยละ 30
โฆษกกระทรวงการคลัง ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบปัญหาในการยืนยันตัวตน พบว่า ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับแสงที่อาจสว่างเกินไปหรือผิดตำแหน่งในขณะถ่ายภาพ รวมทั้งการถ่ายโดยใช้แอปพลิเคชันตกแต่งภาพ
ที่ทำให้ภาพไม่เหมือนจริง ซึ่งที่ผ่านมา ธนาคารกรุงไทยฯ ได้มีการติดตามเพื่อให้คำแนะนำแก่ผู้ที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จ วันละกว่า 5,000 ราย และมีผู้ไปยืนยันตัวตนผ่านธนาคารแล้วกว่า 2 แสนราย ซึ่งขณะนี้ ธนาคารกรุงไทยฯ อยู่ระหว่าง การปรับปรุงระบบการยืนยันตัวตนให้รวดเร็วขึ้น โดยคาดว่าจะใช้เวลาอีก 1-2 วัน
ผช.รัฐมนตรี คาดมาตรการท่องเที่ยวหนุน 'ชิมช้อปใช้' ปลายปี
ผู้ช่วยรัฐมนตรีคาด 100 เดียวเที่ยวทั่วไทย - เที่ยววันธรรมดา ราคาช็อคโลก หนุนมาตรการ 'ชิมช้อปใช้' ส่งเสริมท่องเที่ยวโค้งสุดท้ายปลายปี เงินสะพัดออกสู่เมืองหลัก เมืองรอง
นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฎิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่ามาตรการ '100 เดียวเที่ยวทั่วไทย" เพื่อดึงผู้ประกอบการท่องเที่ยว ร่วมจัดแพ็กเกจราคาพิเศษ เช่น ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ร้านอาหาร และสินค้าบริการ ด้วยราคาเพียง 100 บาทต่อ 1 รายการ ในรูปแบบชิงโชคให้ 4 หมื่นคน ผ่านการลงทะเบียน เพื่อรับสิทธิซื้อแพ็กเกจ โดยยอมรับว่าขั้นตอนง่ายกว่า มาตรการ ‘ชิมช้อปใช้’ เพื่อหวังต่อยอดจากมาตรการ ‘ชิมช้อปใช้’ ซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนเริ่มออกไปใช้สิทธิ์ท่องเที่ยวในช่วงแรก นับว่าเป็นโปรโมชั่นอีกด้านหนึ่งหนุนให้เกิดการท่องเที่ยว เงินกระจายออกสู่ต่างจังหวัด นอกจากนี้ยังมาตรการ ‘เที่ยววันธรรมดา ราคาช็อคโลก’เพื่อเน้นดูแล 6 กลุ่มเป้าหมาย เช่น ผู้สูงอายุ สุภาพสตรี และวัยรุ่นจบใหม่เริ่มเข้าทำงาน ยังมีเวลาท่องเที่ยวได้ ไมมีปัญหาออกเดินทางท่องเที่ยวในวันธรรมดา
ดังนั้น จึงแนะนำผู้ลงทะเบียน'ชิมช้อมใช้' เตรียมตัวกดคีย์บอร์ดลงทะเบียนผ่าน Official Line ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่เตรียมรองรับเอาไว้ 40,000 แพ็คเกจ มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายวันรุ่นยุคดิจัทัล กลุ่มเจน X-Y หรือคนระดับกลางมีกำลังซื้อ
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่าหากกลุ่มผู้ลงทะเบียนชิมช้อปใช้ สนใจโปรโมชั่นของรัฐบาลออกมาครั้งนี้ จะส่งผลต่อการกระจายเม็ดเงินออกสู่การท่องเที่ยวเมืองหลักและเมืองรอง ส่งผลต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะมีเงินหมุนต่อไปอีกหลายรอบ และพยุงเศรษฐกิจปลายปีให้ดีขึ้น สอดคล้องกับศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่ออกมาคาดว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยหนุน GDP ให้เติบโตเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 0.02% สำหรับตัวเลขการใช้จ่ายโครงการชิมช้อปใช้มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกรมบัญชีกลางมีการจ่ายเงินให้แก่ร้านค้าผู้เข้าร่วมโครงการนับตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน ถึง 1 ตุลาคม 2562 ไปแล้วจำนวน 457 ล้านบาท
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web