WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

'สบน.'ปัด'ทนุศักดิ์'เมินหาเงินอุ้มจำนำข้าว แผนขอกู้ 6 หมื่นล้านล่มซ้ำ

    แนวหน้า : 'สบน.'ปัดคำขอ 'ทนุศักดิ์'ที่ให้ไปเจรจาสถาบันการเงิน ปล่อยกู้ใช้หนี้ค่าข้าวให้กับชาวนา 6 หมื่นล้าน ผวาเสี่ยงผิดกฎหมาย ระบุรัฐบาลรักษาการไม่สามารถสร้างหนี้ผูกพันให้กับรัฐบาลใหม่ได้ ขณะที่ ปลัดคลังตั้ง สมชัย สัจจพงษ์เป็นหัวหน้าทีม หาช่องใช้มาตรการผลักดันเศรษฐกิจในช่วงการเมืองสุญญากาศ

    แหล่งข่าวกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ทางสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ได้รายงานให้ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รักษาการ รมช.คลัง ในฐานประธานคณะกรรมการ(บอร์ด) ธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)ทราบแล้วว่า การกู้เงินจาก ธนาคารพาณิชย์ อีก60,000 ล้านบาท เพื่อมาจ่ายค่าข้าวให้กับชาวนาทำไม่ได้ เพราะผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 181 รัฐบาลรักษาการสร้างหนี้ผูกพันให้กันรัฐบาลใหม่ และอาจกระทบกับสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ให้กับกระทรวงการคลัง จึงไม่ควรเสี่ยงที่จะดำเนินการเรื่องนี้อีก

    "ที่ผ่านมา กระทรวงการคลัง บอกว่า กำลังพิจารณากู้เงินจากสถาบันการเงินมาใช้หนี้ชาวนาตลอด แต่ในทางปฏิบัติไม่ได้มีการดำเนินการเรื่องนี้ เพราะเคยทำมาแล้วไม่สำเร็จ และไม่เห็นทางสำเร็จที่จะทำเรื่องนี้ต่อไป" แหล่งข่าว กล่าว

     ก่อนหน้านี้ นายทนุศักดิ์ ขอให้ผู้บริหาร สบน.จัดหาแหล่งเงินที่จะนำมาจ่ายให้กับชาวนาที่ยังไม่ได้รับเงินในโครงการรับจำนำข้าว ในส่วนที่เหลือ 700,000 ราย เป็นเงินที่ค้าง 80,000 ล้าน โดยให้ สบน.หาแหล่งเงินกู้อยู่ที่กว่า 60,000 ล้านบาท ส่วนอีก20,000 ล้านบาท จะนำมาจาก กองทุนช่วยเหลือชาวนา ที่ธ.ก.ส.ตั้งขึ้น บวกกับเงินที่ได้จากการระบายข้าวของ กระทรวงพาณิชย์อีก

     แหล่งข่าว กล่าวว่า ที่ผ่านมากรณีของการให้ ธกส.ไปกู้อินเตอร์แบงก์จากธนาคารออมสิน จำนวน 20,000 ล้านบาท ทางกระทรวงการคลังก็ได้เตือนฝ่ายการเมืองไปแล้วว่า ไม่ควรทำเพราะจะเกิดปัญหาลูกค้าของธนาคารออมสินไม่พอใจ และแห่ถอนเงิน แต่ทางฝ่ายการเมืองไม่เชื่อ สุดท้ายการกู้เงินดังกล่าวก็ต้องยกเลิกเพียงแค่กู้ไปก้อนแรก 5,000 ล้านบาท เพราะลูกค้าธนาคารออมสินไม่พอใจแห่ถอนเงินไปถึง 1 แสนล้านบาท ภายในไม่กี่วัน ตามกระทรวงการคลังคาดการณ์ไว้

   ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ยืนยันกับฝ่ายการเมืองมาตลอดว่า การเร่งระบายข้าว หรือขายข้าวในโกดังเพื่อนำเงินมาจ่ายหนี้จำนำข้าวเป็นทางที่ดีที่สุด เพราะไม่ผิดกฎหมาย แต่รัฐบาลต้องยอมรับผลขาดทุนที่เกิดขึ้นจำนวนมากตามมา

    ด้านนายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าว่า ได้แต่งตั้งคณะทำงานพิเศษเพื่อประสานมาตรการด้านเศรษฐกิจในช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองยังไม่สงบ โดยมีนายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เป็นประธานคณะทำงาน และมีปลัดกระทรวงการคลัง เป็นที่ปรึกษา ทั้งนี้ การจัดตั้งคณะทำงานเป็นการเร่งด่วนก็เพื่อเข้าไปดำเนินการในกรณีที่หลายหน่วยงานแสดงความเป็นห่วงถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ที่ชะลอตัว ส่งผลต่อประชาชนเกิดความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก

     ขณะที่ นายสมชัย กล่าวว่า คณะทำงานพิเศษจะประกอบด้วยหน่วยงานด้านเศรษฐกิจที่มาร่วมมือกันเพื่อประสานนโยบายเท่าที่สามารถจะดำเนินการได้ในช่วงที่ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลออกนโยบายอะไรใหม่ๆได้ โดยจะเน้นทำตามงบประมาณที่อนุมัติไปแล้ว เร่งรัดการเบิกจ่ายงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ต้องทำให้ได้เกินเป้าหมาย จากงบที่ยังค้างอยู่หลายแสนล้าน

    โดยโครงสร้างคณะทำงานประกอบด้วย ตัวแทนจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตัวแทนจาก อปท. สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ และ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) โดยจะประชุมนัดแรกช่วงสิ้นเดือน พ.ค. หลังจากที่สศค.หารือและได้ข้อมูลจากสถาบันการเงินของรัฐและสมาคมธนาคารไทย ภายในสัปดาห์นี้

    ทั้งนี้ คณะทำงานจะติดตามการทำงานของสถาบันการเงินของรัฐทั้งหมด โดยจะต้องไม่เกิดเกียร์ว่างและห้ามไม่ให้ผ่อนปรนการปล่อยกู้ใหม่ โครงการที่ยังมีวงเงินเหลือให้เร่งทยอยปล่อยกู้ให้ครบ รวมถึงปล่อยกู้เพื่อชดเชยสถาบันการเงินเอกชนที่ชะลอการปล่อยกู้ด้วย นอกจากนี้ จะต้องติดตามในเรื่องของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือ หนี้เสียเอ็นพีแอลด้วย

   นายสมชัย กล่าวอีกว่า หากยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้ มีโอกาสที่จะต่ำกว่า 2% จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะโต 2.6% เนื่องจากขาดนโยบายที่จะมาเป็นแรงขับเคลื่อนจากรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มในการบริหารงาน ซึ่งยิ่งจะทำให้เศรษฐไทยเกิดการชะลอตัวลงย่างมาก

  โดยที่ผ่านมา การขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ที่ยังอยู่ได้ เพราะยังใช้เงินงบประมาณได้บ้าง อัตราแลกเปลี่ยนยังอยู่ในระดับที่ทำให้ภาคการส่งออกขยายตัว แม้ว่าโตได้ไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้ 5% แต่ที่น่าเป็นห่วง คือ การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2558 ที่หากสถานการณ์ทางการเมืองยังยืดเยื้อ มีแนวโน้มว่าจีดีพีปีหน้าจะติดลบขึ้นได้

  เศรษฐกิจในปีนี้ ถือว่ายังเป็นการกินบุญเก่า ถ้าคิดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้ยังพอทนได้ จากปัญหาการเมืองที่ไม่คลี่คลาย เมื่อมองไปปีหน้าเชื่อว่าจะทนไม่ได้ อยู่ไม่ได้แน่นอน เศรษฐกิจไทยจะกลายเป็นผีไม่มีโลง ที่น่าเป็นห่วงคือคนไทยที่จะยากลำบากมากขึ้นนายสมชัย กล่าว

   นายสมชัย กล่าวว่า หากในกรณีที่เศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะติดลบ ในเบื้องต้นจะเกิดมาจาก 3 สาเหตุ คือ 1.ไม่สามารถจัดทำงบประมาณปี 2558 ได้ ทำให้ไม่มีงบใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ งบลงทุนก็ไม่เกิด มีเพียงงบรายจ่ายประจำเท่านั้น 2. การลงทุนปีหน้าที่ไม่ได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็มีแนวโน้มที่เงินทุนต่างชาติจะย้ายออกไปประเทศอื่นในภูมิภาคที่มีโอกาสกว่า และมีความเสี่ยงที่จะถูกลดเครดิตประเทศ

     3.ถ้าเศรษฐกิจโลกในปีหน้ามีแนวโน้มที่จะชะลอตัวก็จะส่งผลต่อภาคส่งออกที่เป็นรายได้หลักของประเทศ

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!