- Details
- Category: คลัง
- Published: Sunday, 30 September 2018 19:22
- Hits: 1600
รมว.คลัง ย้ำกนง.ประเมินสถานการณ์ก่อนพิจารณาดอกเบี้ย แม้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยตามคาด
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า กรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นไปตามที่ทุกฝ่ายคาดการณ์กันไว้อยู่แล้ว และตลาดก็ไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงหรือมีผลกระทบอะไรเกิดขึ้น แต่ตลาดจะกลัวอะไรที่เหนือการคาดการณ์ ในส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยนั้น ตนเองได้พูดไปหลายครั้งแล้วว่ายังไม่ควรจะปรับขึ้น ควรดูเหตุการณ์ให้ชัดเจนกว่านี้ ส่วนที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งสัญญาณไม่ปรับดอกเบี้ยก็ยังไม่รู้ว่าเป็นท่าทีที่แท้จริงหรือเปล่า
สำหรับเรื่องการคุมสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์นั้นเป็นหน้าที่ของ ธปท.เพราะเป็นผู้กำกับสถาบันการเงินและเป็นผู้ที่ดูความมั่นคงของสินเชื่อทั้งระบบ ถ้า ธปท.มองเห็นอะไรที่ไม่ดีก็ควรมีมาตรการออกมา ฝ่ายอื่น ๆ จะไปว่า ธปท.ไม่ได้ ซึ่ง ธปท.ควรมีการดำเนินการที่รวดเร็วด้วยหากเห็นปัญหา ในส่วนของกระทรวงการคลังไม่มีตัวเลขของสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ เพราะ ธปท.เป็นผู้เก็บตัวเลขและเก็บได้รวดเร็วมาก ส่วนผู้ประกอบการที่กลัวว่ามีปัญหาจะกระทบกับการขายก็สามารถหารือกับ ธปท.ได้
ส่วนกรณีที่คณะอนุกรรมการปฏิรูปภาษีเสนอให้มีการปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพากรทั้งระบบ รมว.คลัง กล่าวว่า ข้อเสนอดังกล่าวเป็นเรื่องที่ยังไม่ได้มีการพิจารณา เนื่องจากหากมีการปรับลดภาษีตามข้อเสนอก็ต้องมีการปรับขึ้นภาษีในส่วนอื่น ๆ เพิ่มเติม เพราะภาพรวมการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรในแต่ละปีอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านล้านบาท
ขณะที่กรมสรรพากรได้ออกหนังสือชี้แจงถึงกรณีการเสนอให้มีการปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพากรแบบใหม่ทั้งระบบ รวมทั้งจะมีการนำมาปรับใช้ภายในปี 2562 ว่า ข้อความที่เผยแพร่ดังกล่าวเป็นเพียงข้อเสนอของคณะอนุกรรมการพิจารณาปรับปรุงและแก้ไขประมวลรัษฎากรที่ได้มีการจัดสัมมนาเพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมาเท่านั้น ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวยังไม่ได้มีผลตามกฎหมาย และยังไม่ได้มีผลบังคับใช้ในปี 2562 แต่อย่างใด
"ยังไม่ได้มีการพิจารณา หากเสนอให้มีการปรับลดอัตราภาษีในส่วนหนึ่งก็ต้องมีการปรับขึ้นภาษีในส่วนอื่น ซึ่งต้องดูว่าคืออะไร ขณะที่การขยายฐานภาษีซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ ยังไม่มีความชัดเจน เนื่องจากที่ผ่านมากระทรวงการคลังสนับสนุนให้ผู้ประกอบการทำบัญชีเดียว แต่ก็ยังไม่สามารถขยายฐานภาษีได้มากขึ้น" นายอภิศักดิ์ กล่าว
-อินโฟเควสท์
เฟด'ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25%'แบงก์'จับตา'กนง.'ขยับตามปลายปี
แนวหน้า : คณะกรรมการนโยบายการเงินของ ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) เมื่อวันที่ 25-26 กันยายน 2561 มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Fed funds rate) ขึ้นร้อยละ 0.25 ขึ้นมาอยู่ระดับร้อยละ 2-2.25
นายศรพล ตุลยะเสถียร ผู้อำนวยการ สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ร้อยละ 0.25 นับว่าเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และคาดว่าสิ้นปีนี้เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้ง
ส่วนผลจากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดกับดอกเบี้ยนโยบายของไทยนั้น คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ มองว่านักลงทุนสนใจลงทุนในไทยไม่ได้พิจารณาเรื่องดอกเบี้ยอย่างเดียว ยังต้องมองเรื่องพื้นฐานทางเศรษฐกิจด้วย ขณะที่ค่าเงินบาท คาดว่าจะไม่กระทบมาก โดย สศค.ยังคงประมาณการค่าเงินไว้ที่ 32.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และไทยไม่มีปัญหาเรื่องเงินทุนไหลออก เพราะแม้ต่างชาติจะขายหุ้น เพื่อนำเงินไปซื้อพันธบัตร เพราะเศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่งมั่นคงไม่มีปัญหาขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ทุนสำรองระหว่างประเทศสูงมาก การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคืบหน้าไปต่อเนื่อง
ด้าน อีไอซี ธนาคารไทยพาณิชย์ มองว่า การพิจารณานโยบายการเงินของ กนง. ของไทยนั้น จะให้ความสำคัญต่อความเหมาะสมของนโยบายการเงินต่อภาวะเศรษฐกิจไทย มากกว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด แม้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ส่วนต่างอัตรา ดอกเบี้ยนโยบายระหว่างสหรัฐฯ และไทยกว้างขึ้น แต่อีไอซีมองว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ทำให้ กนง. ต้องรีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากไทยมีสถานะการเงินระหว่างประเทศที่แข็งแกร่ง ทั้งดุลบัญชีเดินสะพัดไทยที่เกินดุลในระดับสูงและเงินทุนสำรองที่มีขนาดใหญ่สามารถรองรับความผันผวนจากเงินทุนเคลื่อนย้ายได้
นอกจากนี้อีไอซีมองว่า กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินครั้งแรกของปีหน้า หรืออย่างเร็วคือในการประชุมเดือนธันวาคม 2561