- Details
- Category: คลัง
- Published: Sunday, 16 September 2018 21:10
- Hits: 3974
รมว.คลัง ย้ำไม่ควรขึ้นดบ.นโยบาย ชี้สงครามการค้ากระทบไทยน้อยกว่าที่อื่น
รมว.คลัง ย้ำยังไม่ใช่เวลาขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เหตุเงินเฟ้อยังไม่เข้าเป้า - ศก.มีความเสี่ยง แต่อยู่กับการตัดสินใจของ ธปท. ชี้ตลาดหุ้นไทยผันผวนจากปัจจัยภายนอก เชื่อได้รับผลกระทบสงครามการค้าน้อยกว่าที่อื่น
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายว่า ขณะนี้ยังไม่ควรขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังไม่เข้าสู่ระดับเป้าหมาย แต่อย่างไรก็ตามการตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะประชุมในวันที่ 19 ก.ย.นี้ โดยหากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะส่งผลให้ต้นทุนภาครัฐฯ - เอกชนสูงขึ้น กระทบความสามารถการชำระหนี้ของประชาชนและภาคธุรกิจ ซึ่งเป็นประเด็นรายละเอียดที่ ธปท.จะต้องนำไปพิจารณา
"เรามองว่าขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ย เพราะยังไม่มีเหตุผลหนุนเพียงพอ เงินเฟ้อก็ยังไม่ได้ตามกรอบ แต่ทางกระทรวงคลังไม่มีอำนาจไปสั่ง ธปท.ได้ ผู้ส่งออกเองก็กังวลว่าถ้าขึ้นดอกเบี้ยจะมีเงินไหลเข้า และบาทจะแข็งค่ากระทบ อย่างสหรัฐฯ ที่ตอนแรกตั้งใจจะขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่านี้ แต่พอเจอสงครามการค้าก็ชะลอขึ้นดอกเบี้ยไป ธปท.ก็ต้องดูเหมือนกันว่าถ้ายังมีปัจจัยเสี่ยงก็ควรชะลอ " รมว.คลังกล่าว
สำหรับ ตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้มีความผันผวนมองว่ามาจากปัจจัยภายนอก แต่เศรษฐกิจไทยภาพรวมยังถือว่ามีเสถียรภาพมาก ได้รับผลกระทบน้อยเมื่อเทียบกับตลาดภูมิภาค แต่ยังต้องระวังหากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ก็จะกระทบกับทุกประเทศรวมถึงไทย แต่เชื่อว่าไทยได้รับผลน้อยกว่าที่อื่น
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
คลังฉะแบงก์โยนบาปลูกค้า จี้เร่งแก้ปัญหาระบบล่ม! เศรษฐกิจปึ้กต่างชาติรุม
ไทยโพสต์ : 'ขุนคลัง'ฉุนจี้แบงก์พาณิชย์เร่งแก้ปัญหาระบบธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ล่ม ซัดไม่มีเหตุผลที่จะโทษประชาชนเป็นต้นเหตุ ฟุ้งเศรษฐกิจไทยแน่นปึ้ก ไม่สะท้านตลาดการเงินโลกปั่นป่วน ปลื้มต่างชาติรุมจีบลงทุนอีอีซี-ทีเอฟเอฟ
พระราม 6 * 'ขุนคลัง' ฉุนจี้แบงก์พาณิชย์เร่งแก้ปัญหาระบบธุร กรรมอิเล็กทรอนิกส์ล่ม ซัดไม่มีเหตุผลที่จะโทษประชาชนเป็นต้นเหตุ ฟุ้งเศรษฐกิจไทยแน่นปึ้ก ไม่สะท้านตลาดการเงินโลกปั่นป่วน ปลื้มต่างชาติรุมจีบลงทุนอีอีซี-ทีเอฟเอฟ
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.การคลัง เปิดเผยถึงกรณีปัญหาระบบการโอนชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ของธนาคารพาณิชย์ล่มเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา ว่า เป็นปัญหาที่กระทรวงการคลังไม่จำเป็นต้องสั่งการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะกำกับดูแลสถาบันการเงิน หรือต้องสั่งการธนาคารพาณิชย์ เพราะ เป็นหน้าที่ของแต่ละแห่งต้องดำ เนินการอยู่แล้ว
ทั้งนี้ เห็นว่าธนาคารพาณิชย์ ไม่มีเหตุผลที่จะไปโทษประชาชนที่ใช้บริการว่าทำให้ระบบการโอนเงินล่ม มีปัญหาตรงไหนก็ต้องไปแก้ไขให้ถูกจุด หากเป็นปัญหาจากระบบของธนาคารพาณิชย์ก็ต้องไปแก้ไข จะไปบอกว่าประชาชนกดผิดแล้วทำให้ระบบล่มนั้นไม่ใช่เหตุผลที่จะนำมากล่าวอ้างได้
"แต่ละคนมีหน้าที่ต้องทำไม่ต้องให้กระทรวงการคลังไปสั่งการอะไรเป็นพิเศษ ระบบมันพังก็ต้องแก้ ที่ผ่านมาได้รับรายงานว่า ธปท.ก็สั่งการให้ธนาคารพาณิชย์แก้ไขแล้ว ส่วนธนาคารพาณิชย์ก็ต้องรับผิดชอบในฐานะเป็นผู้ให้บริการประชาชน และเมื่อระบบล่มจะไปโทษว่าประชาชนทำให้ระบบล่มได้อย่างไร ฟังดูแล้วเป็นเรื่องตลก" นายอภิศักดิ์กล่าว
นายอภิศักดิ์ยังกล่าวถึงกรณีความผันผวนของตลาดการ เงินในขณะนี้ ได้ส่งผลกระทบ ทุกกับประเทศในโลก ว่า ผลกระทบ ครั้งนี้ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยเท่า นั้น จากพื้นฐานเศรษฐกิจประเทศ ไทยดีมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่เกิดความปั่นป่วน เกิดภาวะเงินทุนไหลออก ค่าเงินอ่อนลง แต่ในส่วนของประเทศไทยทุกอย่างนิ่ง ค่าเงินของไทยแทนที่จะอ่อนค่ากลับแข็งค่าขึ้น เพราะเงินไม่ไหลออกและยังมีเงินไหลเข้ามาด้วย เนื่องจากต่างชาติเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทย
นายศรพล ตุลยะเสถียร ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการ สศค. ได้นำคณะทำงาน สศค.ไปโรดโชว์ให้กับนักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่กว่า 20 แห่ง ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นนักลงทุนที่ลงทุนในไทย โดยบางแห่งลงทุนในไทยถึง 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งได้มีการชี้แจงเกี่ยวกับพื้นฐานเศรษฐกิจและโครงการต่างๆ ที่ประเทศไทยจะเดินหน้าในอนาคต
"นักลงทุนยังเชื่อมั่นพื้นฐาน เศรษฐกิจของไทยดี และเตรียมเงินไว้ซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประ เทศไทย (ทีเอฟเอฟ) และลงทุนในโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ดังนั้นจึงจะเห็นว่าแม้ว่าตลาดการเงินของโลกจะมีความผันผวนมากในช่วงที่ผ่านมา แต่ในส่วนของไทยจะมีผลกระทบเฉพาะในส่วนตลาดหุ้นที่นักลงทุนขายหุ้นและนำเงินไปพักไว้ในตลาดพันธบัตร เพื่อลงทุนในทีเอฟเอฟ และโครงการอีอีซี" นายศรพลกล่าว
นายศรพล กล่าวอีกว่า สศค.ได้แลกเปลี่ยนความเห็นกับนักลงทุนสถาบันเรื่องความผันผวนของตลาดการเงินในประ เทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ว่าเป็นเรื่องการบริหารการลงทุนปกติ เนื่องจากนักลงทุนสถาบันลดการลงทุนในประเทศจีน เพราะเป็นห่วงเรื่องสงครามการค้ากับประเทศสหรัฐ ถึงแม้ว่าจะมีความเห็นต่างกันว่าจะเกิดผลกระทบไม่รุนแรง หรือรุนแรง แต่ในแง่ของนักลงทุนประเภทสถาบันก็จะลดการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงไว้ก่อน.