- Details
- Category: คลัง
- Published: Wednesday, 17 September 2014 00:12
- Hits: 2776
ขุนคลังเอาจริงปฏิรูปภาษี สั่งเพิ่มศักยภาพขยายฐานจัดเก็บลดช่องว่างคนรวย-จน
บ้านเมือง : ขุนคลังเดินหน้าปฏิรูประบบภาษีไทย หวังสร้างความเป็นธรรม-ลดช่วงว่างคนรวย-คนจน พร้อมเผยเป้าหมายรัฐบาล ปรับขึ้นแวตปลายปี 58 แต่แทงกั๊กต้องดูผลกระทบ-สภาพแวดล้อมต่างๆ ระบุคลังต้องเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บ-ขยายฐานภาษี ขณะที่ไม่รับปากจีดีพีทั้งปีจะโตถึง 2% ระบุจะทำให้เต็มที่ ส่วนปีหน้ามั่นใจ ศก.โตสูงแน่นอน
นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังการประชุมมอบนโยบายให้กับผู้บริหารระดับสูง และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง ว่า เรื่องการปฏิรูประบบภาษีนั้นตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่จะต้องดำเนินการ วัตถุประสงค์เพื่อลดช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจน ส่วนภาษีตัวใดที่มีอยู่แล้วก็ต้องได้รับการปรับปรุงเพื่อผลไม่ใช่รายได้ แต่เพื่อการปรับให้เข้าสู่จุดหมายทางเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพ เศรษฐกิจเติบโตที่ดี และเกิดความเป็นธรรม ทั้งนี้ เห็นว่าในบางเรื่องทาง คสช.ได้ดำเนินการมาก่อนหน้าแล้ว ไม่ว่าจะเป็นภาษีมรดกก็เป็นรูปเป็นร่าง ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างก็ก้าวหน้าพอสมควร เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาษีมรดกนั้นไม่ใช่ภาษีที่จะไปเก็บจากผู้ที่มีมรดก แต่จะเก็บจากผู้ที่ได้รับมรดกในวันที่มีการับมอบมรดกนั้น ซึ่งตนก็มีความเป็นห่วงในบางเรื่อง จึงอยากจะฟังเสียงสะท้อนจากประชาชน ถ้าจะให้เดินหน้าก็พร้อมเดิน คลังก็ต้องนำเสนอ แต่อยากฟังเสียงสังคมก่อน เพราะเราต้องเปิดรับฟังในสภาไม่ใช่เสียงประชาชนอีกแบบหนึ่ง
"ไทยต้องมีการปฏิรูประบบภาษีแน่นอน วัตถุประสงค์เพื่อลดช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจน อะไรที่มาทำแล้วจะเกิดผลดี และเกิดผลเสียน้อยที่สุด ต้องเลือกอย่างนั้น ไม่ใช่จะทำเพราะว่าเป็นภาษีที่มองว่าดูดีเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณาให้รอบคอบก่อนที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมสภา โดยอาจจะต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย" นายสมหมาย กล่าว
ส่วนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้น ที่ผ่านมาท้องถิ่นเป็นคนเก็บประสิทธิภาพการจัดเก็บน้อยมาก ดังนั้นส่วนกลางต้องจัดใหม่ และเก็บให้เกิดประสิทธิภาพ แต่ภาษีดังกล่าวก็ถือเป็นมรดกเช่นเดียวกัน โดยเก็บตั้งแต่ยังไม่ได้ให้มรดก และรัฐก็สามารถเก็บไปเรื่อยๆ ขายที่ดินฯ รัฐก็เก็บอีก ถือว่ามีประสิทธิผลมากกว่าภาษีมรดกเสียอีก อีกทั้งเม็ดเงินที่จะได้รับก็ดีกว่ามาก รายได้เข้ารัฐทุกปี ดังนั้น จึงต้องคิดให้ดีๆ พิจารณาเรื่องภาษีให้รอบคอบ รอบด้าน และก็ไม่ใช่แค่ 2 ตัวภาษีเท่านั้น
นายสมหมาย กล่าวต่อว่า ในเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ปัจจุบันนี้ต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ที่ผ่านมาก็มีการปรับเพิ่มจากเดิม 5% เป็น 8% ไปแล้ว และขณะนี้กำลังคิดจะปรับเพิ่มเป็น 10% โดยในส่วนของไทยเองเมื่อถึงจุดหนึ่งก็เห็นว่าจำเป็นจะต้องปรับเพิ่มแวตเช่นเดียวกัน เพราะรายจ่ายก็ต้องเพิ่มขึ้น ไม่อย่างนั้นจะพัฒนาประเทศได้อย่างไร ซึ่งเป้าหมายที่ทาง คสช.และรัฐบาลก็ได้วางเอาไว้ คือ จะปรับเพิ่มแวตในช่วงปลายๆ ปี 58
"อัตราเท่าไหร่นั้นเราต้องคำนวณดีๆ ต้องศึกษารอบคอบ ดูผลกระทบต่างๆ ช่วงที่ดูคลังก็ต้องเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บ เพื่อดูฐานในการจัดเก็บภาษีว่าถ้าเราจัดเก็บอย่างเต็มประสิทธิภาพจริงๆ ฐานเราจะขยายมากแค่ไหน อัตราก็เป็นอีกเรื่อง ฐานภาษีก็เป็นอีกเรื่อง เป้าที่ตั้งเอาไว้ก็เป็นเป้าก็ต้องยึดเอาไว้ แต่ก็ต้องดูสภาพแวดล้อมด้วย ถ้าเราทำเศรษฐกิจให้ดีขึ้นช่วงปลายปีเรามีสิ่งที่ให้บริการประชาชน ดูแลประชาชนอย่างยุติธรรม มีมาตรฐานกว่านี้ ทั้งเรื่องการสาธารณสุข ถ้าประชาชนดีขึ้นเราขอขึ้นภาษี ก็จะมีแต่คนเห็นใจรัฐบาล"นายสมหมาย กล่าว
ขณะที่ในเรื่องกองทุนแอลทีเอฟและกองทุนอาร์เอ็มเอฟนั้น ต้องขอเวลาในการศึกษารายละเอียด ดูว่าสิ่งที่จะได้และสิ่งที่จะเสียอะไรมากกว่ากัน และต้องเลือกสิ่งที่จะได้มากกว่าแน่นอน เร็วๆ นี้จะสรุปความชัดเจน ส่วนหุ้นทหารไทยนั้น ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน แต่ยืนยันว่านโยบายกระทรวงการคลังนั้นไม่เก็บหุ้นที่ไม่ใช่หุ้นหลักเอาไว้แน่นอน
สำหรับ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตอนนี้ไม่มีทางเลือก หลายประเทศในโลกที่เคยเป็นชาติที่แข็งแกร่ง ตอนนี้เศรษฐกิจก็ติดลบ พวกนั้นก็มีมาตรการไม่มากเช่นกัน มีข้อจำกัด เจอทางตัน เพิ่มงบประมาณไม่ได้ เพราะหนี้ติดเพดานหมดแล้ว ส่วนของเราหนี้ต่อจีดีพีไม่ถึง 50% ถือว่าเรายังมีช่องในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ฐานะทางการคลังแข็งแกร่ง ส่วนงบค้างท่อในปี 57 มีอยู่มากมาย งบค้างท่อที่ อปท.มีกว่า 3.5 แสนล้านบาท โครงการรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจก็ยังค้างท่ออยู่ ดังนั้นเรายังถือว่ามีโอกาสในการใช้งบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ โดยเราจะเร่งเดินหน้าเบิกจ่ายโดยเร็ว โครงการเล็กๆ ใช้ง่าย จะเอาออกมาดำเนินการตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีงบ 58 ส่วนภาคเอกชนก็จะเร่งกระตุ้นเอสเอ็มอี
นอกจากนั้น ในเรื่องอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 57 นั้น ตนมองว่าเป้าที่ตั้งเอาไว้ที่ 2% ถ้าได้ก็ถือว่าดีมาก ได้ไปรับฟังเวทีโลก ทุกประเทศก็ลำบาก การบริโภคไม่ค่อยมี เก็บภาษีไม่ได้ ของเราบวกแน่ แต่จะถึง 2% หรือไม่ไม่รับปาก แต่ก็จะพยายามทำอย่างเต็มที่ และวางแนวทาง ได้หารือปัญหาเหล่านี้กับหลายๆ กระทรวง เช่น กระทรวงเกษตร กระทรวงมหาดไทย เพื่อให้เร่งรัดในการเบิกจ่ายงบที่ค้างท่อของท้องถิ่นอยู่ แต่มั่นใจว่าไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เศรษฐกิจจะดีมากกว่า 2% แน่นอน เรื่องท่องเที่ยวก็เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้ว ดังนั้น ในปีหน้าก็มั่นใจว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้สูงแน่นอน เพราะฐานที่ต่ำในปีนี้