- Details
- Category: คลัง
- Published: Friday, 12 September 2014 23:39
- Hits: 2867
คลังเพิ่มแผนกระตุ้น ศก.สร้างงานระยะสั้นอัดเงินเข้าระบบมั่นใจเศรษฐกิจโต 2%
บ้านเมือง : สศค. เสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องระยะสั้น สร้างงานระยะสั้น ซ่อมแซมสาธารณูปโภคเร่งด่วน ภาษีท่องเที่ยว และเบิกจ่ายงบค้างท่อที่มีโครงการรองรับไว้แล้ว สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปีนี้คาด เศรษฐกิจในปีนี้เฉลี่ยโตได้ที่ 2% ไม่ห่วง ปีหน้ามีโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่รอดำเนินการแล้ว
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.เสนอแผนสร้างงานระยะสั้น ซ่อมแซมสาธารณูปโภคเร่งด่วน ภาษีท่องเที่ยว และเบิกจ่ายงบค้างท่อ ที่มีโครงการรองรับไว้แล้ว เป็นแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โดยแผนเร่งด่วนระยะสั้นดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถขยายตัวเป็นไปตามคาด ทั้งนี้ สศค.คาดการณ์เศรษฐกิจในปีนี้เฉลี่ยที่ 2% โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 1.5-2.5%
ทั้งนี้ สศค.ได้หารือกับทุกกระทรวงที่สามารถจะมีโครงการมีการสร้างการจ้างงานในระยะเร่งด่วนได้ ไม่ว่าจะเป็นกรมพัฒนาแรงงาน,กรมอาชีวศึกษา, สำนักงานการอุดมศึกษาแห่งชาติ,กรมส่งเสริมการเกษตร และหน่วยงานในกระทรวงมหาดไทย เพื่อดูว่าหน่วยงานเหล่านั้นจะสามารถมีโครงการลงทุนใดที่สามารถทำได้รวดเร็วทันที
อย่างไรก็ตาม สศค.สามารถรวบรวมโครงการที่ทำได้รวดเร็วทันที ประมาณ 9 โครงการ เช่น โครงการเสริมความรู้ให้กับนักศึกษาอาชีวะ หรือ Up grade ความรู้ให้กับนักเรียนอาชีวะ ซึ่งการเรียนในวิทยาลัย อาจเรียนจากเครื่องไม้เครื่องมือเก่า ขณะที่บริษัทเอกชนได้ปรับใช้เครื่องมือเครื่องจักรใหม่แล้ว ซึ่งโครงการนี้จะเข้าไปจัดอบรมเสริมความรู้ให้กับนักเรียนอาชีวะ เพื่อให้พร้อมออกไปทำงานได้ทันที
นายกฤษฎา กล่าวว่า แหล่งเงินงบประมาณที่จะใช้ในโครงการเหล่านั้น ไม่น่าจะมีปัญหา เนื่องจากในปัจจุบัน งบประมาณ ในหมวดงบกลาง ที่เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ยังเหลืออยู่ 8 หมื่นล้านบาท และในวงเงิน 8 หมื่นล้านบาทดังกล่าว มีวงเงินที่ Free คือยังไม่มีภาระผูกพันประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท
สำหรับ งบค้างท่อ นั้น จะไปสำรวจดูว่า มีโครงการใดบ้างที่พร้อมลงทุนได้ทันที ไม่จำเป็นต้องรอการศึกษาออกแบบ หรือรอทำ EIA หรือรอการเวนคืน ก็จะเร่งรัดการเบิกจ่ายโครงการเหล่านั้น ในปัจจุบัน มีงบประมาณของโครงการตั้งแต่ปี 48- 56 ที่ยังเบิกจ่ายไม่หมด และยังเหลืองบประมาณที่ค้างการเบิกจ่ายอยู่รวม 1.04 แสนล้านบาท
ส่วนงบประมาณปี 57 ที่มีงบรายจ่ายรวม 2.525 ล้านล้านบาท คาดว่าจะมีงบประมาณที่เบิกจ่ายไม่ทันภายในปีงบประมาณนี้ ที่สิ้นสุด 30 ก.ย.นี้ ราว 10% หรือประมาณ 2.5 แสนกว่าล้านบาท ซึ่งบางส่วนจะถูกนำไปใช้ต่อในปีงบประมาณ 58
ทั้งนี้ รัฐบาล จะเร่งรัดการใช้งบปี 58 โดยไตรมาสแรกจะให้เบิกจ่ายออกไปให้ได้ 35% ของงบประมาณรายจ่ายรวมทั้งหมดไว้ 2.575 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะงบที่สามารถเบิกจ่ายได้รวดเร็ว เช่น งบอบรมสัมมนา จะเร่งรัดเบิกจ่ายได้ 50% ของงบดังกล่าวภายในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ
สำหรับ เศรษฐกิจในปีหน้านั้น ไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากแผนการลงทุนของรัฐบาลในโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นระบบรถไฟฟ้า, การพัฒนารางคู่ จะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจในปีหน้า
นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง มีกำหนดเดินทางไปเข้าร่วมการประชุม รมต.คลังเอเชีย-ยุโรป (Asia-Europe Finance Ministers' Meeting : ASEM FinMM) ครั้งที่ 11 ในวันที่ 12 ก.ย.นี้ ณ นครมิลาน สาธารณรัฐอิตาลี โดยมี รมว.คลัง จากประเทศสมาชิกอาเซม ผู้แทนจากองค์กรระหว่างประเทศ ธนาคารกลางยุโรป คณะกรรมการยุโรป และสำนักเลขาธิการอาเซียนเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย
สำหรับ แนวคิดในการประชุมครั้งนี้คือ พันธมิตรใหม่ทางยุทธศาสตร์เพื่อสร้างเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่งคั่ง (A New Strategic Alliance to Create Sustainable and Profitable Growth) และจะมีการหารือใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ การพัฒนาทางเศรษฐกิจและการเงิน, ความเป็นหุ้นส่วนระหว่างยุโรปและเอเชียเพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโตและผลิตผล และอนาคตทางการค้าและการลงทุนระหว่างยุโรปและเอเชีย โดย รมว.คลัง จะใช้โอกาสนี้ให้ข้อมูลและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาคมโลกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและการเมืองของไทย ตลอดจนนำเสนอแนวนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลที่จะมุ่งพัฒนาประเทศในระยะต่อไป รวมถึงการกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนกับต่างประเทศ และการดำเนินการต่างๆ เพื่อมุ่งสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน