WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

อีโค+โฟกัส: สมหมาย ภาษี ครบเครื่องเรื่อง 'การคลัง'

   ไทยโพสต์ : เป็นรูปเป็นร่างชัดเจนแล้วสำหรับ "รัฐบาลประยุทธ์ #1" ที่ได้มือดีในหลายแวดวง โดยเฉพาะแวดวงทหารเข้ามาช่วยงานด้านการบริหารประเทศ ขณะที่ในภาคเศรษฐกิจ ก็มีการดึงมือดีที่คร่ำหวอดอยู่ และมีความรู้ความเชี่ยวชาญในแวดวงเศรษฐกิจเข้ามารับผิดชอบงานกันอย่างมากหน้าหลายตา

    โดยเฉพาะกระทรวงเศรษฐกิจสำคัญอย่าง "กระทรวงการคลัง" ที่ได้อดีตคนคุ้นเคยอย่าง "สมหมาย ภาษี" อดีต รมช.การคลัง ในยุครัฐบาลของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) มานั่งเป็น"รมว.การคลัง"

     "สมหมาย" ได้ชื่อว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ เติบโตมาภายใต้รั้วของกระทรวงการคลังอย่างแท้จริง โดยเคยทำงานในกองนโยบายเงินกู้ สังกัดสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ก่อนจะถูกยุบและแต่งตั้งขึ้นเป็นสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ในปัจจุบัน ทำให้ "สมหมาย" มีความรู้และเชี่ยวชาญด้านกระบวนการกู้เงินเป็นอย่างดี

   ก่อนที่จะถูกดันให้ขึ้นมารับตำแหน่ง "ผู้อำนวยการ สศค."  ในที่สุด หลังจากนั้นก็ถูกโยกย้ายให้มานั่งเป็น "รองปลัดกระทรวงการคลัง" ดูแลการทำงานของกรมภาษี และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐทั้งหมด วนเวียนอยู่ใน 2 ตำแหน่งนี้อยู่พักใหญ่  ก่อนจะเกษียณอายุราชการไปในตำแหน่ง "รองปลัดกระทรวงการคลัง"

    สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ ในช่วงที่ "สมหมาย" รับราชการอยู่นั้น ยังไม่เคยมีโอกาสได้นั่งเป็นอธิบดีกรมใดๆ เลย แต่กลับมีความรู้และเชี่ยวชาญด้านภาษีเป็นอย่างมาก แต่ด้วยความที่เป็นคนตรง ทำงานตรงไปตรงมา ไม่เล่นพรรคเล่นพวก ทำงานยึดหลักความถูกต้องเป็นหลัก ทำให้ไม่ค่อยเติบโตในอาชีพราชการเท่าใดนัก

    แต่ด้วยความรู้ความสามารถที่มี ทำให้เมื่อเกษียณออกไปเกือบ 10 ปี "ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล" รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีต รมว.การคลัง ยุครัฐบาล คมช. จึงดึงตัวเข้ามาช่วยงานในตำแหน่ง รมช.การคลังอีกครั้ง ซึ่งก็เช่นเดียวกับครั้งนี้

     "ได้ตอบรับมาดำรงตำแหน่ง รมว.การคลัง ตามคำเชิญของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างเร่งจัดทำแผนบริหารเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ได้มอบหมายให้จัดทำนโยบายการคลังหลังจากนี้ ซึ่งเบื้องต้นจะประกอบด้วยการปฏิรูปภาษี เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่ และไทยเองก็ไม่ได้มีการดำเนินการเรื่องนี้มานานแล้ว รวมถึงจะมีมาตรการดูแลเศรษฐกิจในด้านต่างๆ และนโยบายที่ต้องเน้นคือเรื่องการให้บริการประชาชนควบคู่กันไปด้วย"  สมหมายระบุ

    นโยบายหลักๆ ของ รมว.การคลัง คนใหม่นี้ คือการ "ปฏิรูปภาษี" ส่วนหนึ่งเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้เสียภาษี โดยเรื่องที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษคือการให้บริการประชาชนของกรมภาษี เพราะปกติแล้วกระทรวงการคลังมีงานที่ต้องให้บริการประชาชนไม่น้อยกว่า 50% ของงานทั้งหมดที่ทำอยู่ แต่ที่ผ่านมาประชาชนไม่ได้รับการบริการอย่างเต็มที่ และควรจะเป็น เพราะที่ผ่านมาประชาชนที่เข้ามารับบริการกับกรมภาษีส่วนใหญ่จะมีความหวาดกลัว จึงต้องเร่งปรังปรุงเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน

   "การปฏิรูปภาษีของประเทศทั้งระบบ เป็นเรื่องสำคัญ เพราะไม่ได้มีการดำเนินการเรื่องนี้มานานแล้ว ทำให้ระบบภาษีของไทยไม่เอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และไม่เป็นธรรมกับผู้เสียภาษี"

    การเข้ามารับหน้าที่สำคัญในมุมมองเศรษฐกิจของประเทศในครั้งนี้ นอกจากโจทย์สำคัญอย่าง "การปฏิรูปภาษี"  แล้ว ยังมีงานเร่งด่วนคือ "การฟื้นฟูเศรษฐกิจ" โดยการกระตุ้นตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ให้ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คาดการณ์ไว้

    ต้องยอมรับว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบนี้ "ไม่ใช่งานง่าย" แต่ก็คงไม่ยากเกินคนมีฝีมืออย่าง "สมหมาย" แน่นอน เพราะหากย้อนไปจะพบว่า เศรษฐกิจไทยได้รับแรงกดดันและได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อยาวนานมาตั้งแต่ปลายปี 2556 กว่าจะมายุติแบบปัจจุบันทันด่วนเมื่อ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ด้วยวิธีการที่เหนือความคาดหมายอย่าง "รัฐประหาร" ก็ตาม

    เศรษฐกิจไทยเสียเวลาในการเติบโตไปกว่า 7 เดือน ไม่แปลกหากจีดีพีในแต่ละไตรมาสจะขยายตัวในระดับติดลบ และในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 ตัวเลขเศรษฐกิจก็ทำได้ดีเพียงแค่ระดับติดลบ 0.4% เท่านั้น ด้วยเพราะความกังวลด้านปัญหาการเมืองที่เข้ามาบั่นทอนทุกภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจ ทั้งความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในประเทศ ที่สะท้อนอย่างชัดเจนจากตัวเลขการใช้จ่ายที่ติดลบอย่างต่อเนื่อง

    ความวิตกกังวลของภาคเอกชน จนเป็นเหตุให้ชะลอการลงทุน หรือบางรายรุนแรงถึงขั้นย้ายฐานการผลิตก็มี ขณะที่ภาครัฐในส่วนของการเบิกจ่ายงบประมาณ ที่กลายเป็นความหวังเดียวในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจก็ติดขัด จนเป็นเหตุให้เศรษฐกิจไทยหยุดการเติบโตไปชั่วคราว

    "สมหมาย" เตรียมความพร้อมกับการทำงานใหญ่ครั้งนี้ ด้วยการฟอร์มทีมงานเพื่อดูแลด้านนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมาเป็นอย่างดี

    โดยมีการดึง "สรร วิเทศพงษ์" อดีตข้าราชการกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในด้านเศรษฐกิจ เพราะเคยเป็นถึงรองผู้อำนวยการ สบน. และเคยปฏิบัติหน้าที่ในธนาคารโลก (World Bank) มานั่งแท่นเป็นเลขานุการ เพื่อช่วยกลั่นกรองนโยบายและมาตรการต่างๆ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา

     นอกจากนี้ ยังอาจมีการตั้งบุคคลจากภาคเอกชนที่มีความรู้ในด้านการเงิน ตลาดทุนเข้ามาเป็นที่ปรึกษาด้วย เพื่อช่วยให้คำแนะนำในการออกนโยบายและมาตรการบริหารด้านเศรษฐกิจ

     เมื่อถามถึงความจำเป็นที่จะต้องตั้ง "รมช.การคลัง" เข้ามาช่วงบริหารงานในครั้งนี้นั้น "สมหมาย" ระบุเพียงสั้นๆ ว่า  "อย่าไปพูดถึง รมช.การคลังเลย ผมทำงานไหว แต่ถ้าผมไม่ไหว ก็อยากให้สื่อมวลชนช่วยหามผมหน่อย"

     ทั้งนี้ "สมหมาย" จะเข้าทำงานที่ "กระทรวงการคลัง" อย่างเป็นทางการในสัปดาห์นี้ ก่อนจะรับหน้าที่เดินทางไปร่วมประชุมรัฐมนตรีคลังเอเชีย-ยุโรป (Asia-Europe Meeting-ASEM) ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี และตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจนว่า ไทยจะใช้เวทีนี้เป็นโอกาสในการชี้แจงและเรื่องความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติในด้านเศรษฐกิจกลับคืนมา และหลังจากนั้นเตรียมจะเดินทางไปร่วมประชุมกับธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งก็จะใช้เวทีดังกล่าวเป็นโอกาสในการเรียกความเชื่อมั่นด้วยเช่นกัน

    "สมหมาย" เปรยว่า ตั้งแต่ช่วงที่มีข่าวว่าตนเข้ามารับตำแหน่ง "รมว.การคลัง" ในยุคของรัฐบาลทหารครั้งนี้ อาจมีแรงกดดันจากหลายฝ่ายออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ได้หนักใจอะไร เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในคาดการณ์อยู่แล้ว แต่การเข้ามาทำงานครั้งนี้เป็นความตั้งใจ เพราะตั้งแต่ที่เกษียณออกไป ก็มอง "กระทรวงการคลัง" ในมุมมองของคนนอกตลอดมา และเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นภายในรั้วกระทรวงการคลังอย่างชัดเจน  และพร้อมที่จะนำประสบการณ์ที่เคยทำงานในที่ที่คุ้นเคยนี้ การรู้จักข้าราชการกระทรวงการคลังเป็นอย่างดี มาปรับใช้ ปรับแก้ในการบริหารงาน เพื่อทกให้กระทรวงการคลังดีขึ้น และมั่นคงขึ้นกว่าในปัจจุบัน

   "หลักปฏิบัติในการทำงานหลังจากนี้คือต้องคิดใหม่ โดยเฉพาะเรื่องการปฏิรูปภาษี ส่วนนโยบายของกระทรวงการคลังจะแถลงอย่างเป็นทางการอีกครั้งหลังจากนายกรัฐมนตรีมีการแถลงนโยบายกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยหลังจากนี้จะมีการหารือรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการและนโยบายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ครม.ชุดปัจจุบันอีกครั้งในการประชุม ครม. วันที่ 9 ก.ย.นี้" สมหมายระบุ

     อีกหนึ่งภารกิจหน้าที่ที่จะไม่เอ่ยถึงคงไม่ได้ นั่นคือ "การโยกย้ายข้าราชการกระทรวงการคลัง" ซึ่งเรื่องนี้จะมีการหารือกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร รองนายกรัฐมนตรี อีกครั้ง

     โดยการโยกย้ายในส่วนนี้จะเป็นไปตามฤดูกาล ไม่ได้มีกรณีพิเศษแต่อย่างใด เพราะจะมีข้าราชการที่ถึงกำหนดอายุเกษียณหลายตำแหน่ง จึงจำเป็นต้องหารือในรายละเอียดเพื่อพิจารณาตัดสินใจคัดสรรบุคคลที่เหมาะสมให้ขึ้นมาดำรงในตำแหน่งที่กำลังจะว่างลง

   ทั้งนี้ ตำแหน่งผู้บริหารกระทรวงการคลังที่ว่างอยู่ในขณะนี้ มีรองปลัดกระทรวงการคลัง 2 ตำแหน่ง, ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง 2 ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงาน สบน. ที่ปัจจุบันมี "จุฬารัตน์ สุธีธร" นั่งเก้าอี้ ผอ.สบน.อยู่  และกำลังจะเกษียณอายุราชการลงในช่วงเดือน ก.ย.นี้อีก 1 ตำแหน่ง

    อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเมื่อเห็นภาพที่ชัดเจนของ ครม.ชุดใหม่นี้ คงมีคำถามตามมาอีกมากถึงการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง โดยเฉพาะรัฐมนตรีทหาร ซึ่ง "สมหมาย" ระบุว่า การทำงานร่วมกันกับรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ภายใต้รัฐบาลปัจจุบัน มั่นใจแน่นอนว่าจะไม่มีปัญหา ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งที่ถือมือไว้ข้างหลังเพื่อแทง หรือทำร้ายกันแน่นอน มีแต่บุคคลที่มีความรู้ความสามารถและตั้งใจเข้ามาทำงานให้กับนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน และทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองทั้งนั้น

      หลังจากนี้ไป คงเป็นที่จับตามองกันอย่างมากสำหรับการบริหารกระทรวงการคลังภายใต้ฝีมือของ "สมหมาย ภาษี" เพราะมีงานสำคัญทั้งการปฏิรูปภาษี ปฏิรูปการทำงานของกระทรวงการคลัง ปฏิรูปคนคลัง ยกเครื่องเศรษฐกิจไทยที่ไม่ใช่เพียงการเติบโตแค่เพียงตัวเลขจีดีพีเท่านั้น แต่ต้องควบคู่ไปกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในยามที่นานาอารยะประเทศทั่วโลกกำลังขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือด

    ในแง่มุมเศรษฐกิจ มั่นใจได้ว่าฝีมือคนคลังอย่าง "สมหมาย ภาษี" ไม่น่าจะทำให้ผิดหวัง ด้วยองค์ประกอบด้านความรู้ความสามารถในเรื่องภาษี ความเชี่ยวชาญด้านการระดมทุน การก่อหนี้

    คงเป็นเครื่องการันตีได้ว่า "กระทรวงการคลัง" จะกลับมาเป็นหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างมีศักยภาพได้อีกครั้ง.

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!