- Details
- Category: กรมสรรพสามิต
- Published: Saturday, 09 May 2015 23:00
- Hits: 2338
สรรพสามิต ฟุ้งจัดเก็บทะลุเป้าภาษีน้ำมันหนุนต่อเนื่องเบียร์เหล้าบุหรี่ยอดตก
ไทยโพสต์ *สรรพสามิตฟุ้งยอดจัดเก็บเดือน เม.ย. เกินเป้าหมาย 3.6 พันล้านบาท ได้ภาษีน้ำมันหนุน 8.2 พันล้านบาท เปิดภาพ 7 เดือนรีดรายได้ 2.63 แสนล้านบาท ทะลุเป้าหมาย 1.47 หมื่นล้านบาท
แหล่งข่าวจากกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า การเก็บภาษีของกรมในเดือน เม.ย.2558 ซึ่งเป็นเดือนที่ 7 ของปีงบประมาณ 2558 ยังเกินเป้าหมาย 3.6 พันล้านบาท โดยการเก็บภาษีน้ำ มันเกินเป้าหมาย 8.2 พันล้านบาท หรือ 147% เนื่องจากการปรับเพิ่มขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม การเก็บภาษีรถยนต์ต่ำกว่าเป้าหมาย 400 ล้านบาท เป็นการต่ำกว่าเป้าหมายในระดับที่ลดลงมาก แสดงให้เห็นว่าการขายรถยนต์ฟื้นตัวขึ้น ขณะที่การเก็บภาษีเบียร์ต่ำกว่าเป้าหมาย 400 ล้าน บาท ภาษีสุราต่ำกว่าเป้าหมาย 1.6 พันล้านบาท และภาษีบุหรี่ต่ำกว่าเป้าหมาย 2.3 พันล้านบาท เนื่องจากมีการกักตุนไว้มากในเดือนก่อนเพื่อขายในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสง กรานต์ ทำให้มียอดสั่งสินค้าในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาลดลง
สำหรับ การเก็บภาษีสรรพ สามิตในช่วง 7 เดือนของปีงบ ประมาณ 2558 เก็บได้ 2.63 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 1.47 หมื่นล้านบาท หรือ 6% มาจากการเก็บภาษีน้ำมันเกินเป้าหมาย 2.79 หมื่นล้านบาท ภาษีรถยนต์ต่ำกว่าเป้าหมาย 1.21 หมื่นล้านบาท ภาษีเบียร์ต่ำกว่าเป้าหมาย 2.3 พันล้านบาท และภาษีสุราต่ำกว่าเป้าหมาย 1.2 พันล้านบาท ขณะที่ภาษีบุหรี่เก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย 2.3 พันล้านบาท
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า การเก็บภาษีในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ 2558 จะเกินเป้าหมายเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการเก็บภาษีรถยนต์เริ่มมีการฟื้นตัวชัดเจน คาดว่าในช่วงเวลาที่เหลือการเก็บภาษีรถยนต์จะได้ตามเป้าหมาย แม้ว่าภาพรวมทั้งปียังต่ำกว่าเป้าหมายก็ตาม ส่วนหนึ่งเนื่องจากมีรถยนต์รุ่นใหม่ออกมาให้ประชาชนเลือกซื้อรถใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งนี้ นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต ได้ตั้งเป้าหมายเก็บภาษีไว้ที่ 4.2 แสนล้านบาท แต่จากการปรับเพิ่มขึ้นของภาษีสรรพสามิตน้ำมัน คาดว่าจะทำให้เก็บภาษีได้ทั้งหมด 4.4 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2 หมื่นล้านบาท
ด้าน นางมัลลิกา ภูมิวาร ผู้เชี่ยวชาญภาษีและการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ที่ปรึกษาโบลลิเกอร์ แอนด์ คัมพานี กล่าวถึงโรดแม็พปฏิรูปภาษีของรัฐบาลที่ต้องชะงักลง เพราะเสียงค้านจากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ว่า รัฐบาลไม่ควรปล่อยให้เวลาเสียไป แต่ควรจะมุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจกับประชาชน และเร่งปฏิรูปแผนภาษีต่างๆ ที่ได้ประกาศไว้ โดยสามารถหยิบภาษีที่ไม่เพิ่ม ภาระแก่ภาคประชาชนและธุรกิจมาทำก่อน อาทิ การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต เพื่อป้องกันปัญหาการสำแดงราคาเท็จที่ส่งผลต่อภาษีสรรพสามิต
นางมัลลิกากล่าวอีกว่า การปฏิรูปโครงสร้างภาษีสรรพ สามิตสามารถทำได้เลย เนื่องจากมีการศึกษาและได้พูดคุยกับภาคเอกชน และผู้ประกอบการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทุกฝ่ายเห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างฐานภาษีจากการคิดราคาหน้าโรงงาน หรือราคาซีไอเอฟมาเป็นราคาขายปลีก เพื่อเพิ่มความโปร่งใส และป้องกันปัญหาผู้สำแดงราคานำเข้าเป็นเท็จหรือต่ำกว่าความเป็นจริง