- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Monday, 25 December 2017 13:08
- Hits: 1712
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งขึ้นรับแรงหนุน LTF-RMF พร้อมเก็ง Window Dressing-ลุ้นรัฐกระตุ้นท่องเที่ยว
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คงจะเงียบ ๆ ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส แต่คาดว่าน่าจะแกว่งตัวขึ้นได้ เนื่องจากได้แรงหนุนจากเม็ดเงินกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และยังน่าจะมีการแรงเก็งกำไรจากการทำ Window Dressing ด้วย
นอกจากนี้ วันพรุ่งนี้ก็จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งก็น่าจะมีเรื่องมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ๆ ในต่างจังหวัดที่ไม่ใช่เมืองหลัก ซึ่งก็น่าจะช่วยหนุนตลาดฯได้บ้าง
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย โดยวันนี้มีเพียงไม่กี่ตลาดฯที่เปิดทำการ ซึ่งส่วนใหญ่นักลงทุนจะเริ่มหยุดกันแล้วในช่วงเทศกาลคริสต์มาส
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย โดยวันนี้มีเพียงไม่กี่ตลาดฯที่เปิดทำการ ซึ่งส่วนใหญ่นักลงทุนจะเริ่มหยุดกันแล้วในช่วงเทศกาลคริสต์มาส
พร้อมให้แนวรับ 1,738-1,740 ถัดไป 1,735 จุด ส่วนแนวต้าน 1,745-1,750 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (22 ธ.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,754.06 จุด ลดลง 28.23 จุด (-0.11%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,683.34 จุด ลดลง 1.23 จุด (-0.05%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,959.96 จุด ลดลง 5.40 จุด (-0.08%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 6.65 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.85 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 9.37 จุด
ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกง ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ตลาดหุ้นมาเลเซีย ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันคริสต์มาส
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 ธ.ค.60) 1,742.08 จุด เพิ่มขึ้น 5.17 จุด (+0.30%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 771.71 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.61 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (22 ธ.ค.60) ปิดที่ระดับ 58.47 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 11 เซนต์ หรือ 0.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 ธ.ค.60) ที่ 6.88 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.73 แนวโน้มแกว่งแคบ วอลุ่มเบาบาง มองกรอบวันนี้ 32.70-32.80
- ตลาดรถจักรยานยนต์โตเกินคาด มั่นใจยอดรวมปีนี้ 1.8 ล้านคัน หลังตลาดแข่งดุ แห่เปิดตัวดันยอดพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน หันใช้รถรองรับไลฟ์สไตล์-หนีปัญหาจราจร เผยรถครอบครัวกลุ่มราคาต่ำสุด สัดส่วนเพิ่ม "ยามาฮ่า" เชื่อปีหน้าเติบโตชัด คาด 3-5 ปีไทยได้เห็นรถพลังงานไฟฟ้า หลังพัฒนาสเปคเทียบเท่ารถเครื่องยนต์ 125 ซีซี
- นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า หากมีการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำเป็น 360 บาท จะกดดันให้ธุรกิจเอสเอ็มอีทุกประเภทอยู่ยากขึ้น เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ไม่ได้ใช้เครื่องจักรกระจายอยู่ในทุกภาคอุตสาหกรรม ซึ่งอาจกดดันให้บางส่วนอาจต้องปิดกิจการลง
- ศาลปกครองได้มีคำสั่งไม่รับฟ้องสหภาพรัฐวิสาหกิจที่ยื่นฟ้องศาลให้กระทรวงการคลังยุติการดำเนินการตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย หรือไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ (TFF) วงเงิน 1 แสนล้านบาท ส่งผลให้คลังเดินหน้าเรื่องนี้ได้โดยไม่ต้องกังวลอีก
- รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เผยแผนงานของกระทรวงในปี 2561 จะเดินหน้าโครงการเน็ตประชารัฐที่ได้มีการติดตั้งโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเสร็จในวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว ครบจำนวน 2.47 หมื่นหมู่บ้าน โดยบริษัท ทีโอที ได้ทำระบบการให้บริการเน็ตประชารัฐแบบเปิด เพื่อให้ภาครัฐ ภาคเอกชน หรือรัฐวิสาหกิจ เข้ามาเชื่อมต่อให้บริการกับประชาชนได้
- รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการหาแนวทางแก้ปัญหาและลดผลกระทบต่อค่ายรถยนต์ในประเทศ ตามที่ประชุม ครม. ได้มอบหมายเพื่อกำหนดอัตราภาษีนำเข้าที่เหมาะสมสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (บีอีวี) ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน จากที่ไทยจะลดภาษีนำเข้าเป็น 0% ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.61
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (22 ธ.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,754.06 จุด ลดลง 28.23 จุด (-0.11%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,683.34 จุด ลดลง 1.23 จุด (-0.05%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,959.96 จุด ลดลง 5.40 จุด (-0.08%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 6.65 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.85 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 9.37 จุด
ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกง ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ตลาดหุ้นมาเลเซีย ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันคริสต์มาส
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 ธ.ค.60) 1,742.08 จุด เพิ่มขึ้น 5.17 จุด (+0.30%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 771.71 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.61 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (22 ธ.ค.60) ปิดที่ระดับ 58.47 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 11 เซนต์ หรือ 0.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 ธ.ค.60) ที่ 6.88 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.73 แนวโน้มแกว่งแคบ วอลุ่มเบาบาง มองกรอบวันนี้ 32.70-32.80
- ตลาดรถจักรยานยนต์โตเกินคาด มั่นใจยอดรวมปีนี้ 1.8 ล้านคัน หลังตลาดแข่งดุ แห่เปิดตัวดันยอดพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน หันใช้รถรองรับไลฟ์สไตล์-หนีปัญหาจราจร เผยรถครอบครัวกลุ่มราคาต่ำสุด สัดส่วนเพิ่ม "ยามาฮ่า" เชื่อปีหน้าเติบโตชัด คาด 3-5 ปีไทยได้เห็นรถพลังงานไฟฟ้า หลังพัฒนาสเปคเทียบเท่ารถเครื่องยนต์ 125 ซีซี
- นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า หากมีการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำเป็น 360 บาท จะกดดันให้ธุรกิจเอสเอ็มอีทุกประเภทอยู่ยากขึ้น เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ไม่ได้ใช้เครื่องจักรกระจายอยู่ในทุกภาคอุตสาหกรรม ซึ่งอาจกดดันให้บางส่วนอาจต้องปิดกิจการลง
- ศาลปกครองได้มีคำสั่งไม่รับฟ้องสหภาพรัฐวิสาหกิจที่ยื่นฟ้องศาลให้กระทรวงการคลังยุติการดำเนินการตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย หรือไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ (TFF) วงเงิน 1 แสนล้านบาท ส่งผลให้คลังเดินหน้าเรื่องนี้ได้โดยไม่ต้องกังวลอีก
- รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เผยแผนงานของกระทรวงในปี 2561 จะเดินหน้าโครงการเน็ตประชารัฐที่ได้มีการติดตั้งโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเสร็จในวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว ครบจำนวน 2.47 หมื่นหมู่บ้าน โดยบริษัท ทีโอที ได้ทำระบบการให้บริการเน็ตประชารัฐแบบเปิด เพื่อให้ภาครัฐ ภาคเอกชน หรือรัฐวิสาหกิจ เข้ามาเชื่อมต่อให้บริการกับประชาชนได้
- รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการหาแนวทางแก้ปัญหาและลดผลกระทบต่อค่ายรถยนต์ในประเทศ ตามที่ประชุม ครม. ได้มอบหมายเพื่อกำหนดอัตราภาษีนำเข้าที่เหมาะสมสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (บีอีวี) ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน จากที่ไทยจะลดภาษีนำเข้าเป็น 0% ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.61
*หุ้นเด่นวันนี้
- กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (ฟินันเซีย ไซรัส) คาดว่าการลงทุนภาครัฐฯจะเร่งตัวมากขึ้นในปี 61 จากชะลอในปี 60 โดยเฉพาะปลายปีที่เริ่มบังคับใช้ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฉบับใหม่ โดย Action Plan ของกระทรวงคมนาคมมีทั้งสิ้น 51 โครงการ 2.4 ล้านล้านบาท เป็นโครงการต่อเนื่อง 43 โครงการ และโครงการใหม่ 8 โครงการ เช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้และสายสีส้มตะวันตก,รถไฟทางคู่เฟส 2,ทางด่วนพระรม 3-ดาวคะนอง,รวมถึง EEC ส่วนปัญหาวัตถุดิบและแรงงานคาดว่าจะกดดันต้นทุนน้อยลง ทำให้ผลประกอบการของกลุ่มจะกลับมาโดดเด่น จึงให้น้ำหนักเป็น Overweight แนะนำ"ซื้อ"STEC (เป้า 31.80 บาท) จากงานในมือที่สูงและฐานะการเงินแข็งแกร่งสุดในกลุ่ม และ SEAFCO (เป้า 10.10 บาท) ในฐานะผู้นำตลาดฐานราก
- JWD (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 14 บาท รวมประโยชน์จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน AIMIRT และการลงทุนใหม่ในอินโดนีเซียเข้าไปในประมาณการ รวมถึงมองเชิงบวกมากขึ้นต่อธุรกิจขนส่ง จากผลตอบแทนมากกว่า 15% (รวมปันผล)จากราคาปิดล่าสุด ในแผนการขยายงานในธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตสูงอย่างโลจิสติก โดยในปี 61 มีแผนขยายไปเวียดนามเป็นประเทศที่ 6 ในอาเซียนจากแผนที่จะขยายเป็น 9 ประเทศในอาเซียน (ยกเว้นบรูไน) ภายในปี 63 ทั้งนี้กำไรที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากกำไรพิเศษของการขายสินทรัพย์ในไตรมาส 4/2560 จะเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาในระยะสั้นที่สำคัญ
- PTT (ไอร่า) เป้า 496 บาท คาดปี 60 กำไรสุทธิ +17% อยู่ที่ 110,492 ล้านบาท ผลการดำเนินงานของ PTT มีความมั่นคง จากธุรกิจท่อส่งก๊าซ, โรงแยกก๊าซ และสถานีบริการน้ำมันเป็นหลัก นอกจากนี้ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทในเครือ เช่น PTTGC, PTTEP, TOP, IRPC และ GPSC เป็นต้น ซึ่งผลการดำเนินงานยังมีการเติบโตที่ดี คาดปี’60 มีกำไรสุทธิ 110,492 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% yoy หลักๆ มาจากผลการดำเนินงานของธุรกิจก๊าซที่เติบโตดี และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทในเครือที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีโอกาสเติบโตจากการนำ PTTOR ซึ่งประกอบธุรกิจน้ำมันและการค้าปลีก เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เบื้องต้นคาดสามารถนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในปี 61
- JWD (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 14 บาท รวมประโยชน์จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน AIMIRT และการลงทุนใหม่ในอินโดนีเซียเข้าไปในประมาณการ รวมถึงมองเชิงบวกมากขึ้นต่อธุรกิจขนส่ง จากผลตอบแทนมากกว่า 15% (รวมปันผล)จากราคาปิดล่าสุด ในแผนการขยายงานในธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตสูงอย่างโลจิสติก โดยในปี 61 มีแผนขยายไปเวียดนามเป็นประเทศที่ 6 ในอาเซียนจากแผนที่จะขยายเป็น 9 ประเทศในอาเซียน (ยกเว้นบรูไน) ภายในปี 63 ทั้งนี้กำไรที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากกำไรพิเศษของการขายสินทรัพย์ในไตรมาส 4/2560 จะเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาในระยะสั้นที่สำคัญ
- PTT (ไอร่า) เป้า 496 บาท คาดปี 60 กำไรสุทธิ +17% อยู่ที่ 110,492 ล้านบาท ผลการดำเนินงานของ PTT มีความมั่นคง จากธุรกิจท่อส่งก๊าซ, โรงแยกก๊าซ และสถานีบริการน้ำมันเป็นหลัก นอกจากนี้ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทในเครือ เช่น PTTGC, PTTEP, TOP, IRPC และ GPSC เป็นต้น ซึ่งผลการดำเนินงานยังมีการเติบโตที่ดี คาดปี’60 มีกำไรสุทธิ 110,492 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% yoy หลักๆ มาจากผลการดำเนินงานของธุรกิจก๊าซที่เติบโตดี และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทในเครือที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีโอกาสเติบโตจากการนำ PTTOR ซึ่งประกอบธุรกิจน้ำมันและการค้าปลีก เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เบื้องต้นคาดสามารถนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในปี 61
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าส่วนใหญ่อ่อนตัว ขณะการซื้อขายเบาบางในวันคริสต์มาส
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ส่วนใหญ่อ่อนตัวลง ในขณะที่ตลาดหุ้นในเอเชียปิดทำการหลายตลาดเนื่องในวันคริสต์มาส ส่งผลให้ปริมาณและบรรยากาศการซื้อขายวันนี้เบาบาง
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 22,887.89 จุด ลดลง 14.87 จุด, -0.06% ขณะที่ตลาดหุ้นฮ่องกง สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย อินเดีย ปิดทำการวันนี้ (25 ธ.ค.) เนื่องในวันคริสต์มาส
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยในวันนี้ กระทรวงการคลังจีนรายงานว่า กำไรของรัฐวิสาหกิจจีน (SOE) ยังคงขยายตัวในอัตราเลขสองหลักในระหว่างเดือนม.ค.-พ.ย.
รายงานระบุว่า กำไรของ SOE เพิ่มขึ้น 23.5% เทียบรายปี สู่ระดับ 2.6 ล้านล้านหยวน (ราว 3.956 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งชะลอตัวลงจากการขยายตัว 24.6% ในช่วง 10 เดือนแรก และ 24.9% ใน 9 เดือนแรก แต่สูงกว่าระดับ 21.7% ใน 8 เดือนแรก
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 11.32 จุด เหตุเงินปอนด์แข็งค่ารับข้อมูล GDP อังกฤษ
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) จากแรงกดดันของสกุลเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษได้เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ซึ่งขยายตัว 0.3% ในไตรมาส 3
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 11.32 จุด หรือ -0.15% ปิดที่ 7,592.66 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ หุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์และการเงินปรับตัวลง ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและสาธารณูปโภคปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยบรรยากาศตลาดในภาพรวมถูกกดดันจากสกุลเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้น โดยค่าเงินปอนด์พุ่งแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 1.3398 ดอลลาร์ ภายหลังจากที่สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษได้เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายของ GDP สหราชอาณาจักรประจำไตรมาส 3 ซึ่งขยายตัว 0.3% พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจอังกฤษในปีนี้เป็น 1.7% จากระดับ 1.5% ในรายงานประมาณการก่อนหน้านี้
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ โดยหุ้นริโอ ทินโต ลดลง 0.7% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ขยับลง 0.4% และหุ้นเกลนคอร์ ลดลง 0.2% อย่างไรก็ตาม หุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส ผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ ขยับขึ้น 0.4%
หุ้นกลุ่มค้าปลีกที่น่าจับตา หุ้นคิงฟิชเชอร์ เพิ่มขึ้น 0.5% และหุ้นเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป ผู้ผลิตสินค้าหรู ขยับขึ้น 0.3%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ วิตกการเมืองสเปน
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) จากปัจจัยการเมืองในสเปน หลังพรรคการเมืองที่สนับสนุนให้แคว้นกาตาลุญญาแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปน ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งท้องถิ่นแคว้นกาตาลุญญา ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าสเปนจะกลับมาเผชิญวิกฤตทางการเมืองอีกครั้ง ซึ่งจะบั่นทอนเสถียรภาพของยุโรปด้วย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง -0.41 หรือ -0.10% ปิดที่ 390.28 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,364.72 จุด ลดลง 21.25 จุด หรือ -0.39% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,072.79 จุด ลดลง 36.95 จุด หรือ -0.28% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,592.66 จุด ลดลง 11.32 จุด หรือ -0.15%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนลบจากแรงกดดันของสถานการณ์การเมืองในสเปน หลังพรรคการเมืองที่หนุนให้แคว้นกาตาลุญญาแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปน ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งท้องถิ่นและกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาได้สำเร็จ ซึ่งทำให้เกิดความตึงเครียดในสเปนขึ้นอีกครั้ง โดยดัชนี IBEX 35 ตลาดหุ้นสเปน ดิ่งลง 1.2% ปิดที่ระดับ 10,182 จุด ซึ่งถือเป็นการร่วงลงมากที่สุดในรอบหนึ่งวันนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนต.ค.ที่ผ่านมา
หุ้นกลุ่มธนาคารสเปนที่น่าจับตา หุ้นบังโก เดอ ซาบาเดล ดิ่งลง 3.4% และหุ้นบังโก ซานตานเดร์ ร่วงลง 2.2%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรปที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ ฝรั่งเศสเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 โดยเพิ่มขึ้น 0.6% สูงกว่าระดับ 0.5% ในรายงานประมาณการครั้งก่อน
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 28.23 จุด นลท.ชะลอซื้อขายก่อนวันหยุดคริสต์มาส
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบเมื่อวันศุกร์ (22 ธ.ค.) ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนถึงวันหยุดเทศกาลคริสต์มาสในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,754.06 จุด ลดลง 28.23 จุด หรือ -0.11% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,959.96 จุด ลดลง 5.40 จุด หรือ -0.08% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,683.34 จุด ลดลง 1.23 จุด หรือ -0.05%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์เป็นไปอย่างเงียบเหงา ด้วยปริมาณการซื้อขายต่ำสุดเป็นอันดับ 2 ในรอบปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการเทรดก่อนวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลคริสต์มาส
ส่วนภาพรวมในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 0.4% ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.4% โดยเป็นการปรับตัวขึ้น 5 สัปดาห์ติดต่อกันของทั้งดาวโจนส์และ S&P 500
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐได้แรงหนุนจากความสำเร็จในการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูประบบภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และพรรครีพับลิกัน หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบต่อร่างกฎหมายดังกล่าวด้วยคะแนนเสียง 224 ต่อ 201 เสียง และวุฒิสภาลงมติอนุมัติด้วยคะแนนเสียง 51 ต่อ 48 เสียง โดยเมื่อวานนี้ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามรับรองเพื่อบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวอย่างเป็นทางการในเดือนม.ค.ปีหน้า
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนพ.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนต.ค.
ขณะที่การใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนพ.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.5% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค.
หากมีการปรับค่าตามเงินเฟ้อ การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ย. หลังจากทรงตัวในเดือนต.ค.
ส่วนรายได้ส่วนบุคคลของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค.
ขณะที่ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนพ.ย. หลังจากลดลง 0.4% ในเดือนต.ค.
และยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐพุ่งขึ้นสวนทางคาดการณ์ในเดือนพ.ย. โดยดีดตัวขึ้น 17.5% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 733,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2550 หลังจากแตะระดับ 624,000 ยูนิตในเดือนต.ค.
หุ้นจดทะเบียนรายใหญ่ที่น่าจับตา หุ้นไนกี้ อิงค์ ร่วงลง 2.3% หลังแบรนด์อุปกรณ์กีฬาชั้นนำของโลกรายนี้เปิดเผยรายงานยอดขายผลิตภัณฑ์ในอเมริกาเหนือที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ถึงแม้บริษัทจะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ของปีงบการเงินปัจจุบันที่ระดับ 767 ล้านดอลลาร์ หรือ 46 เซนต์/หุ้น ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาดก็ตาม
หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ขยับลง 0.2% หลังเอริก ชมิดต์ อดีตซีอีโอของกูเกิล เปิดเผยว่าเขาเตรียมจะก้าวลงจากเก้าอี้ประธานบริหารของบริษัทอัลฟาเบทในเดือนม.ค.ปีหน้า
--อินโฟเควสท์
OO3954