- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Tuesday, 19 December 2017 13:51
- Hits: 2187
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นตามภูมิภาค จากเก็งมาตรการภาษีของสหรัฐฯ,
ต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องหนุน
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกราว 0.1-0.5% จากการเก็งมาตรการภาษีของสหรัฐฯที่คาดว่าจะผ่านได้ทั้งสองสภาในสัปดาห์นี้
ต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องหนุน
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกราว 0.1-0.5% จากการเก็งมาตรการภาษีของสหรัฐฯที่คาดว่าจะผ่านได้ทั้งสองสภาในสัปดาห์นี้
ส่วนบ้านเราได้ Fund Flow ที่เป็นบวกมากขึ้น จากเม็ดเงินของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) แล้วยังได้แรงซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามา 2 วันติดต่อกัน นอกจากนี้วันนี้ให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่จะมีการพิจารณาหลายมาตรการ ซึ่งก็จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ โดยหลัก ๆ เกี่ยวกับกำลังซื้อในประเทศ
พร้อมให้แนวรับ 1,720 ถัดไป 1,715-1,716 จุด ส่วนแนวต้าน 1,730-1,750 จุด
พร้อมให้แนวรับ 1,720 ถัดไป 1,715-1,716 จุด ส่วนแนวต้าน 1,730-1,750 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (18 ธ.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,792.20 จุด พุ่งขึ้น 140.46 จุด (+0.57%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,690.16 จุด เพิ่มขึ้น 14.35 จุด (+0.54%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,994.76 จุด เพิ่มขึ้น 58.18 จุด (+0.84%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 59.70 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.90 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิด เพิ่มขึ้น 143.33 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 1.81 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.95 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 7.19 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 7.91 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ธ.ค.60) 1,723.71 จุด เพิ่มขึ้น 6.02 จุด (+0.35%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 409.14 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.61 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (18 ธ.ค.60) ปิดที่ระดับ 57.16 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ธ.ค.60) ที่ 6.87 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.70/74 แนวโน้มอ่อนค่า มองกรอบ 32.60-32.80 ตลาดจับตาประชุมกนง.พรุ่งนี้
- บอร์ดบีโอไอขยายสิทธิประโยชน์ภาษี ยืดมาตรการเพิ่มขีดความสามารถเอสเอ็มอี อีก 2 ปี สิ้นสุด ปี 2562 เพิ่มประเภทกิจการกว่า 100 ประเภทจากเดิม 40 ประเภท คาดมีเอสเอ็มอีเข้าร่วมโครงการเพิ่ม 30-40%
- นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เปิดเผยว่า ภาพรวมการเดินทางผ่านบริษัททัวร์ช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค. 2560-2 ม.ค. 2561 ลดลง 50-60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากคนไทยไม่เชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงบริษัทเอกชนที่นิยมตอบแทนพนักงานด้วยการพาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศช่วงปลายปี ส่วนใหญ่ได้ยกเลิกวางแผนการเดินทางเพราะมีผลประกอบการที่ไม่ดี
- "สภาธุรกิจ ตลาดทุนไทย" เผยความคืบหน้า แผนพัฒนาตลาดทุนล่าช้ากว่ากำหนด ยอมรับเกิดปัญหาด้านกฎหมาย หวังภาครัฐช่วยเร่งผลักดัน ด้านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคบังคับ เตรียมเข้าสนช.พิจารณา ขณะที่ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนรอบนี้ลดลงครั้งแรกรอบ 5 เดือน
- ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เผยเศรษฐกิจปี 2561 มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นที่ระดับ 3-4% และคาดว่าสินเชื่อของธนาคารจะขยายตัว 5-10% ตั้งเป้าสินเชื่อใหม่รายย่อยรวม 3.9-4.0 หมื่นล้านบาท หรือโต 10-20% อย่างไรก็ตาม สินเชื่อบุคคลและบัตรเครดิต 1 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะเติบโตในอัตราชะลอลงเพราะหนี้ครัวเรือนยังอยู่ระดับสูง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการจำกัดการขอสินเชื่อของผู้มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาท/เดือน
- เตรียมชง ครม.เดินหน้า "โครงการบ้านคนไทย" อุ้มผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง นำร่อง 8 จังหวัด 2,600 ยูนิต ขีดเส้นราคาอยู่ที่ 350,000-450,000 บาทต่อหลัง พร้อมประกาศราคาประเมินที่ดินปี 2561 แจงในเมืองหลวง "สีลม" ยังแชมป์ ตารางวาละ 1 ล้านบาท
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (18 ธ.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,792.20 จุด พุ่งขึ้น 140.46 จุด (+0.57%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,690.16 จุด เพิ่มขึ้น 14.35 จุด (+0.54%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,994.76 จุด เพิ่มขึ้น 58.18 จุด (+0.84%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 59.70 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.90 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิด เพิ่มขึ้น 143.33 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 1.81 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.95 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 7.19 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 7.91 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ธ.ค.60) 1,723.71 จุด เพิ่มขึ้น 6.02 จุด (+0.35%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 409.14 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.61 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (18 ธ.ค.60) ปิดที่ระดับ 57.16 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ธ.ค.60) ที่ 6.87 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.70/74 แนวโน้มอ่อนค่า มองกรอบ 32.60-32.80 ตลาดจับตาประชุมกนง.พรุ่งนี้
- บอร์ดบีโอไอขยายสิทธิประโยชน์ภาษี ยืดมาตรการเพิ่มขีดความสามารถเอสเอ็มอี อีก 2 ปี สิ้นสุด ปี 2562 เพิ่มประเภทกิจการกว่า 100 ประเภทจากเดิม 40 ประเภท คาดมีเอสเอ็มอีเข้าร่วมโครงการเพิ่ม 30-40%
- นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เปิดเผยว่า ภาพรวมการเดินทางผ่านบริษัททัวร์ช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค. 2560-2 ม.ค. 2561 ลดลง 50-60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากคนไทยไม่เชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงบริษัทเอกชนที่นิยมตอบแทนพนักงานด้วยการพาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศช่วงปลายปี ส่วนใหญ่ได้ยกเลิกวางแผนการเดินทางเพราะมีผลประกอบการที่ไม่ดี
- "สภาธุรกิจ ตลาดทุนไทย" เผยความคืบหน้า แผนพัฒนาตลาดทุนล่าช้ากว่ากำหนด ยอมรับเกิดปัญหาด้านกฎหมาย หวังภาครัฐช่วยเร่งผลักดัน ด้านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคบังคับ เตรียมเข้าสนช.พิจารณา ขณะที่ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนรอบนี้ลดลงครั้งแรกรอบ 5 เดือน
- ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เผยเศรษฐกิจปี 2561 มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นที่ระดับ 3-4% และคาดว่าสินเชื่อของธนาคารจะขยายตัว 5-10% ตั้งเป้าสินเชื่อใหม่รายย่อยรวม 3.9-4.0 หมื่นล้านบาท หรือโต 10-20% อย่างไรก็ตาม สินเชื่อบุคคลและบัตรเครดิต 1 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะเติบโตในอัตราชะลอลงเพราะหนี้ครัวเรือนยังอยู่ระดับสูง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการจำกัดการขอสินเชื่อของผู้มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาท/เดือน
- เตรียมชง ครม.เดินหน้า "โครงการบ้านคนไทย" อุ้มผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง นำร่อง 8 จังหวัด 2,600 ยูนิต ขีดเส้นราคาอยู่ที่ 350,000-450,000 บาทต่อหลัง พร้อมประกาศราคาประเมินที่ดินปี 2561 แจงในเมืองหลวง "สีลม" ยังแชมป์ ตารางวาละ 1 ล้านบาท
*หุ้นเด่นวันนี้
- TOA (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 35 บาท CEO บริษัทได้ชี้แจงกับทางตัวแทนขายของบริษัทถึงการปรับขึ้นราคาขายในปี 2561 ที่ 5-8% เพื่อสะท้อนต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของไทเทเนียมไดออกไซด์ และต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน ซึ่งกลุ่มตัวแทนขายได้รับรู้และเข้าใจในประเด็นดังกล่าว นอกจากนี้ทางผู้บริหารยังได้คาดการณ์ถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของอุปสงค์สีทาอาคาร และสารเคลือบผิวในประเทศว่าจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร็งในไตรมาส 4/60 ต่อเนื่องไปยังปี 61 จากผลกระทบจากฤดูฝนที่ยาวนานกว่าปกติในไตรมาส 3/60 เบาบางลง ประกอบกับอุปสงค์ที่สะสมมาจากช่วงการไว้อาลัยของประเทศ รวมถึงได้เปิดเผยถึงแผนการสร้างโรงงานการผลิตที่กัมพูชาจากเดิมที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 61 เป็นคาดการณ์ว่าจะเล้วเสร็จในปี 62 อย่างไรก็ตามยังคงมองเชิงบวกต่อ TOA จากทั้งการปรับขึ้นราคาขาย และแนวโน้มการขยายตัวของอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศ
- MINT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 48 บาท เข้าลงทุนในกิจการ Corbin & King (ดำเนินธุรกิจร้านอาหารและบริหารโรงแรมในลอนดอน) ในสัดส่วน 74% โดยใช้เงินลงทุน 2,547 ล้านบาท (58 ล้านปอนด์) หากอิงจากข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต ณ ปี 2559 Corbin & King ยังมีผลขาดทุนราว 400 ล้านบาท (9.4 ล้านปอนด์) ทำให้ประมาณการกำไรปี 2561 ที่คาดโต 15.1% มี Downside ราว 5% อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจากความเชี่ยวชาญในธุรกิจโรงแรมและอาหารของ MINT จะช่วยทำให้ผลการดำเนินงานสามารถ Turnaround ได้ในอนาคต ขณะที่ราคาซื้อคิดเป็น EV/EBITDA ราว 10 เท่า (EBITDA ปี 2559 อยู่ที่ 5.6 ล้านปอนด์) ซึ่งถือว่าไม่สูง
- AP (ไอร่า) เป้า 10.20 บาท คาดผลประกอบการ Q4/60 จะเป็นไตรมาสที่เติบโตสูงสุดในรอบปี จาก (1) โครงการแนวราบ ที่มี Backlog พร้อมโอน ประมาณ 5,162 ล้านบาท และ (2) โครงการคอนโดมิเนียม ที่รอส่งมอบใหม่ อีก 3 โครงการ มูลค่ารวม 8,400 ล้านบาท ซึ่งมียอดขายเฉลี่ยรวม 80% พร้อมคาดผลการดำเนินงานในปี 60 มีกำไรสุทธิ 3,087 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% ขณะที่ปี 61 คาด AP เติบโตดีต่อเนื่อง คาดกำไรสุทธิ 3,507 ล้านบาท เติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ประมาณ 14% หลังโครงการ JV ขนาดใหญ่ รอส่งมอบอยู่ 3 โครงการ และแผนการเปิดโครงการแนวราบเชิงรุกในปี 61 ของ AP เอง ทำให้คาดรายได้ 22,876 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6%
- MINT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 48 บาท เข้าลงทุนในกิจการ Corbin & King (ดำเนินธุรกิจร้านอาหารและบริหารโรงแรมในลอนดอน) ในสัดส่วน 74% โดยใช้เงินลงทุน 2,547 ล้านบาท (58 ล้านปอนด์) หากอิงจากข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต ณ ปี 2559 Corbin & King ยังมีผลขาดทุนราว 400 ล้านบาท (9.4 ล้านปอนด์) ทำให้ประมาณการกำไรปี 2561 ที่คาดโต 15.1% มี Downside ราว 5% อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจากความเชี่ยวชาญในธุรกิจโรงแรมและอาหารของ MINT จะช่วยทำให้ผลการดำเนินงานสามารถ Turnaround ได้ในอนาคต ขณะที่ราคาซื้อคิดเป็น EV/EBITDA ราว 10 เท่า (EBITDA ปี 2559 อยู่ที่ 5.6 ล้านปอนด์) ซึ่งถือว่าไม่สูง
- AP (ไอร่า) เป้า 10.20 บาท คาดผลประกอบการ Q4/60 จะเป็นไตรมาสที่เติบโตสูงสุดในรอบปี จาก (1) โครงการแนวราบ ที่มี Backlog พร้อมโอน ประมาณ 5,162 ล้านบาท และ (2) โครงการคอนโดมิเนียม ที่รอส่งมอบใหม่ อีก 3 โครงการ มูลค่ารวม 8,400 ล้านบาท ซึ่งมียอดขายเฉลี่ยรวม 80% พร้อมคาดผลการดำเนินงานในปี 60 มีกำไรสุทธิ 3,087 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% ขณะที่ปี 61 คาด AP เติบโตดีต่อเนื่อง คาดกำไรสุทธิ 3,507 ล้านบาท เติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ประมาณ 14% หลังโครงการ JV ขนาดใหญ่ รอส่งมอบอยู่ 3 โครงการ และแผนการเปิดโครงการแนวราบเชิงรุกในปี 61 ของ AP เอง ทำให้คาดรายได้ 22,876 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6%
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น ขานรับคาดการณ์ร่างกม.ภาษีสหรัฐ
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนต่างมีมุมมองที่เป็นบวกเกี่ยวกับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐที่คาดว่า จะผ่านการอนุมัติจากทั้ง 2 สภาภายในสัปดาห์นี้
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 29,291.07 จุด เพิ่มขึ้น 240.66 จุด, +0.83% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 22,910.79 จุด เพิ่มขึ้น 9.02 จุด, +0.04% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,740.19 จุด ลดลง 11.45 จุด, -0.65%
นายจอห์น คอร์นิน แกนนำพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาสหรัฐ กล่าวว่า เขามีความเชื่อมั่นว่าวุฒิสภาจะให้การอนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีขั้นสุดท้ายในการลงมติซึ่งอาจจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้
ทางด้านนายเควิน แบรดี้ ประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาวิธีการจัดหารายได้ของสภาผู้แทนราษฎร และเป็นผู้นำในการร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า เขาเชื่อว่าพรรครีพับลิกันมีคะแนนเสียงในมือที่จะผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับดังกล่าว
'ผมคิดว่าเราจะได้ชัยชนะครั้งใหญ่ในวันอังคารนี้' นายแบรดี้กล่าว
สำหรับความเคลื่อนไหวในวันนี้นั้น ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปี 2560 ขึ้นสู่ระดับ 6.8% จากระดับ 6.7% โดยพิจารณาจากรายได้ภาคครัวเรือนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และอุปสงค์ในต่างประเทศที่ฟื้นตัวขึ้น
ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริง (Real GDP) ของญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัว 1.8% ในปีงบประมาณ 2561 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วขึ้นมากเมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ที่ 1.4% เมื่อเดือนก.ค. เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศแข็งแกร่ง ท่ามกลางสถานการณ์รายได้และตลาดแรงงานที่ปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างจับตาการเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างของสหรัฐเดือนพ.ย.ในวันนี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 46.44 จุด รับความหวังสภาคองเกรสสหรัฐผ่านร่างกม.ปฏิรูปภาษีสัปดาห์นี้
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (18 ธ.ค.) ขานรับความหวังที่ว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีขั้นสุดท้ายในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะส่งต่อไปให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามรับรองเป็นกฎหมายก่อนวันคริสต์มาส
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 46.44 จุด หรือ +0.62% ปิดที่ 7,537.01 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ได้รับปัจจัยหนุนหลังจากที่นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ท้ายที่สุดแล้ว ร่างกฎหมายปฏิรูประบบภาษีที่ผลักดันโดยสมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภานั้น จะสามารถผ่านความเห็นชอบในสภาคองเกรส และส่งต่อให้ประธานาธิบดีทรัมป์ ลงนามเป็นกฎหมายภายในสัปดาห์นี้ เนื่องจากนายบ็อบ คอร์เกอร์ และมาร์โค รูบิโอ วุฒิสมาชิกรีพับลิกันจากเทนเนสซีและฟลอริดาซึ่งมีท่าทีไม่เห็นด้วยกับแผนปฏิรูปภาษีก่อนหน้านี้ ได้ออกมายืนยันว่า พวกเขาจะโหวตสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว
การประสานเสียงสนับสนุนของคอร์เกอร์และรูบิโอ จะทำให้รีพับลิกันสามารถรวบรวมคะแนนเสียงได้เพียงพอต่อการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวในวุฒิสภาด้วยคะแนนเสียงอย่างน้อย 52-48 คะแนน ในกรณีที่พรรคเดโมแครตออกเสียงคัดค้านทั้งหมด
นักลงทุนยังจับตาสถานการณ์การเมืองในอังกฤษ หลังนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ แห่งสหราชอาณาจักร ได้ประชุมหารือกับสมาชิกรัฐสภาเกี่ยวกับกระบวนการ Brexit หลังจากนี้ หลังจากที่ผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ได้เห็นพ้องที่จะเดินหน้าการเจรจา Brexit สู่ขั้นตอนที่ 2 โดยนายกฯเมย์ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า สหราชอาณาจักรจะสามารถบรรลุข้อตกลงด้านการค้ากับ EU ด้วยเงื่อนไขตามที่อังกฤษต้องการอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่ามิเชล บาร์นิเยร์ หัวหน้าคณะเจรจาฝ่าย EU จะยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นขานรับความหวังที่ว่า สหรัฐจะสามารถออกกฎหมายปฏิรูปภาษีได้สำเร็จ โดยหุ้นเอชเอสบีซี ขยับขึ้น 0.6% หุ้นบาร์เคลย์ส พุ่งขึ้น 1.1% และหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ขยับขึ้น 0.5%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดพุ่ง นลท.เชื่อมั่นสภาคองเกรสสหรัฐไฟเขียวร่างกม.ปฏิรูปภาษี
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (18 ธ.ค.) โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดในแดนบวกเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ ขานรับความเชื่อมั่นที่ว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีขั้นสุดท้ายในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะส่งต่อไปให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามรับรองเป็นกฎหมายก่อนวันคริสต์มาส
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.2% ปิดที่ 392.66 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,312.30 จุด พุ่งขึ้น 208.74 จุด หรือ +1.59% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,420.58 จุด เพิ่มขึ้น 71.28 จุด หรือ +1.33% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,537.01 จุด เพิ่มขึ้น 46.44 จุด หรือ +0.62%
หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้น จากความหวังที่ว่ามาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐจะเป็นปัจจัยหนุนภาคการเงินให้แข็งแกร่งขึ้น โดยหุ้นเอชเอสบีซี ขยับขึ้น 0.6% หุ้นบาร์เคลย์ส พุ่งขึ้น 1.1% และหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ขยับขึ้น 0.5%
นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ท้ายที่สุดแล้ว ร่างกฎหมายปฏิรูประบบภาษีที่ผลักดันโดยสมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภานั้น จะสามารถผ่านความเห็นชอบในสภาคองเกรส และส่งต่อให้ประธานาธิบดีทรัมป์ ลงนามเป็นกฎหมายภายในสัปดาห์นี้ เนื่องจากนายบ็อบ คอร์เกอร์ และมาร์โค รูบิโอ วุฒิสมาชิกรีพับลิกันจากเทนเนสซีและฟลอริดาซึ่งมีท่าทีไม่เห็นด้วยกับแผนปฏิรูปภาษีก่อนหน้านี้ ได้ออกมายืนยันว่า พวกเขาจะโหวตสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว
การประสานเสียงสนับสนุนของคอร์เกอร์และรูบิโอ จะทำให้รีพับลิกันสามารถรวบรวมคะแนนเสียงได้เพียงพอต่อการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวในวุฒิสภาด้วยคะแนนเสียงอย่างน้อย 52-48 คะแนน ในกรณีที่พรรคเดโมแครตออกเสียงคัดค้านทั้งหมด
นักลงทุนจับตาสถานการณ์การเมืองในอังกฤษ หลังนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ แห่งสหราชอาณาจักร ได้ประชุมหารือกับสมาชิกรัฐสภาเกี่ยวกับกระบวนการ Brexit หลังจากนี้ หลังจากที่ผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ได้เห็นพ้องที่จะเดินหน้าการเจรจา Brexit สู่ขั้นตอนที่ 2 โดยนายกฯเมย์ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า สหราชอาณาจักรจะสามารถบรรลุข้อตกลงด้านการค้ากับ EU ด้วยเงื่อนไขตามที่อังกฤษต้องการอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่ามิเชล บาร์นิเยร์ หัวหน้าคณะเจรจาฝ่าย EU จะยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 140.46 จุด รับความหวังสภาคองเกรสไฟเขียวร่างกม.ปฏิรูปภาษีสัปดาห์นี้
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 ธ.ค.) โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดทำนิวไฮ ขานรับความหวังที่ว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีขั้นสุดท้ายในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะส่งต่อไปให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามรับรองเป็นกฎหมายก่อนวันคริสต์มาส นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้สร้างบ้านของสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 18 ปี ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2560 ของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,792.20 จุด พุ่งขึ้น 140.46 จุด หรือ +0.57% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,690.16 จุด เพิ่มขึ้น 14.35 จุด หรือ +0.54% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,994.76 จุด เพิ่มขึ้น 58.18 จุด หรือ +0.84%
ดัชนีดาวโจนส์, Nasdaq และ S&P500 ปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮในวันเดียวกันอีกครั้ง เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกเกี่ยวกับการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐ โดยนายจอห์น คอร์นิน แกนนำพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาสหรัฐ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า วุฒิสภาจะให้การอนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีขั้นสุดท้ายในการลงมติซึ่งอาจจะมีขึ้นในวันนี้ ขณะที่นายเควิน แบรดี้ ประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาวิธีการจัดหารายได้ของสภาผู้แทนราษฎร และเป็นผู้นำในการร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า เขาเชื่อว่าพรรครีพับลิกันมีคะแนนเสียงในมือที่จะผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับดังกล่าว
ทั้งนี้ พรรครีพับลิกันได้เปิดเผยรายละเอียดขั้นสุดท้ายของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี ซึ่งมาจากการรวมเนื้อหาของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีที่ผ่านการอนุมัติของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรก่อนหน้านี้ โดยร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีขั้นสุดท้ายจะยังคงจำนวนขั้นบันไดของการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไว้ที่ 7 ขั้น แต่ลดอัตราภาษีขั้นสูงสุดสู่ระดับ 37% จากระดับ 39.6% ขณะเดียวกัน จะปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ลงสู่ระดับ 21% จากระดับ 35% โดยมีผลบังคับใช้ทันทีในวันที่ 1 ม.ค.ปีหน้า แทนที่จะชะลอออกไปอีก 1 ปีตามร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของวุฒิสภา
หากร่างกฎหมายดังกล่าวสามารถผ่านสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้ ก็จะถือเป็นการปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ที่สุดของสหรัฐนับตั้งแต่ปี 2529 หรือกว่า 30 ปี และจะถือเป็นชัยชนะครั้งแรกของปธน.ทรัมป์และพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรส นับตั้งแต่ที่ปธน.ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในเดือนม.ค.
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้ปัจจัยหนุนจากรายงานของสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านดีดตัวขึ้น 5 จุด สู่ระดับ 74 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2542 จากการใช้นโยบายใหม่ที่อำนวยความสะดวกแก่ธุรกิจสร้างบ้าน
หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้น โดยหุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวขึ้น 1.5%
ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีรายใหญ่พุ่งขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนดัชนี Nasdaq ปิดตลาดทำนิวไฮ โดยหุ้นแอปเปิล ดีดตัวขึ้น 1.4% หุ้นอเมซอนดอทคอม พุ่งขึ้น 1% ส่วนหุ้นทวิตเตอร์ ทะยานขึ้น 11% หลังจากนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นทวิตเตอร์ สู่ระดับ "buy" จากระดับ "neutral" โดยระบุว่า ทวิตเตอร์ได้มีการพัฒนาฟีเจอร์ครั้งสำคัญ ซึ่งรวมถึงไลฟ์วีดิโอแบบใหม่ พร้อมกับอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายขึ้น
นักลงทุนจับตาสภาคองเกรสสหรัฐซึ่งเตรียมอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณระยะสั้น เพื่อให้รัฐบาลมีงบประมาณในการใช้จ่ายจนถึงเดือนม.ค.2561 โดยสภาคองเกรสจำเป็นต้องอนุมัติงบประมาณดังกล่าวให้ทันเส้นตายภายในวันศุกร์นี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐ หรือชัตดาวน์
ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตากระทรวงพาณิชย์สหรัฐเตรียมเปิดเผยการประมาณการครั้งสุดท้ายของ GDP ประจำไตรมาส 3/2560 ในวันพฤหัสบดีนี้ ส่วนการประมาณการครั้งที่ 2 ซึ่งได้เปิดเผยไปเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า GDP ขยายตัวที่ระดับ 3.3% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 3.0%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย., ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 (ประมาณการครั้งสุดท้าย), ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนพ.ย.จากเฟดชิคาโก, ดัชนีการผลิตเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.
--อินโฟเควสท์
OO3731