WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

28ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศ ได้แรงหนุน LTF ต่อเนื่อง
     นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวขึ้น ตามดัชนีดาวน์โจนส์ที่เมื่อคืนปรับขึ้นไป รวมทั้งตลาดหุ้นในต่างประเทศปรับขึ้นตามด้วย และ ดัชนี SET พยุงอยู่เหนือระดับ 1,700 จุดได้ ขณะเดียวกันกรณีที่สหภาพยุโรป (อียู) มาฟื้นความสัมพันธ์กับไทยก็เป็นโอกาสมีเม็ดเงินลงทุนต่างชาติเข้ามา
ให้แนวต้านที่ 1,715 จุด แนวรับให้ไว้ที่ 1,700 จุด
ด้านนายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย มองตลาดหุ้นไทยเช้านี้จะปรับตัวขึ้นได้ ตามตลาดต่างประเทศ แรงขายนักลงทุนต่างชาติเบาลง และเม็ดเงินจาก LTF เริ่มทำงาน เห็นได้จาก 6 วันทำการที่ผ่านมามีแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบัน และเน้นลงทุนหุ้น SET50 ทำให้ดัชนี SET 50 ปรับขึ้นมากกว่าตลาด
โดยคาดว่า ปีนี้เม็ดเงินเข้า LTF น่าจะมีโอกาสมากกว่า 3 ปีที่ผ่านมาที่มีเงินลงทุนเฉลี่ยปีละ 6.5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากนักลงทุนมีความคาดหวังภาวะเศรษฐกิจไทยค่อนข้างมาก และมองว่าเป้าหมายดัชนี SET ในปีหน้าปรับขึ้น โดย Consensus มองดัชนี SET ปี 61 อยู่ที่ 1,867 จุด ซึ่งมี upside เกือบ 10% ยิ่งทำให้นักลงทุนมั่นใจเข้าลงทุนมากขึ้น
ให้แนวต้านที่ 1,710 จุด ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 1,700 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (12 ธ.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,504.80 จุด เพิ่มขึ้น 118.77 จุด (+0.49%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,664.11 จุด เพิ่มขึ้น 4012 จุด (+0.15%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,862.32 จุด ลดลง 12.76 จุด (-0.19%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 13.10 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.42 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.73 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 3.83 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.61 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 62.90 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 7.75 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.41 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 ธ.ค.60) 1,702.17 จุด ลดลง 4.35 จุด (-0.25%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 706.38 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.61 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (12 ธ.ค.60) ปิดที่ระดับ 57.14 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 85 เซนต์ หรือ 1.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 ธ.ค.60) ที่ 8.86 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.59/60 ตลาดจับตาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีหน้า
- นายกฯ ปลื้มอียูเตรียมสานสัมพันธ์ไทยถือเป็นเรื่องดีต่อการค้าลงทุน เชื่อเห็นความพยายามของรัฐบาล ลั่นกฎหมายลูกเสร็จปลดล็อกการเมือง ยันไร้อำนาจเร่งสนช. ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกพรรค "ดอน" ชี้สัญญาณดีปลดใบเหลืองไอยูยู ขณะ "สนธิรัตน์" มองปีหน้าเศรษฐกิจไทยพุ่งทะยาน ด้าน นักวิเคราะห์ หวังฟื้นสัมพันธ์เอฟทีเอ "ไทย-อียู" ดึงดูดการลงทุน หนุนภาคส่งออกโต
- หอการค้า เปิด 10 ธุรกิจดาวเด่น ธุรกิจไอทีสื่อสาร อุปกรณ์อินเทอร์เน็ต ขึ้นแท่นล้มแชมป์การแพทย์และความงาม เปลี่ยนผ่านยุคดิจิทัลเต็มตัว เผย 10 ธุรกิจร่วง มีสิทธิหลุดวงจรตลาด นิตยสาร สิ่งพิมพ์ ผลิต DVD/CD เคเบิลทีวี โทรศัพท์บ้าน ส่วนหัตถกรรมและสินค้าเกษตร ต้องมีดีไซน์ มุ่งเกษตรอินทรีย์ จึงรอด
- ครม.รับทราบมาตรการแก้ไขราคายางพาราตกต่ำ 3 มาตรการ "กฤษฎา" หวังราคาไม่ต่ำกว่าทุน เตรียมชงเข้ากนย.พิจารณาก่อนเสนอเข้าครม.สัปดาห์หน้า เล็งเพิ่มปริมาณการใช้ยางในหน่วยราชการ ดันสินเชื่อ 3%หนุนชะลอส่งออก คาดทั้งปีดูดซับยางกว่า 3.5 แสนตัน ชะลอกรีดยาง ม.ค. - มี.ค. ไฟเขียวเพิ่มวงเงิน 1.6 พันล้านหนุนเกษตรกรลดปลูกข้าวนาปรังอีก 9 แสนไร่
- อุตสาหกรรมโฆษณา ปี 2561 แนวโน้มฟื้น "กรุ๊ปเอ็ม" ประเมินมูลค่ากลับมาแตะ 1 แสนล้าน โต 10% หลังชะลอตัว 2ปีซ้อน เม็ดเงิน "ดิจิทัล- สื่อนอกบ้าน" โตสูง "กันตาร์"ชี้เทรนด์ ชอปปิงออนไลน์กลุ่มอุปโภคบริโภคยอดพุ่ง
- บล.เมย์แบงก์ฯ ประเมิน 2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือนธ.ค.นี้ต่างชาติลดถือหุ้นไทยสัดส่วนต่ำกว่า 20%จากสถิติย้อนหลังจะทยอยขาย เพื่อปรับพอร์ตลงทุน ขณะที่บล.ซีแอลเอสเอชี้เป็นเรื่องปกติ และเชื่อเงินทุนนอกไหลกลับต้นปีหน้า
- ธอส.เผยว่า คนที่มีแผนจะกู้ซื้อบ้าน ควรจะเตรียมความพร้อมและยื่นขอสินเชื่อภายในไตรมาสแรกปี 2561 เนื่องจากคาดว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกอยู่ในช่วงขาขึ้น และหากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีการปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้น ก็จะส่งผลให้สถาบันการเงินทยอยปรับดอกเบี้ยเงินฝากและกู้ตามไปด้วย
*หุ้นเด่นวันนี้
- SAWAD (ทิสโก้) แนะนำ "ซื้อ"เป้าหมาย 74.00 บาท เป็น 1 ใน 3 หุ้นที่คาดจะเข้า SET50 ซึ่งตลท.จะประกาศในสัปดาห์นี้ มองกำไรปีนี้โตตามเป้าหมายที่ 39% และปีหน้าโตต่อ 28% ราคาหุ้นร่วง 15% จากพีครอบ 1 เดือน เป็นจังหสะเข้าเทรดดิ้งระยะสั้น
- CPF (ฟิลลิป) แนะนำ "ซื้อ" เป้าหมาย 27.25 บาท แนวโน้มไตรมาส 4/60 คาดการดำเนินงานจะอ่อนลงกว่าที่เคยคาดไว้โดยเฉพาะราคาเนื้อสัตว์ทั้งในไทยและเวียดนามยังลดลง Q-Q ปริมาณการส่งออกลดลง และ ปกติไตรมาส 4 จะมีค่าใช้จ่ายพิเศษต่างๆ ทำให้ทางฝ่ายปรับลดประมาณการผลการดำเนินงานปี 60 ลดลง 9% กำไรสุทธิเหลือเพียง 15,270 ล้านบาท แม้ทางฝ่ายจะปรับลดประมาณการลงจากการฟื้นตัวของราคาเนื้อสัตว์ล่าช้ากว่าคาดและกดดทั้งการดำเนินงานและราคาหุ้นให้ปรับบขึ้นจำกัด แต่คาดราคาเนื้อสัตว์ได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ณ ราคาปัจจุบัน

ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ นักลงทุนจับตาผลประชุมเฟด
       ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่นักลงทุนต่างจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะสิ้นสุดในวันนี้ รวมถึงการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 14 ธ.ค.
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,879.27 จุด เพิ่มขึ้น 13.10 จุด, +0.06% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,278.40 จุด ลดลง 2.41 จุด, -0.07% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,856.78 จุด เพิ่มขึ้น 62.90 จุด, +0.22% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,447.11 จุด เพิ่มขึ้น 3.83 จุด, +0.04% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,462.42 จุด เพิ่มขึ้น 1.42 จุด, +0.06% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,459.93 จุด ลดลง 5.61 จุด, -0.16% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,728.84 จุด ลดลง 0.73 จุด, -0.04% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,341.81 จุด เพิ่มขึ้น 7.75 จุด, +0.09%
ทั้งนี้ นักลงทุนคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสถึง 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25%

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: หุ้นพลังงานพุ่ง หนุนฟุตซี่ปิดบวก 46.93 จุด
       ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงภายหลังการเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกล่าสุด
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 46.93 จุด หรือ +0.63% ปิดที่ 7,500.41 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ด้วยแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ตลาดลอนดอนที่พุ่งขึ้นในระหว่างวัน หลังจากมีรายงานว่า ท่อส่งน้ำมันโฟร์ตี้ส์ ซึ่งเป็นท่อส่งน้ำมันขนาดใหญ่ในทะเลเหนือ ได้ปิดดำเนินการเพื่อซ่อมรอยแตกเป็นเวลาหลายสัปดาห์ โดยหุ้น BP พุ่งขึ้น 2.5% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ เพิ่มขึ้น 1.5%
หุ้นกลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ตร่วงลงเป็นส่วนใหญ่ ถึงแม้แคนตาร์ เวิลด์แพเนล จะเปิดเผยว่า บริษัทค้าปลีกรายใหญ่ 4 แห่งของสหราชอาณาจักรมียอดขายที่เติบโตขึ้นในช่วง 12 สัปดาห์สิ้นสุด ณ เดือนธ.ค.ที่ผ่านมา
หุ้นดับบลิวเอ็ม มอร์ริสัน ซูเปอร์มาร์เก็ตส์ ร่วงลง 4.5% หุ้นเจ เซนส์บิวรี ดิ่งลง 4.1% แต่หุ้นเทสโก ขยับขึ้น 0.1%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: แรงซื้อหุ้นพลังงาน หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก
       ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในการซื้อขายระหว่างวัน อันเนื่องมาจากข่าวการปิดท่อส่งน้ำมันขนาดใหญ่ในทะเลเหนือของอังกฤษ อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงหลังจากมีการเปิดเผยยอดขายที่ซบเซา
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.7% ปิดที่ 391.63 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,183.53 จุด เพิ่มขึ้น 59.88 จุด, +0.46% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 7,500.41 จุด เพิ่มขึ้น 46.93 จุด, +0.63% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 5,427.19 จุด เพิ่มขึ้น 40.36 จุด, +0.75%
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ตลาดลอนดอนพุ่งขึ้นแข็งแกร่งในระหว่างวัน หลังจากมีรายงานว่า ท่อส่งน้ำมันโฟร์ตี้ส์ ซึ่งเป็นท่อส่งน้ำมันขนาดใหญ่ในทะเลเหนือ ได้ปิดดำเนินการเพื่อซ่อมรอยแตกเป็นเวลาหลายสัปดาห์
ทั้งนี้ หุ้นบีพี พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ เพิ่มขึ้น 1.5% หุ้นทุลโลว์ ออยล์ พุ่งขึ้น 2.5% และหุ้นโททาล ปรับตัวขึ้น 1.5%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลง แม้บริษัทแคนตาร์ เวิลด์แพเนล ได้เปิดเผยว่า บริษัทค้าปลีกรายใหญ่ 4 แห่งของสหราชอาณาจักรมียอดขายที่เติบโตขึ้นในช่วง 12 สัปดาห์สิ้นสุด ณ เดือนธ.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หุ้นดับบลิวเอ็ม มอร์ริสัน ซูเปอร์มาร์เก็ตส์ ร่วงลง 4.5% หุ้นเจ เซนส์บิวรี ดิ่งลง 4.1% แต่หุ้นเทสโก ขยับขึ้น 0.1%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย. ปรับตัวขึ้น 3.1% เทียบรายปี ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2555 หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.0% ในเดือนต.ค. โดยดัชนี CPI เดือนพ.ย.สอดคล้องกับคาดการณ์ของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ที่ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อจะถึงจุดสูงสุดเหนือ 3.0% ก่อนสิ้นปีนี้

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 118.77 จุด ขณะนักลงทุนจับตาผลประชุมเฟด
       ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) โดยดาวโจนส์ และ S&P500 ทะยานขึ้นทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นอย่างคึกคัก ก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ นำโดยหุ้นโบอิ้งและหุ้นโกลด์แมน แซคส์ที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะประสบความสำเร็จในการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีซึ่งครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,504.80 จุด พุ่งขึ้น 118.77 จุด หรือ +0.49% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,664.11 จุด เพิ่มขึ้น 4.12 จุด หรือ +0.15% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,862.32 จุด ลดลง 12.76 จุด หรือ -0.19%
นักลงทุนยังคงเดินหน้าเข้าซื้อหุ้น ซึ่งช่วยหนุนหุ้นจดทะเบียนรายใหญ่ปรับฐานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นำโดยหุ้นโบอิ้งพุ่งขึ้น 2.4% ขานรับข่าวการเพิ่มการจ่ายเงินปันผล และการที่บริษัทอนุมัติการซื้อคืนหุ้นจำนวน 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ทะยานขึ้น 3% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดในบรรดาหุ้นที่จดทะเบียนในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
หุ้นคอมคาสท์ พุ่งขึ้น 2.8% หลังจากมีรายงานว่า คอมคาสท์ได้ยุติแผนการเสนอซื้อธุรกิจบันเทิงจากบริษัททเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ซึ่งจะเปิดทางให้บริษัทวอลท์ดิสนีย์เดินหน้าเสนอซื้อธุรกิจดังกล่าวต่อไป โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ปรับตัวขึ้น 0.2% และหุ้นวอลท์ดิสนีย์ พุ่งขึ้นกว่า 1%
ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง ซึ่งส่งผลให้ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ โดยหุ้นแอปเปิล ปรับตัวลง 0.5% และหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 1.1%
ตลาดได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า คณะทำงานของปธน.ทรัมป์จะสามารถผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีให้มีผลบังคับใช้ โดยเมื่อช่วงต้นเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา วุฒิสภาสหรัฐมีมติรับรองร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีด้วยคะแนนเสียง 51-49 ขณะที่สภาคองเกรสสหรัฐกำลังพิจารณารวมร่างกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นร่างเดียวกัน และให้การอนุมัติ ก่อนที่จะส่งต่อไปให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามเป็นกฎหมายต่อไป
นักลงทุนจับตาการประชุมเฟดซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยมีการคาดการณ์กันว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้เป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.และมิ.ย.
CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสถึง 87% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมสัปดาห์นี้
คริส โลว์ นักวิเคราะห์จากบริษัทเอฟทีเอ็น ไฟแนนเชียลกล่าวว่า นอกเหนือจากผลการประชุมเฟดในวันนี้แล้ว นักลงทุนยังจับตาดูว่า เฟดจะส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกกี่ครั้งในปีหน้า รวมทั้งจับตานางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ซึ่งจะแถลงมุมมองทางเศรษฐกิจเป็นครั้งสุดท้าย ในฐานะประธานเฟด
นักวิเคราะห์ยังกล่าวด้วยว่า ปัจจัยล่าสุดที่ช่วยหนุนกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ มาจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งระบุว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน และหากเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พุ่งขึ้น 3.1% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2555
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PPI จะปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ย.เมื่อเทียบรายเดือน และจะเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบรายปี
นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย., ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค. และดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนธ.ค.จากเฟดนิวยอร์ก
OO3507

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!