- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Monday, 04 December 2017 11:47
- Hits: 7999
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ผันผวนจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯ แต่คาด LTF-RMF ช่วยประคองตลาด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะผันผวน จากความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯ หลังจากที่นายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้การซัดทอดนายโดนัลด์ ทรัมป์ว่าเป็นผู้สั่งการให้เขาทำการติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัสเซียในช่วงที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีที่แล้ว ทำให้สร้างความกังวลในตำแหน่งของ"ทรัมป์"
ทั้งนี้ แม้ว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาวุฒิสภาสหรัฐฯได้อนุมัติผ่านร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯแล้ว แต่เชื่อว่ายังต้องใช้ระยะเวลาในการรวมร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีกับฉบับที่สภาผู้แทนราษฏรได้ผ่านร่างมติไปเมื่อครั้งที่ผ่านมา ดังนั้น กว่าจะนำมาใช้ได้ก็คงจะเป็นปีหน้า
แต่ที่ต้องติดตามเป็นการการพิจารณางบประมาณใช้จ่ายเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐฯในสหรัฐฯชั่วคราว ซึ่งจะต้องอนุมัติงบฯให้แล้วเสร็จภายใน 8 ธ.ค.นี้ ดังนั้นทิศทางตลาดฯจึงเป็นการแกว่งในลักษณะรอความชัดเจนจากปัจจัยในสหรัฐฯ ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะค่อนไปทางลบ
ส่วนบ้านเราคาดว่าจะยังคงได้รับเม็ดเงินจากองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) มาช่วยรองรับความเสี่ยงจากต่างประเทศได้ พร้อมให้แนวรับ 1,690 ถัดไป 1,680-1,685 จุด ส่วนแนวต้าน 1,705-1,710 จุด
แต่ที่ต้องติดตามเป็นการการพิจารณางบประมาณใช้จ่ายเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐฯในสหรัฐฯชั่วคราว ซึ่งจะต้องอนุมัติงบฯให้แล้วเสร็จภายใน 8 ธ.ค.นี้ ดังนั้นทิศทางตลาดฯจึงเป็นการแกว่งในลักษณะรอความชัดเจนจากปัจจัยในสหรัฐฯ ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะค่อนไปทางลบ
ส่วนบ้านเราคาดว่าจะยังคงได้รับเม็ดเงินจากองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) มาช่วยรองรับความเสี่ยงจากต่างประเทศได้ พร้อมให้แนวรับ 1,690 ถัดไป 1,680-1,685 จุด ส่วนแนวต้าน 1,705-1,710 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (1 ธ.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,231.59 จุด ลดลง 40.76 จุด (-0.17%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,642.22 จุด ลดลง 5.36 จุด (-0.20%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,847.59 จุด ลดลง 26.39 จุด (-0.38%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 24.50 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 11.31 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 16.90 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.12 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 123.05 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.24 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.06 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 35.81 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 ธ.ค.60) 1,699.65 จุด เพิ่มขึ้น 2.26 จุด (+0.13%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,067.39 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.61 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 ธ.ค.60) ปิดที่ระดับ 58.36 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 96 เซนต์ หรือ 1.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 ธ.ค.60) ที่ 7.26 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.65 แนวโน้มอ่อนค่า หลังดอลล์แข็งรับวุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกม.ปฏิรูปภาษี
- ผู้ประกอบการค้าปลีกรับ อานิสงส์ "ช็อปช่วยชาติ" แรงส่งเชื่อมั่น-สร้างบรรยากาศจับจ่าย ลูกค้าเพิ่ม 20% ยอดขาย พุ่ง 10-17% กลุ่มเครื่องสำอาง-แฟชั่น-โฮมขยับ เดินหน้าผนึกพันธมิตรคู่ค้าอัดฉีดแคมเปญ ต่อเนื่องธ.ค. เร่งเครื่องกระตุ้นยอดเทศกาลปีใหม่ หวังปิดรายได้ปีนี้เข้าเป้า ขณะค่ายบัตรเครดิต เผยยอดรูดบัตรเพิ่ม
- นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ได้เห็นชอบกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อปี 2561 ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เสนอมา คือ 2.5% บวกลบ 1.5% หรืออยู่ในช่วง 1-4% ซึ่ง ธปท. ยืนยันกับคลังว่า ยังเป็นระดับที่ช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวได้เต็มศักยภาพที่ 4-5% อย่างที่ รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ และคาดว่าคลังจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบกลางเดือน ธ.ค. 2560 และมีผลบังคับใช้ วันที่ 1 ม.ค. 2561
- นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ช่วงที่ 1 สถานีกลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร (กม.) จะสามารถเดินหน้าได้ตามแผนที่กำหนดไว้ โดยจะเร่งจัดพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ระหว่างกรมทางหลวง (ทล.) และ รฟท. ก่อนวันที่ 21 ธ.ค. เพื่อให้ ทล.สามารถเปิดหน้างานเริ่มก่อสร้างได้ตามกำหนดการ
- ธพ. จ่อชง รมว.พลังงาน ยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 ใช้กลไกกำหนดราคาให้เท่าแก๊สโซฮอ์ 95 ขณะที่กระทรวงพลังงาน อนุมัติเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ ติดโซลาร์เซลล์ ม.นราธิวาสฯ ชี้ช่วยลดค่าไฟ 8.32 ล้านบาท/ปี
- AOT ปลื้มหลังปลดธงแดง 2 เดือน แอร์ไลน์คึกรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดันสนามบินดอนเมืองรายได้กระฉูด ทัวร์จีนแน่นสุวรรณภูมิ ฟุ้งช่วงไฮซีซั่นปีนี้ผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 22.2% มีเที่ยวบินใช้บริการ 143,238 เที่ยวบิน เผยความคืบหน้างานเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดได้ตัวเอกชนกลางเดือน ธ.ค.นี้แน่
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (1 ธ.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,231.59 จุด ลดลง 40.76 จุด (-0.17%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,642.22 จุด ลดลง 5.36 จุด (-0.20%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,847.59 จุด ลดลง 26.39 จุด (-0.38%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 24.50 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 11.31 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 16.90 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.12 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 123.05 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.24 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.06 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 35.81 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 ธ.ค.60) 1,699.65 จุด เพิ่มขึ้น 2.26 จุด (+0.13%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,067.39 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.61 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 ธ.ค.60) ปิดที่ระดับ 58.36 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 96 เซนต์ หรือ 1.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 ธ.ค.60) ที่ 7.26 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.65 แนวโน้มอ่อนค่า หลังดอลล์แข็งรับวุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกม.ปฏิรูปภาษี
- ผู้ประกอบการค้าปลีกรับ อานิสงส์ "ช็อปช่วยชาติ" แรงส่งเชื่อมั่น-สร้างบรรยากาศจับจ่าย ลูกค้าเพิ่ม 20% ยอดขาย พุ่ง 10-17% กลุ่มเครื่องสำอาง-แฟชั่น-โฮมขยับ เดินหน้าผนึกพันธมิตรคู่ค้าอัดฉีดแคมเปญ ต่อเนื่องธ.ค. เร่งเครื่องกระตุ้นยอดเทศกาลปีใหม่ หวังปิดรายได้ปีนี้เข้าเป้า ขณะค่ายบัตรเครดิต เผยยอดรูดบัตรเพิ่ม
- นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ได้เห็นชอบกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อปี 2561 ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เสนอมา คือ 2.5% บวกลบ 1.5% หรืออยู่ในช่วง 1-4% ซึ่ง ธปท. ยืนยันกับคลังว่า ยังเป็นระดับที่ช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวได้เต็มศักยภาพที่ 4-5% อย่างที่ รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ และคาดว่าคลังจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบกลางเดือน ธ.ค. 2560 และมีผลบังคับใช้ วันที่ 1 ม.ค. 2561
- นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ช่วงที่ 1 สถานีกลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร (กม.) จะสามารถเดินหน้าได้ตามแผนที่กำหนดไว้ โดยจะเร่งจัดพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ระหว่างกรมทางหลวง (ทล.) และ รฟท. ก่อนวันที่ 21 ธ.ค. เพื่อให้ ทล.สามารถเปิดหน้างานเริ่มก่อสร้างได้ตามกำหนดการ
- ธพ. จ่อชง รมว.พลังงาน ยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 ใช้กลไกกำหนดราคาให้เท่าแก๊สโซฮอ์ 95 ขณะที่กระทรวงพลังงาน อนุมัติเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ ติดโซลาร์เซลล์ ม.นราธิวาสฯ ชี้ช่วยลดค่าไฟ 8.32 ล้านบาท/ปี
- AOT ปลื้มหลังปลดธงแดง 2 เดือน แอร์ไลน์คึกรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดันสนามบินดอนเมืองรายได้กระฉูด ทัวร์จีนแน่นสุวรรณภูมิ ฟุ้งช่วงไฮซีซั่นปีนี้ผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 22.2% มีเที่ยวบินใช้บริการ 143,238 เที่ยวบิน เผยความคืบหน้างานเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดได้ตัวเอกชนกลางเดือน ธ.ค.นี้แน่
*หุ้นเด่นวันนี้
- IMPACT (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 15.60 บาท ปรับประมาณการกำไรเพิ่มชึ้น 9-13% ในปี FY2560-62 แม้ว่าสถานการณ์การจัดงานจะอ่อนตัวในเดือน ต.ค. แต่ IMPACT ได้รับงานใหม่ในเดือน พ.ย. และ ธ.ค. ซึ่งส่งผลให้อัตราการเข้าเช่า (OCR) อยู่ที่ 48-50% ในไตรมาส 3/FY2560 (เทียบกับ 43% ในไตรมาส 3/FY2556) พร้อมคาดว่าอัตราเงินปันผลตอบแทนปี FY2560-2562 จะอยู่ที่ 5.4-5.7% ซึ่งน่าสนใจเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในกลุ่มที่ 5% และอัตราผลตอบแทนรวมของผู้ถือหุ้น (TSR) ที่ 14% การเริ่มเดินรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่ในปี 2564 จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ IMPACT อย่างมากเนื่องจากปัจจุบัน IMPACT เป็นแห่งเดียวที่ยังไม่เชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชน ซึ่งแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆ
- ERW (ไอร่า) เป้า 9 บาท เดินแผนโรงแรม HOP INN ปูพรมขยายฐานลูกค้าครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย หนุนรายได้พุ่งต่อเนื่อง 11 เดือนยอดจองห้องพักสูงถึง 81% เดินหน้าปี 2561 เปิดอีก 11 โรงแรมทั้งไทย-ฟิลิปปินส์
- STEC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 31.80 บาท ประกาศได้รับงานรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลืองเพิ่ม 7 พันล้านบาท หนุน Backlog ทำ All Time High ที่ 1.09 แสนล้านบาท (คิดเป็น 6 เท่าตัวของรายได้ปี 2559) เพียงพอต่อการรับรู้รายได้ใน 3 ปีข้างหน้า ส่วนประเด็น พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้างใหม่เป็นลบเพียงระยะสั้น เพราะสุดท้ายงานจะถูกระบายออกมามากขึ้นในปีหน้า เช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ สีส้มตะวันตก ทางด่วนพระราม3-ดาวคะนอง และรถไฟทางคู่เฟส2 คงคาดการณ์กำไรปีนี้ +28% Y-Y และ +45% Y-Y ในปีหน้า
- ERW (ไอร่า) เป้า 9 บาท เดินแผนโรงแรม HOP INN ปูพรมขยายฐานลูกค้าครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย หนุนรายได้พุ่งต่อเนื่อง 11 เดือนยอดจองห้องพักสูงถึง 81% เดินหน้าปี 2561 เปิดอีก 11 โรงแรมทั้งไทย-ฟิลิปปินส์
- STEC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 31.80 บาท ประกาศได้รับงานรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลืองเพิ่ม 7 พันล้านบาท หนุน Backlog ทำ All Time High ที่ 1.09 แสนล้านบาท (คิดเป็น 6 เท่าตัวของรายได้ปี 2559) เพียงพอต่อการรับรู้รายได้ใน 3 ปีข้างหน้า ส่วนประเด็น พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้างใหม่เป็นลบเพียงระยะสั้น เพราะสุดท้ายงานจะถูกระบายออกมามากขึ้นในปีหน้า เช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ สีส้มตะวันตก ทางด่วนพระราม3-ดาวคะนอง และรถไฟทางคู่เฟส2 คงคาดการณ์กำไรปีนี้ +28% Y-Y และ +45% Y-Y ในปีหน้า
ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ หลังตลาดหุ้นสหรัฐร่วงวันศุกร์ เหตุวิตกการเมืองในสหรัฐ
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวผันผวนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่า นายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้การซัดทอดทรัมป์ว่าเป็นผู้สั่งการให้เขาทำการติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัสเซียในช่วงที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีที่แล้ว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,843.53 จุด เพิ่มขึ้น 24.50 จุด, +0.11% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,486.72 จุด เพิ่มขึ้น 11.31 จุด, +0.46% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,617.27 จุด เพิ่มขึ้น 16.90 จุด, +0.16% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,717.98 จุด เพิ่มขึ้น 0.12 จุด, +0.01%
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,951.19 จุด ลดลง 123.05 จุด, -0.42% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,310.38 จุด ลดลง 7.24 จุด, -0.22% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,449.48 จุด ลดลง 0.06 จุด, -0.00% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,108.21 จุด ลดลง 35.81 จุด, -0.44%
ขณะเดียวกันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา วุฒิสภาสหรัฐมีมติรับรองร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีด้วยคะแนนเสียง 51-49 ส่วนขั้นตอนต่อไปนั้น สภาคองเกรสสหรัฐจะต้องรวมร่างกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรเป็นร่างเดียวกัน และให้การอนุมัติ ก่อนที่จะส่งต่อไปให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามเป็นกฎหมายต่อไป
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 26.18 จุด หลังอดีตที่ปรึกษาความมั่นคงสหรัฐ รับเคยโกหก FBI ประเด็นรัสเซีย
ดัชนีตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (1 ธ.ค.) หลังจากที่นายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมายอมรับว่า ตนได้ให้การเท็จต่อสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เกี่ยวกับการสนทนาร่วมกับเจ้าหน้าที่รัสเซียในช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 26.18 จุด หรือ -0.36% ปิดที่ 7,300.49 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ได้รับแรงกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า นายโรเบิร์ต มูลเลอร์ อัยการพิเศษที่ทำหน้าที่สืบสวนความเกี่ยวพันระหว่างรัสเซียและคณะหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกแถลงการณ์ว่า นายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ ได้ให้การเท็จต่อ FBI เกี่ยวกับการสนทนาของเขากับนายนายเซอร์เกย์ คิซยัค เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐ ในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบในปีที่แล้ว
ด้านฟลินน์ระบุในแถลงการณ์ว่า "การรับสารภาพของผมและการตกลงให้ความร่วมมือกับคณะสืบสวนความเกี่ยวพันระหว่างรัสเซียและคณะหาเสียงของทรัมป์ สะท้อนให้เห็นการตัดสินใจของผมเพื่อรักษาผลประโยชน์ของครอบครัวของผมและประเทศของเรา และผมจะรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำลงไป"
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากกระบวนการลงมติต่อร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของวุฒิสภาสหรัฐในขณะนี้ ซึ่งกำลังประสบกับความล่าช้า หลังยังไม่สามารถหาข้อสรุปเกี่ยวกับการปรับลดภาษีบุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล
นักวิเคราะห์มองว่า การเมืองสหรัฐในขณะนี้ยังไม่มีความแน่นอน โดยเฉพาะช่วงเวลาของการที่ฟลินน์ออกมายอมรับว่าเคยให้การเท็จกับ FBI อาจส่งผลกระทบต่อการผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของรัฐบาลสหรัฐในขณะนี้
สำหรับความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาได้แก่การร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคารอย่างหุ้นบาร์เคลย์ที่ปรับตัวลง 2.1% เช่นเดียวกับหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ที่ปรับตัวลง 1.9% และหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ที่ปรับตัวลง 2.1% เนื่องจากได้รับแรงกดดันเกี่ยวกับการพิจารณากฎหมายปฏิรูปภาษีสหรัฐที่ล่าช้า ขณะที่หุ้นรอยัลแบงก์ออฟสก็อตแลนด์ ปรับตัวลง 2.4% หลังบริษัทประกาศเตรียมปิดธนาคารในสังกัดกว่า 259 สาขา และปลดพนักงานกว่า 680 ตำแหน่งเพื่อลดต้นทุน
ด้านหุ้นกลุ่มพลังงานอย่างบีพี พีแอลซี ปรับตัวขึ้น 0.6% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปรับตัวขึ้น 0.2% หลังราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น อันเนื่องมาจากการที่ที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และกลุ่มผู้ผลิตนอกโอเปก เห็นพ้องให้ขยายเวลาลดกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปีหน้า
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ หลังนักลงทุนวิตกความไม่แน่นอนในการเมืองสหรัฐ
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 ธ.ค.) หลังมีรายงานว่า นายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ออกมายอมรับว่าตนได้ให้การเท็จต่อสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เกี่ยวกับกรณีที่เคยสนทนาร่วมกับเจ้าหน้าที่รัสเซียในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ พร้อมซัดทอดว่าทรัมป์เป็นบุคคลที่สั่งการให้ตนติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัสเซีย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.7% ปิดที่ 383.97 จุด สำหรับตลอดสัปดาห์ ดัชนี้ร่วงลง 0.7% เช่นกัน
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,316.89 จุด ลดลง 55.90 จุด หรือ -1.04% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,861.49 จุด ลดลง 162.49 จุด หรือ -1.25% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,300.49 จุด ลดลง 26.18 จุด หรือ -0.36%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐหลังจากที่นายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ยอมรับว่าตนได้สนทนาร่วมกับนายเซอร์เกย์ คิซยัค เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐ ในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ พร้อมระบุว่าคำให้การที่เคยให้ไว้กับ FBI ในตอนแรกนั้นไม่เป็นความจริง และทรัมป์เป็นผู้สั่งการให้ตนติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัสเซีย
"การรับสารภาพของผมและการตกลงให้ความร่วมมือกับคณะสืบสวนความเกี่ยวพันระหว่างรัสเซียและคณะหาเสียงของทรัมป์ สะท้อนให้เห็นการตัดสินใจของผมเพื่อรักษาผลประโยชน์ของครอบครัวของผมและประเทศของเรา" ฟลินน์กล่าวในแถลงการณ์
ด้านนักวิเคราะห์มองว่า นักลงทุนต่างรับรายงานข่าวนี้เนื่องจากทำให้แนวคิดเกี่ยวกับการยื่นถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์กลับมาอีกครั้ง
สำหรับปัจจัยอื่นๆที่กดดันตลาดหุ้นยุโรป ยังได้แก่การที่วุฒิสภาสหรัฐเลื่อนการโหวตรับรองกฎหมายปฏิรูปภาษีออกไปล่าช้ากว่าเดิม เนื่องจากยังไม่สามารถหาข้อสรุปเกี่ยวกับการปรับลดภาษีบุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล
ด้านข้อมูลหุ้นที่น่าสนใจได้แก่หุ้นกลุ่มธนาคารอย่างรอยัลแบงก์ออฟสก็อตแลนด์ ที่ปรับตัวลง 2.4% หลังบริษัทประกาศเตรียมปิดธนาคารในสังกัดกว่า 259 สาขา และปลดพนักงานกว่า 680 ตำแหน่ง เพื่อลดต้นทุน หลังลูกค้าส่วนใหญ่หันไปทำธุรกรรมการเงินออนไลน์มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มโทรคมนาคมอย่างอัลทิส เอ็นวี กลับปรับตัวขึ้น 0.4% หลังบริษัทมีแผนขายศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลในสวิตเซอร์แลนด์และธุรกิจโซลูชั่นด้านโทรคมนาคมให้แก่บริษัทด้านการลงทุนอย่างอินฟราเวีย แคปิทัล พาร์ทเนอร์ส
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 40.76 จุด หลังนักลงทุนวิตกปัจจัยการเมืองสหรัฐ
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ (1 ธ.ค.) เนื่องจากปัจจัยทางการเมืองของสหรัฐ หลังจากที่นายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้การซัดทอดทรัมป์ว่าเป็นผู้สั่งการให้เขาทำการติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัสเซียในช่วงที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีที่แล้ว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,231.59 จุด ลดลง 40.76 จุด หรือ -0.17% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,847.59 จุด ลดลง 26.39 จุด หรือ -0.38% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,642.22 จุด ลดลง 5.36 จุด หรือ -0.20%
สำหรับตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 2.9% คิดเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2559 เช่นเดียวกับดัชนี S&P500 ที่ปรับตัวขึ้น 1.5% คิดเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ Nasdaq ปรับตัวลง 0.6% ในสัปดาห์นี้ หลังหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงสูงสุดในรอบมากกว่า 3 เดือนภายในวันเดียวเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กกลับต้องสะดุดลง หลังสำนักข่าว ABC รายงานว่า นายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ ออกมายอมรับว่าตนได้ให้การเท็จต่อสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เกี่ยวกับการสนทนาของเขากับนายนายเซอร์เกย์ คิซยัค เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐ และให้การซัดทอดทรัมป์ว่าเป็นผู้สั่งการให้เขาทำการติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัสเซียในช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีที่แล้ว
ฟลินน์ระบุในแถลงการณ์ว่า "การรับสารภาพของผมและการตกลงให้ความร่วมมือกับคณะสืบสวนความเกี่ยวพันระหว่างรัสเซียและคณะหาเสียงของทรัมป์ สะท้อนให้เห็นการตัดสินใจของผมเพื่อรักษาผลประโยชน์ของครอบครัวของผมและประเทศของเรา"
ทั้งนี้ การให้การเท็จต่อ FBI ถือว่ามีความผิดร้ายแรง มีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี และปรับไม่เกิน 250,000 ดอลลาร์
การรับสารภาพของบุคคลในคณะทำงานทรัมป์ว่าให้การเท็จต่อ FBI ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งแรก หลังจากก่อนหน้านี้ นายจอร์จ ปาปาโดปูลอส ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศในทีมหาเสียงเลือกตั้งของปธน.ทรัมป์ ได้ออกมารับสารภาพเช่นกันว่า ตนได้โกหกต่อ FBI เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับศาสตราจารย์ชาวรัสเซียรายหนึ่ง ซึ่งมีเส้นสายในรัฐบาลรัสเซีย โดยเขาโกหกว่าได้รู้จักศาสตราจารย์ผู้นี้ก่อนที่จะเป็นสมาชิกทีมหาเสียง แต่แท้จริงแล้วทั้งสองรู้จักกันหลังนายปาปาโดปูลอสเป็นสมาชิกทีมหาเสียงได้ไม่นาน
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้รับแรงหนุนอยู่บ้างจากความหวังที่ว่า กฎหมายปฎิรูปภาษีของทรัมป์จะได้รับการรับรองจากวุฒิสภาเต็มคณะในวันนี้ หลังจากที่นายมิทช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ กล่าวแสดงความมั่นใจว่า พรรครีพับลิกันได้เสียงสนับสนุนในวุฒิสภาเพียงพอที่จะผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีผ่านการลงมติในวันนี้
"เรามีคะแนนเสียงเพียงพอ" แมคคอนเนลกล่าวหลังการประชุมกับบรรดาวุฒิสมาชิกสังกัดพรรครีพับลิกัน
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆที่มีผลต่อการซื้อขายในตลาดเมื่อวันศุกร์นั้น ยังรวมถึงการที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างพุ่งขึ้น 1.4% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 1.24 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 เดือน โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของการก่อสร้างในภาครัฐ และการลงทุนในภาคเอกชน
ด้านไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 53.9 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 54.6 ในเดือนต.ค. แต่ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิต
ในส่วนของข้อมูลหุ้นอื่นๆนั้น หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มพลังงาน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.1% โดยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น หลังผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ต่างเห็นชอบที่จะขยายระยะเวลาตรึงการผลิตไปจนถึงปี 2561
ด้านหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์อย่างหุ้นไมแลน เอ็นวี ปรับตัวขึ้น 4.4% หลังมีรายงานข่าวว่าบริษัทอเมซอนได้เข้าหารือร่วมกับเหล่าบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่เนื่องจากมีแผนขยายธุรกิจสู่แวดวงเวชภัณฑ์
อย่างไรก็ตาม หุ้นเจเนรัล มอเตอร์ส ปรับตัวลง 0.7% หลังยอดขายรถยนต์รายเดือนในสหรัฐปรับตัวลง 2.9%
--อินโฟเควสท์
OO3142
สำหรับตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 2.9% คิดเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2559 เช่นเดียวกับดัชนี S&P500 ที่ปรับตัวขึ้น 1.5% คิดเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ Nasdaq ปรับตัวลง 0.6% ในสัปดาห์นี้ หลังหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงสูงสุดในรอบมากกว่า 3 เดือนภายในวันเดียวเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กกลับต้องสะดุดลง หลังสำนักข่าว ABC รายงานว่า นายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ ออกมายอมรับว่าตนได้ให้การเท็จต่อสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เกี่ยวกับการสนทนาของเขากับนายนายเซอร์เกย์ คิซยัค เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐ และให้การซัดทอดทรัมป์ว่าเป็นผู้สั่งการให้เขาทำการติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัสเซียในช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีที่แล้ว
ฟลินน์ระบุในแถลงการณ์ว่า "การรับสารภาพของผมและการตกลงให้ความร่วมมือกับคณะสืบสวนความเกี่ยวพันระหว่างรัสเซียและคณะหาเสียงของทรัมป์ สะท้อนให้เห็นการตัดสินใจของผมเพื่อรักษาผลประโยชน์ของครอบครัวของผมและประเทศของเรา"
ทั้งนี้ การให้การเท็จต่อ FBI ถือว่ามีความผิดร้ายแรง มีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี และปรับไม่เกิน 250,000 ดอลลาร์
การรับสารภาพของบุคคลในคณะทำงานทรัมป์ว่าให้การเท็จต่อ FBI ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งแรก หลังจากก่อนหน้านี้ นายจอร์จ ปาปาโดปูลอส ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศในทีมหาเสียงเลือกตั้งของปธน.ทรัมป์ ได้ออกมารับสารภาพเช่นกันว่า ตนได้โกหกต่อ FBI เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับศาสตราจารย์ชาวรัสเซียรายหนึ่ง ซึ่งมีเส้นสายในรัฐบาลรัสเซีย โดยเขาโกหกว่าได้รู้จักศาสตราจารย์ผู้นี้ก่อนที่จะเป็นสมาชิกทีมหาเสียง แต่แท้จริงแล้วทั้งสองรู้จักกันหลังนายปาปาโดปูลอสเป็นสมาชิกทีมหาเสียงได้ไม่นาน
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้รับแรงหนุนอยู่บ้างจากความหวังที่ว่า กฎหมายปฎิรูปภาษีของทรัมป์จะได้รับการรับรองจากวุฒิสภาเต็มคณะในวันนี้ หลังจากที่นายมิทช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ กล่าวแสดงความมั่นใจว่า พรรครีพับลิกันได้เสียงสนับสนุนในวุฒิสภาเพียงพอที่จะผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีผ่านการลงมติในวันนี้
"เรามีคะแนนเสียงเพียงพอ" แมคคอนเนลกล่าวหลังการประชุมกับบรรดาวุฒิสมาชิกสังกัดพรรครีพับลิกัน
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆที่มีผลต่อการซื้อขายในตลาดเมื่อวันศุกร์นั้น ยังรวมถึงการที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างพุ่งขึ้น 1.4% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 1.24 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 เดือน โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของการก่อสร้างในภาครัฐ และการลงทุนในภาคเอกชน
ด้านไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 53.9 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 54.6 ในเดือนต.ค. แต่ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิต
ในส่วนของข้อมูลหุ้นอื่นๆนั้น หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มพลังงาน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.1% โดยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น หลังผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ต่างเห็นชอบที่จะขยายระยะเวลาตรึงการผลิตไปจนถึงปี 2561
ด้านหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์อย่างหุ้นไมแลน เอ็นวี ปรับตัวขึ้น 4.4% หลังมีรายงานข่าวว่าบริษัทอเมซอนได้เข้าหารือร่วมกับเหล่าบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่เนื่องจากมีแผนขยายธุรกิจสู่แวดวงเวชภัณฑ์
อย่างไรก็ตาม หุ้นเจเนรัล มอเตอร์ส ปรับตัวลง 0.7% หลังยอดขายรถยนต์รายเดือนในสหรัฐปรับตัวลง 2.9%
--อินโฟเควสท์
OO3142