WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

2 ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ฟื้นต่อเนื่องหลังยืนเหนือ 1,700 เป็นบวกต่อจิตวิทยา-เก็ง MSCI เพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นเป็นการฟื้นตัวต่อเนื่องหลังจากดัชนีฯสามารถยืนเหนือระดับ 1,700 จุด เป็นบวกต่อจิตวิทยาการลงทุน นอกจากนี้นักลงทุนต่างชาติได้กลับมาซื้อสุทธิเมื่อวานนี้ รวมไปถึงพรุ่งนี้ MSCI จะมีการปรับน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทย โดยหุ้นที่จะเข้าในการคำนวนของ MSCI จะมีหุ้น ORI, GGC, WHAUP, VNT ซึ่งน่าสนใจที่จะเข้าไปลงทุน
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ แม้ว่าเช้านี้เกาหลีเหนือจะยิงขีปนาวุธ แต่ตลาดในภูมิภาคก็ไม่ตอบรับมากนัก โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่น และตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ต่างก็ยืนในแดนบวกได้ พร้อมให้ติดตามการโหวตเสียงของวุฒิสภาสหรัฐฯที่มีต่อร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ และการประชุมกลุ่มโอเปกที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (30 พ.ย.)
 
พร้อมให้แนวรับ 1,700 จุด ส่วนแนวต้าน 1,710-1,715 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 พ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,836.71 จุด พุ่งขึ้น 255.93 จุด (+1.09%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,627.04 จุด เพิ่มขึ้น 25.62 จุด (+0.98%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,912.36 จุด เพิ่มขึ้น 33.84 จุด (+0.49%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 133.09 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 1.91 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 5.45 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 28.17 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.86 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.07 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 127.72 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 19.81 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 พ.ย.60) 1,706.52 จุด เพิ่มขึ้น 10.85 จุด (+0.64%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 212.54 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 พ.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.61 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 พ.ย.60) ปิดที่ระดับ 57.99 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 12 เซนต์ หรือ 0.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 พ.ย.60) ที่ 7.56 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.57 แนวโน้มอ่อนค่า ขานรับร่างกม.ปฏิรูปภาษีสหรัฐฯใกล้ได้ข้อสรุป มองกรอบวันนี้ 32.55-32.65
- ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. ได้รับทราบรายงานความคืบหน้าการโอนหนี้สินและทรัพย์สินวงเงิน 6 หมื่นล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวกรณีให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อบริหารการเดินรถ โดยบอร์ดมีข้อคิดเห็นว่าเพื่อให้การเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ เป็นไปตามเป้าหมายภายในปี 2561 รฟม.ต้องมีแผนสำรอง ซึ่งเบื้องต้นได้เตรียมแผนการจ้างบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือบีทีเอส เพราะเป็นผู้เดินรถรายเดิมอยู่แล้ว
- คณะรัฐมนตรี เห็นชอบมาตรการด้านการเงินสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ 1.โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประกอบการ 2.5 หมื่นล้านบาท นับแต่ดำเนินโครงการจนถึงวันที่ 9 พ.ย.60 ได้มีผู้ประกอบการใช้สินเชื่อ 3,748 ราย วงเงิน 1.7 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 70.92% ของวงเงินทั้งหมด ซึ่งโครงการนี้จะสิ้นสุดในสิ้นปี 60 นี้ แต่ยังมีวงเงินเหลืออยู่ 7,271 ล้านบาท ครม.จึงอนุมัติให้ขยายระยะเวลาโครงการออกไปอีก 3 ปี ถึงสิ้นปี 63 โดยธนาคารออมสินจะให้สินเชื่อแก่ธนาคารพาณิชย์คิดดอกเบี้ยที่ 0.01% ส่วนสถาบันการเงินอื่นคิดดอกเบี้ยจากผู้ประกอบการ 3.5% โดยรัฐบาลชดเชยส่วนต่างระหว่างต้นทุนเงินกับผลตอบแทนให้ธนาคารออมสินที่ 2.27%
- ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ เตรียมเข้าหารือกับเลขาธิการ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ภายในเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ เพื่อที่จะหามาตรการส่งเสริมให้ธุรกิจเอสเอ็มอีเข้าระดมทุนในตลาดเอ็มเอไอ หลังจาก BOI ออกมาตรการส่งเสริมให้ธุรกิจเอสเอ็มอีโดยได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้เพิ่มอีก 100%
- กกพ.เดินหน้าทำโครงสร้างค่าไฟใหม่คาดเสร็จเริ่มใช้งวด ก.ย.-ธ.ค.61 ชี้อนาคตถึงโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่จะลดลง แต่พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น ยังส่งผลต้นทุนค่าไฟสูง จ่อเสนอ 4 แนวทางปฏิรูปพลังงานให้ประชาชนเลือกที่ตั้งโรงไฟฟ้า เน้นจัดสรรค่าภาคหลวงสู่ชุมชนให้สูงสุด พร้อมเปิดเผยด้านการเงินอย่างโปร่งใส
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยปี 61 ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จะเปิดขายที่อยู่อาศัยใหม่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล อยู่ที่ 100,000-108,000 หน่วย ขยายตัว 0-2% จากปี 60 ตามทิศทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่ทิศทางการแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยยังรุนแรง เพราะการขยายตัวของจำนวนที่อยู่อาศัยคงค้างยังเป็นปัจจัยกดดันให้ผู้ประกอบการตั้งเป้าหมายการเปิดขายโครงการที่อยู่อาศัยใหม่อย่างระมัดระวัง
 
*หุ้นเด่นวันนี้
- BCH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 18.30 บาท ในฐานะ Top Pick ของกลุ่ม โดยคาดกำไร Q4/60 ยังมีโมเมนตัมที่ดีจากฤดูฝนที่ลากยาว และฐานต่ำในปีก่อน ส่วน WMC ยังมีการเติบโตแข็งแกร่ง และปี 2561 จะได้อานิสงส์เต็มปีจากประกันสังคมซึ่ง BCH เป็นหนึ่งในผู้ได้ประโยชน์สูงสุด โดยคาดกำไรสุทธิปี 2560-2561 โตเฉลี่ย 16% ต่อปี
- PTTEP (กสิกรไทย) หุ้น Laggard ในกลุ่มพลังงาน มีประเด็นบวกจากราคาน้ำมันที่กำลังเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง รวมไปถึงเงินบาทที่แข็งค่าจะทำให้มีกำไรทางบัญชีเพิ่มมากขึ้นจาก Deferred Tax นอกจากนั้นยังมีประเด็นการเก็งผลประกอบการในงวด Q3/60 เบื้องต้นคาดว่าจะมีผลประกอบการทรงตัว QoQ แต่จะดีขึ้น YoY
- SCC (กสิกรไทย) แม้ผลประกอบการงวด Q3/60 จะน่าผิดหวังจากการรับรู้รายได้เงินปันผลที่น้อยลง แต่ยังคงประมาณการกำไรปี 60 ที่ 5.97 หมื่นล้านบาท เพราะคาดว่าในไตรมาส 4/60 รายได้เงินปันผลจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจุบัน SCC ซื้อขายที่ PER 11.3 เท่าสำหรับปี 2561 เทียบค่าเฉลี่ยบริษัทโรงกลั่นปิโตรเคมี 5 บริษัทที่วิเคราะห์อยู่ที่ 10.9 เท่า ยังถือว่า Laggard ค่อนข้างมาก
- WORK (หยวนต้า) "ซื้อเก็งกำไร"ด้วย 3 เหตุผล 1) แม้ว่า Q4/60 อาจพลิกกลับมาขาดทุนสุทธิ จากผลฤดูกาล และการงดออกอากาศเนื่องด้วยงานพระราชพิธีฯ แต่ขาดทุนน้อยกว่าปีก่อนหน้ามาก 2) เชื่อยังรักษาส่วนแบ่งตลาดที่ 3 ได้ ปี 61 บริษัทปรับผังรายการใหม่เพื่อเพิ่มเรทติ้ง ขณะที่เรทโฆษณาต่อเรทติ้ง หรือ CPRP ยังต่ำกว่าคู่แข่งกว่า 40% จึงมีโอกาสปรับค่าโฆษณาได้ มองกำไรสุทธิ 2 ปีข้างหน้าเติบโตเฉลี่ย 30% และ 3) ราคาหุ้นซื้อขายที่ PEG61 เพียง 0.69 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 1.5 เท่า
 
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดพุ่ง ขานรับวอลล์สตรีทนำนิวไฮ ขณะนักลงทุนเมินข่าวเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ
        ตลาดหุ้นเอเชียเปิดพุ่งขึ้นในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ หลังจากคณะกรรมาธิการด้านงบประมาณของวุฒิสภาสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญก่อนที่ร่างกฎหมายดังกล่าวถูกส่งให้กับวุฒิสภาเต็มคณะทำการพิจารณาเป็นลำดับต่อไป
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 29,813.94 จุด เพิ่มขึ้น 133.09 จุด, +0.45% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,335.57 จุด เพิ่มขึ้น 1.91 จุด, +0.06% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,447.80 จุด เพิ่มขึ้น 5.45 จุด, +0.16% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,735.24 จุด เพิ่มขึ้น 28.17 จุด, +0.26% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,716.28 จุด เพิ่มขึ้น 1.86 จุด, +0.11% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,517.26 จุด เพิ่มขึ้น 3.07 จุด, +0.12% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,613.96 จุด เพิ่มขึ้น 127.72 จุด, +0.57% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,272.07 จุด ลดลง 19.81 จุด, -0.24%
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดปรับตัวขึ้น โดยนักลงทุนไม่ให้ความสนใจต่อข่าวเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธครั้งนี้
รายงานระบุว่า เกาหลีเหนือได้ทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ในช่วงเช้ามืดของวันพุธตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งส่งผลให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) จะจัดการประชุมฉุกเฉินในวันนี้ ตามคำร้องขอของรัฐบาลญี่ปุ่น สหรัฐ และเกาหลีใต้

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: หุ้น รอยัล ดัทช์ เชลล์ พุ่ง หนุนฟุตซี่ปิดบวก 76.75 จุด
       ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วันทำการเมื่อคืนนี้ (28 พ.ย.) ด้วยแรงหนุนจากหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ที่ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่รายนี้เปิดเผยว่าจะยกเลิกแผนการจ่ายเงินปันผลในรูปของตั๋วเงิน พร้อมกับเดินหน้าแผนการซื้อหุ้นกลับคืนวงเงิน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 76.75 จุด หรือ +1.04% ปิดที่ 7,460.65 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานยักษ์ใหญ่อย่างรอยัล ดัทช์ เชลล์ ซึ่งพุ่งขึ้น 3% หลังบริษัทประกาศยืนยันว่า จะยกเลิกแผนการจ่ายเงินปันผลในรูปของตั๋วเงิน แต่จะจ่ายเป็นเงินสดแทนตั้งแต่งวดไตรมาส 4 ของปี 2560 นอกจากนี้ รอยัล ดัทช์ เชลล์ ยังเปิดเผยแผนการที่จะซื้อหุ้นกลับคืนวงเงิน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงระหว่างปี 2560-2563
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวผันผวน ถึงแม้ว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ได้เปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤตของธนาคารต่างๆในอังกฤษ ซึ่งระบุว่า ธนาคารต่างๆยังคงสามารถปล่อยกู้ต่อไปได้ แม้ว่ากระบวนการถอนตัวของอังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (Brexit) จะเป็นไปอย่างไร้ระเบียบก็ตาม
หุ้นบาร์เคลย์ส ขยับลง 0.1% หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ลดลง 1% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ เพิ่มขึ้น 1.4% หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด เพิ่มขึ้น 1.1% และหุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ พุ่งขึ้น 1.3%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นพลังงานพุ่ง หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก
        ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากบริษัทรอยัล ดัทช์ เชลล์ ประกาศแผนการซื้อคืนหุ้นวงเงิน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีกออนไลน์ดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นโอคาโด กรุ๊ป ซึ่งทะยานขึ้นกว่า 20%
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.6% ปิดที่ 387.02 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,059.53 จุด เพิ่มขึ้น 59.33 จุด หรือ +0.46% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,390.48 จุด เพิ่มขึ้น 30.39 จุด หรือ +0.57% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,460.65 จุด เพิ่มขึ้น 76.75 จุด หรือ +1.04%
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานของตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น 1.4% ซึ่งช่วยหนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนบวก หลังจากบริษัทรอยัล ดัทช์ เชลล์ ประกาศว่า ทางบริษัทจะยกเลิกแผนการจ่ายเงินปันผลในรูปของตั๋วเงิน แต่จะจ่ายเป็นเงินสดแทนตั้งแต่งวดไตรมาส 4 ของปี 2560 นอกจากนี้ รอยัล ดัทช์ เชลล์ ยังเปิดเผยแผนการที่จะซื้อหุ้นกลับคืนวงเงิน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงระหว่างปี 2560-2563 โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ พุ่งขึ้น 3%
หุ้นโอคาโด กรุ๊ป ทะยานขึ้น 21% หลังจากบริษัทกาสิโน กูชาร์ด เปอร์ราชอง ได้ลงนามในข้อตกลงกับโอคาโด กรุ๊ป เพื่อร่วมกันพัฒนาแพลทฟอร์มการใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์ในฝรั่งเศส โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกาสิโน กูชาร์ด เปอร์ราชอง พุ่งขึ้น 2.3%
ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวผันผวน ถึงแม้ว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ได้เปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤตของธนาคารต่างๆในอังกฤษ ซึ่งระบุว่า ธนาคารต่างๆยังคงสามารถปล่อยกู้ต่อไปได้ แม้ว่ากระบวนการถอนตัวของอังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (Brexit) จะเป็นไปอย่างไร้ระเบียบก็ตาม
ทั้งนี้ หุ้นบาร์เคลย์ส ขยับลง 0.1% หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ลดลง 1% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ เพิ่มขึ้น 1.4% หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด เพิ่มขึ้น 1.1% และหุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ พุ่งขึ้น 1.3%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 255.93 จุด รับคณะกก.วุฒิสภาสหรัฐไฟเขียวร่างกม.ปฏิรูปภาษี
        ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้ (28 พ.ย.) โดยดัชนีดาวโจนส์, Nasdaq และ S&P500 ปิดทำนิวไฮพร้อมกันอีกครั้ง หลังจากคณะกรรมาธิการด้านงบประมาณของวุฒิสภาสหรัฐ มีมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญก่อนที่ร่างกฎหมายดังกล่าวถูกส่งให้กับวุฒิสภาเต็มคณะทำการพิจารณาเป็นลำดับต่อไป นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคในวันไซเบอร์ มันเดย์ รวมทั้งการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ว่าที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณผ่อนคลายกฎระเบียบในตลาดการเงิน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,836.71 จุด พุ่งขึ้น 255.93 จุด หรือ +1.09% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,627.04 จุด เพิ่มขึ้น 25.62 จุด หรือ +0.98% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,912.36 จุด เพิ่มขึ้น 33.84 จุด หรือ +0.49%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ ขานรับรายงานที่ว่า คณะกรรมาธิการด้านงบประมาณของวุฒิสภาสหรัฐ มีมติด้วยคะแนนเสียง 12 ต่อ 11 อนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน เมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญก่อนที่ร่างกฎหมายดังกล่าวถูกส่งให้กับวุฒิสภาเต็มคณะทำการพิจารณาเป็นลำดับต่อไปในวันพฤหัสบดีนี้ตามเวลาสหรัฐ
การอนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีจากคณะกรรมาธิการด้านงบประมาณของวุฒิสภาสหรัฐนั้น ถือเป็นสัญญาณด้านบวกที่สะท้อนให้เห็นว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้มีแนวโน้มที่จะผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาเต็มคณะ หลังจากเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 227 ต่อ 205 ให้ผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันฉบับดังกล่าว
ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนหลังจาก "อะโดบี อินไซท์" ประมาณการว่า ยอดขายในวันไซเบอร์ มันเดย์พุ่งแตะระดับ 6.59 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับการซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ภายในวันเดียวของสหรัฐ หลังจากที่ผู้บริโภคซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ในวงเงิน 5.03 พันล้านดอลลาร์ในวันแบล็กฟรายเดย์
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นเจพีมอร์แกน ทะยานขึ้น 3.5% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ดีดตัวขึ้น 3% และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 3.9% หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ว่าที่ประธานเฟดได้กล่าวปกป้องความจำเป็นในการผ่อนคลายกฎระเบียบที่ควบคุมตลาดการเงิน โดยระบุว่า ขณะนี้ถึงเวลาในการพิจารณาทบทวนกฎระเบียบต่างๆ หลังจากที่มีการเพิ่มกฎใหม่ๆเข้าควบคุมตลาดการเงินในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ในการกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวานนี้ นายพาวเวลกล่าวว่า เขาต้องการให้กฎระเบียบต่างๆได้รับการปรับปรุงให้มีความเหมาะสมสำหรับสถาบันการเงินที่มีขนาดและบทบาทแตกต่างกันออกไป ขณะเดียวกัน นายพาวเวลยังกล่าวว่า ปัญหาเกี่ยวกับธนาคารต่างๆที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะล้มนั้น ได้รับการแก้ไขแล้ว
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งา ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐทะยานขึ้น สู่ระดับ 129.5 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2543
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3/2560, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนต.ค. , รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนต.ค., ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนต.ค.
OO2951

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!