- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Friday, 17 November 2017 10:54
- Hits: 3721
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีฯเช้านี้ปรับขึ้นตามตลาดหุ้นทั่วโลก ขานรับสภาผู้แทนฯสหรัฐผ่านร่างกม.ปฏิรูปภาษี
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้น ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างปรับตัวขึ้นตามตลาดสหรัฐที่เมื่อคืนที่ผ่านมาดีดขึ้นค่อนข้างแรง ภายหลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติให้ผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน ถือว่าเป็นข่าวดี แต่ก็ยังต้องรอการพิจารณาจากวุฒิสภาสหรัฐต่อไป ซึ่งก็คงจะนำมาใช้ไม่ทันในปีนี้ ประกอบกับผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐฯ 2 แห่ง ทั้งบริษัท วอลมาร์ท และบริษัท ซิสโก ซิสเต็มส์ ที่งบการเงินออกมาดีกว่าคาด
ส่วนราคาน้ำมันชะลอการลง และมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ เนื่องจากมองแรงหนุนจากการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ส่วนบ้านเราก็น่าจะได้แรงหนุนจากงาน SET in the City ทำให้ช่วงนี้น่าจะมีเม็ดเงินจาก กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) มาช่วยหนุนตลาดฯได้บ้าง
พร้อมให้แนวรับ 1,690-1,685 จุด ส่วนแนวต้าน 1,700-1,705 ถัดไป 1,710 จุด
พร้อมให้แนวรับ 1,690-1,685 จุด ส่วนแนวต้าน 1,700-1,705 ถัดไป 1,710 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (16 พ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,458.36 จุด พุ่งขึ้น 187.08 จุด (+0.80%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,585.64 จุด เพิ่มขึ้น 21.02 จุด (+0.82%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,793.29 จุด เพิ่มขึ้น 87.08 จุด (+1.30%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 252.18 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.57 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 195.60 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 48.39 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 11.26 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 24.40 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.70 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 68.45 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 พ.ย.60) 1,691.25 จุด เพิ่มขึ้น 0.99 จุด (+0.06%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,863.08 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 พ.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (16 พ.ย.60) ปิดที่ระดับ 55.14 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 19 เซนต์ หรือ 0.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 พ.ย.60) ที่ 7.04 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.91 แนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง รับเม็ดเงินไหลเข้า มองกรอบวันนี้ 32.80-32.95
- ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะมีการปรับเปลี่ยนกว่า 10 ตำแหน่ง โดยตำแหน่งที่มีการลงตัวแล้ว อาทิ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ ขึ้นเป็น รมว.พาณิชย์ แทน นางอภิรดี ตันตราภรณ์ ที่จะหลุดจากตำแหน่ง พร้อมดึง น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.เกษตรและสหกรณ์ มาเป็น รมช.พาณิชย์
- รมว.อุตสาหกรรม กล่าวในงานสัมมนาบางกอกโพสต์ ฟอรัม 2017 ว่า บทบาทแต่ละประเทศภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลก มีทั้งความร่วมมือและการแข่งขัน ซึ่งการรวมตัวและร่วมมือของอาเซียน จะทำให้กลายเป็นกลุ่มประเทศที่มีบทบาททางเศรษฐกิจโลกมากขึ้น
- ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมการเปิดประมูลปิโตรเลียมรอบใหม่ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ช่วงปลายปี 2561 โดยการประมูลรอบใหม่นี้จะเป็นการเปิดให้สำรวจปิโตรเลียมทั้งบนบกและในทะเล จาก 29 แปลงที่เคยมีการลงพื้นที่สำรวจก่อนหน้านี้ โดยจะดำเนินการต่อจากการเปิดประมูลแหล่งก๊าซอ่าวไทย คือ เอราวัณและบงกช ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2561
- สำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ปี 2561 เห็นภาพชัดว่าเป็นทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็ง จากดอกเบี้ยที่สหรัฐจะปรับขึ้น แม้ว่าจะขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ฉะนั้นแนวโน้มเงินบาทปีหน้าจะเป็นทิศทางอ่อนค่ากว่าปีนี้ แต่จะมีความผันผวนมากขึ้น เพราะหลายประเทศมีกำหนดการเลือกตั้ง เช่น อิตาลี กัมพูชา มาเลเซีย สหรัฐ และไทย ฉะนั้นผู้ส่งออกโดยเฉพาะเอสเอ็มอีต้องหาทางป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน
- บาทแข็งค่ามากสุดในรอบ 34 เดือน ต่ำกว่า 33 บาท/ดอลลาร์ ผลจากดอลลาร์อ่อนค่าทำนักลงทุนขนเงินลงทุนเอเชีย ผู้ว่าฯธปท.ระบุอย่ากังวล ชี้ค่าเงินยังผันผวนต่อ แนะซื้อประกันความเสี่ยง ใช้ตระกูลเงินท้องถิ่นค้าขาย
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (16 พ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,458.36 จุด พุ่งขึ้น 187.08 จุด (+0.80%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,585.64 จุด เพิ่มขึ้น 21.02 จุด (+0.82%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,793.29 จุด เพิ่มขึ้น 87.08 จุด (+1.30%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 252.18 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.57 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 195.60 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 48.39 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 11.26 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 24.40 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.70 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 68.45 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 พ.ย.60) 1,691.25 จุด เพิ่มขึ้น 0.99 จุด (+0.06%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,863.08 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 พ.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (16 พ.ย.60) ปิดที่ระดับ 55.14 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 19 เซนต์ หรือ 0.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 พ.ย.60) ที่ 7.04 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.91 แนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง รับเม็ดเงินไหลเข้า มองกรอบวันนี้ 32.80-32.95
- ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะมีการปรับเปลี่ยนกว่า 10 ตำแหน่ง โดยตำแหน่งที่มีการลงตัวแล้ว อาทิ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ ขึ้นเป็น รมว.พาณิชย์ แทน นางอภิรดี ตันตราภรณ์ ที่จะหลุดจากตำแหน่ง พร้อมดึง น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.เกษตรและสหกรณ์ มาเป็น รมช.พาณิชย์
- รมว.อุตสาหกรรม กล่าวในงานสัมมนาบางกอกโพสต์ ฟอรัม 2017 ว่า บทบาทแต่ละประเทศภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลก มีทั้งความร่วมมือและการแข่งขัน ซึ่งการรวมตัวและร่วมมือของอาเซียน จะทำให้กลายเป็นกลุ่มประเทศที่มีบทบาททางเศรษฐกิจโลกมากขึ้น
- ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมการเปิดประมูลปิโตรเลียมรอบใหม่ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ช่วงปลายปี 2561 โดยการประมูลรอบใหม่นี้จะเป็นการเปิดให้สำรวจปิโตรเลียมทั้งบนบกและในทะเล จาก 29 แปลงที่เคยมีการลงพื้นที่สำรวจก่อนหน้านี้ โดยจะดำเนินการต่อจากการเปิดประมูลแหล่งก๊าซอ่าวไทย คือ เอราวัณและบงกช ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2561
- สำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ปี 2561 เห็นภาพชัดว่าเป็นทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็ง จากดอกเบี้ยที่สหรัฐจะปรับขึ้น แม้ว่าจะขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ฉะนั้นแนวโน้มเงินบาทปีหน้าจะเป็นทิศทางอ่อนค่ากว่าปีนี้ แต่จะมีความผันผวนมากขึ้น เพราะหลายประเทศมีกำหนดการเลือกตั้ง เช่น อิตาลี กัมพูชา มาเลเซีย สหรัฐ และไทย ฉะนั้นผู้ส่งออกโดยเฉพาะเอสเอ็มอีต้องหาทางป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน
- บาทแข็งค่ามากสุดในรอบ 34 เดือน ต่ำกว่า 33 บาท/ดอลลาร์ ผลจากดอลลาร์อ่อนค่าทำนักลงทุนขนเงินลงทุนเอเชีย ผู้ว่าฯธปท.ระบุอย่ากังวล ชี้ค่าเงินยังผันผวนต่อ แนะซื้อประกันความเสี่ยง ใช้ตระกูลเงินท้องถิ่นค้าขาย
*หุ้นเด่นวันนี้
- TACC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 7.70 บาท ราคาหุ้นที่พักตัวลงไม่สอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่กำลังเร่งตัวขึ้น โดยถือเป็นหนึ่งในหุ้นเครื่องดื่มที่ไว้ใจได้มากสุด แม้กำไรสุทธิ Q3/60 ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย แต่จะเร่งตัวขึ้นใน Q4/60 โดยคาด 30 ล้านบาท +36% Q-Q, +3% Y-Y จากการออกสินค้าใหม่หนาแน่นปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้า เช่น Hershey’s Freeze(เครื่องดื่มโถกดรสชาติโกโก้), Easy Dip(ซอสจิ้มจุ่ม), และ Sanrio ส่วนการร่วมมือกับ QJ จะมีการทำ Cross-Selling ทำให้สินค้าของ TACC กระจายไปจีนง่ายขึ้น คาดว่าจะเห็นผลชัดเจนปีหน้า คาดกำไรสุทธิปีนี้ +8% Y-Y และปีหน้า +23% Y-Y (ไม่รวม Upside จาก QJ)
- PPS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 2.50 บาท กำไร Q3/60 อยู่ที่ 18 ล้านบาท -10% Q-Q, +100% Y-Y จากการรับรู้รายได้ตามความคืบหน้าของงานก่อสร้าง และอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 38.0% จาก 36.8% ใน Q2/60 และ 34.7% ใน Q3/59 กำไรสุทธิ 9M60 อยู่ที่ 52 ล้านบาท คิดเป็น 96% ของประมาณการเดิม จึงปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ขึ้นเป็น 66 ล้านบาท +106% Y-Y และคาด +9% Y-Y อยู่ที่ 72 ล้านบาทในปีหน้า แนวโน้ม Q4/60 ยังโตดีจากงานในมือที่มี 447 ล้านบาท
- HTECH (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 12.50 บาท ในไตรมาส 4 บริษัทขยายฐานการผลิต ส่งผลให้โดยรวมกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 30%YoY รองรับการเติบโตของรายได้สูงถึง 1,300 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 1,000 ล้านบาท)
- CPALL (ทรีนีตี้) "ซื้อ" เป้า 89 บาท ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานในอนาคต ไตรมาส 4 เป็น High Season และแผนการขยายสาขาปีละ 700 สาขา มีความเป็นไปได้ รวมถึงได้ประโยชน์จากการ Synergy กับ MAKRO ในระยะยาว ส่วนการออก Perpetual Bond จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยลงตลอดปี สัดส่วน Net D/E ลดลงมาอยู่ที่ 1.62 เท่า จาก 2.84 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยไม่เกิน 2 เท่าหลังปี 2561 ตามที่เกณฑ์กำหนด
- PPS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 2.50 บาท กำไร Q3/60 อยู่ที่ 18 ล้านบาท -10% Q-Q, +100% Y-Y จากการรับรู้รายได้ตามความคืบหน้าของงานก่อสร้าง และอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 38.0% จาก 36.8% ใน Q2/60 และ 34.7% ใน Q3/59 กำไรสุทธิ 9M60 อยู่ที่ 52 ล้านบาท คิดเป็น 96% ของประมาณการเดิม จึงปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ขึ้นเป็น 66 ล้านบาท +106% Y-Y และคาด +9% Y-Y อยู่ที่ 72 ล้านบาทในปีหน้า แนวโน้ม Q4/60 ยังโตดีจากงานในมือที่มี 447 ล้านบาท
- HTECH (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 12.50 บาท ในไตรมาส 4 บริษัทขยายฐานการผลิต ส่งผลให้โดยรวมกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 30%YoY รองรับการเติบโตของรายได้สูงถึง 1,300 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 1,000 ล้านบาท)
- CPALL (ทรีนีตี้) "ซื้อ" เป้า 89 บาท ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานในอนาคต ไตรมาส 4 เป็น High Season และแผนการขยายสาขาปีละ 700 สาขา มีความเป็นไปได้ รวมถึงได้ประโยชน์จากการ Synergy กับ MAKRO ในระยะยาว ส่วนการออก Perpetual Bond จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยลงตลอดปี สัดส่วน Net D/E ลดลงมาอยู่ที่ 1.62 เท่า จาก 2.84 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยไม่เกิน 2 เท่าหลังปี 2561 ตามที่เกณฑ์กำหนด
ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับสภาผู้แทนฯสหรัฐผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงวอลมาร์ท และซิสโก ซิสเต็มส์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนหลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,603.30 จุด เพิ่มขึ้น 252.18 จุด, +1.13% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,392.68 จุด ลดลง 6.57 จุด, -0.19% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 29,214.36 จุด เพิ่มขึ้น 195.60 จุด, +0.67% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,673.43 จุด เพิ่มขึ้น 48.39 จุด, +0.46% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,546.05 จุด เพิ่มขึ้น 11.26 จุด, +0.44% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,365.70 จุด เพิ่มขึ้น 24.40 จุด, +0.73% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,720.81 จุด เพิ่มขึ้น 2.70 จุด, +0.16% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,274.89 จุด เพิ่มขึ้น 68.45 จุด, +0.83%
ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 227 ต่อ 205 ให้ผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งให้กับวุฒิสภาสหรัฐ เพื่อทำการพิจารณาเป็นลำดับต่อไป
ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันมีเนื้อหาที่ครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และการลดจำนวนขั้นบันไดของการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จาก 7 ขั้น เหลือเพียง 4 ขั้น คือ 12%, 25%, 35% และ 39.6%
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงวอลมาร์ท และซิสโก ซิสเต็มส์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนหลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,603.30 จุด เพิ่มขึ้น 252.18 จุด, +1.13% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,392.68 จุด ลดลง 6.57 จุด, -0.19% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 29,214.36 จุด เพิ่มขึ้น 195.60 จุด, +0.67% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,673.43 จุด เพิ่มขึ้น 48.39 จุด, +0.46% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,546.05 จุด เพิ่มขึ้น 11.26 จุด, +0.44% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,365.70 จุด เพิ่มขึ้น 24.40 จุด, +0.73% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,720.81 จุด เพิ่มขึ้น 2.70 จุด, +0.16% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,274.89 จุด เพิ่มขึ้น 68.45 จุด, +0.83%
ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 227 ต่อ 205 ให้ผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งให้กับวุฒิสภาสหรัฐ เพื่อทำการพิจารณาเป็นลำดับต่อไป
ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันมีเนื้อหาที่ครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และการลดจำนวนขั้นบันไดของการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จาก 7 ขั้น เหลือเพียง 4 ขั้น คือ 12%, 25%, 35% และ 39.6%
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 14.33 จุด รับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน, แรงช้อนซื้อหุ้น
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) ด้วยแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง และการที่นักลงทุนบางส่วนได้กลับเข้าช้อนซื้อหุ้น หลังจากที่ดัชนีฟุตซี่ปิดลดลงติดต่อกัน 5 วันทำการก่อนหน้านี้
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 14.33 จุด หรือ +0.19% ปิดที่ 7,386.94 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ถูกกดดันจากสกุลเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและยูโร หลังจากที่สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษได้เปิดเผยยอดค้าปลีกของสหราชอาณาจักรที่ปรับตัวลดลงต่ำกว่าคาดในเดือนต.ค. โดยลดลงเพียง 0.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะลดลง 0.5% และเมื่อเทียบเป็นรายเดือน ยอดค้าปลีกอังกฤษขยายตัว 0.3% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 0.1%
ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.3197 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3170 ดอลลาร์ ที่ตลาดนิวยอร์กในคืนวันพุธที่ผ่านมา และแข็งค่าแตะ 1.1206 ยูโร จากระดับ 1.1170 ยูโรในวันพุธ
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนได้ปัจจัยหนุนจากรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ โดยหุ้น 3i Group พุ่งขึ้น 2% หลังบริษัทบริหารจัดการการลงทุนระหว่างประเทศรายนี้เปิดเผยว่า บริษัทมีพอร์ตการลงทุนในหุ้นที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและอยู่ในทิศทางสอดคล้องตามเป้าหมายในปีนี้
หุ้นบริติช แลนด์ โค ทะยานขึ้น 3.7% หลังบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่รายนี้เปิดเผยว่า ทางบริษัทกลับมามีผลกำไรในงวดครึ่งปีแรกของปีนี้
หุ้นพรูเด็นเชียล เพิ่มขึ้น 1.1% หลังบริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่รายนี้เปิดเผยว่า บริษัทยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยแรงขับเคลื่อนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้บริษัทยังมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจทั้งในเอเชีย สหรัฐ สหราชอาณาจักร และยุโรป
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) ด้วยแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง และการที่นักลงทุนบางส่วนได้กลับเข้าช้อนซื้อหุ้น หลังจากที่ดัชนีฟุตซี่ปิดลดลงติดต่อกัน 5 วันทำการก่อนหน้านี้
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 14.33 จุด หรือ +0.19% ปิดที่ 7,386.94 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ถูกกดดันจากสกุลเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและยูโร หลังจากที่สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษได้เปิดเผยยอดค้าปลีกของสหราชอาณาจักรที่ปรับตัวลดลงต่ำกว่าคาดในเดือนต.ค. โดยลดลงเพียง 0.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะลดลง 0.5% และเมื่อเทียบเป็นรายเดือน ยอดค้าปลีกอังกฤษขยายตัว 0.3% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 0.1%
ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.3197 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3170 ดอลลาร์ ที่ตลาดนิวยอร์กในคืนวันพุธที่ผ่านมา และแข็งค่าแตะ 1.1206 ยูโร จากระดับ 1.1170 ยูโรในวันพุธ
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนได้ปัจจัยหนุนจากรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ โดยหุ้น 3i Group พุ่งขึ้น 2% หลังบริษัทบริหารจัดการการลงทุนระหว่างประเทศรายนี้เปิดเผยว่า บริษัทมีพอร์ตการลงทุนในหุ้นที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและอยู่ในทิศทางสอดคล้องตามเป้าหมายในปีนี้
หุ้นบริติช แลนด์ โค ทะยานขึ้น 3.7% หลังบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่รายนี้เปิดเผยว่า ทางบริษัทกลับมามีผลกำไรในงวดครึ่งปีแรกของปีนี้
หุ้นพรูเด็นเชียล เพิ่มขึ้น 1.1% หลังบริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่รายนี้เปิดเผยว่า บริษัทยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยแรงขับเคลื่อนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้บริษัทยังมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจทั้งในเอเชีย สหรัฐ สหราชอาณาจักร และยุโรป
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 14.33 จุด รับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน, แรงช้อนซื้อหุ้น
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) ด้วยแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง และการที่นักลงทุนบางส่วนได้กลับเข้าช้อนซื้อหุ้น หลังจากที่ดัชนีฟุตซี่ปิดลดลงติดต่อกัน 5 วันทำการก่อนหน้านี้
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 14.33 จุด หรือ +0.19% ปิดที่ 7,386.94 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ถูกกดดันจากสกุลเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและยูโร หลังจากที่สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษได้เปิดเผยยอดค้าปลีกของสหราชอาณาจักรที่ปรับตัวลดลงต่ำกว่าคาดในเดือนต.ค. โดยลดลงเพียง 0.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะลดลง 0.5% และเมื่อเทียบเป็นรายเดือน ยอดค้าปลีกอังกฤษขยายตัว 0.3% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 0.1%
ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.3197 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3170 ดอลลาร์ ที่ตลาดนิวยอร์กในคืนวันพุธที่ผ่านมา และแข็งค่าแตะ 1.1206 ยูโร จากระดับ 1.1170 ยูโรในวันพุธ
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนได้ปัจจัยหนุนจากรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ โดยหุ้น 3i Group พุ่งขึ้น 2% หลังบริษัทบริหารจัดการการลงทุนระหว่างประเทศรายนี้เปิดเผยว่า บริษัทมีพอร์ตการลงทุนในหุ้นที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและอยู่ในทิศทางสอดคล้องตามเป้าหมายในปีนี้
หุ้นบริติช แลนด์ โค ทะยานขึ้น 3.7% หลังบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่รายนี้เปิดเผยว่า ทางบริษัทกลับมามีผลกำไรในงวดครึ่งปีแรกของปีนี้
หุ้นพรูเด็นเชียล เพิ่มขึ้น 1.1% หลังบริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่รายนี้เปิดเผยว่า บริษัทยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยแรงขับเคลื่อนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้บริษัทยังมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจทั้งในเอเชีย สหรัฐ สหราชอาณาจักร และยุโรป
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) ด้วยแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง และการที่นักลงทุนบางส่วนได้กลับเข้าช้อนซื้อหุ้น หลังจากที่ดัชนีฟุตซี่ปิดลดลงติดต่อกัน 5 วันทำการก่อนหน้านี้
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 14.33 จุด หรือ +0.19% ปิดที่ 7,386.94 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ถูกกดดันจากสกุลเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและยูโร หลังจากที่สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษได้เปิดเผยยอดค้าปลีกของสหราชอาณาจักรที่ปรับตัวลดลงต่ำกว่าคาดในเดือนต.ค. โดยลดลงเพียง 0.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะลดลง 0.5% และเมื่อเทียบเป็นรายเดือน ยอดค้าปลีกอังกฤษขยายตัว 0.3% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 0.1%
ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.3197 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3170 ดอลลาร์ ที่ตลาดนิวยอร์กในคืนวันพุธที่ผ่านมา และแข็งค่าแตะ 1.1206 ยูโร จากระดับ 1.1170 ยูโรในวันพุธ
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนได้ปัจจัยหนุนจากรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ โดยหุ้น 3i Group พุ่งขึ้น 2% หลังบริษัทบริหารจัดการการลงทุนระหว่างประเทศรายนี้เปิดเผยว่า บริษัทมีพอร์ตการลงทุนในหุ้นที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและอยู่ในทิศทางสอดคล้องตามเป้าหมายในปีนี้
หุ้นบริติช แลนด์ โค ทะยานขึ้น 3.7% หลังบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่รายนี้เปิดเผยว่า ทางบริษัทกลับมามีผลกำไรในงวดครึ่งปีแรกของปีนี้
หุ้นพรูเด็นเชียล เพิ่มขึ้น 1.1% หลังบริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่รายนี้เปิดเผยว่า บริษัทยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยแรงขับเคลื่อนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้บริษัทยังมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจทั้งในเอเชีย สหรัฐ สหราชอาณาจักร และยุโรป
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นกลุ่มรถยนต์พุ่ง หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก
ตลาดหุ้นยุโรปปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) โดยหุ้นกลุ่มรถยนต์ได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของสมาคมผู้ผลิตรถยนต์ยุโรป (ACEA) ซึ่งระบุว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนต.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงบวกจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ดีดตัวขึ้น 0.8% ปิดที่ 384.93 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,047.22 จุด เพิ่มขึ้น 70.85 จุด หรือ +0.55% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,336.39 จุด เพิ่มขึ้น 35.14 จุด หรือ +0.66% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,386.94 จุด เพิ่มขึ้น 14.33 จุด หรือ +0.19%
สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ยุโรป (ACEA) เปิดเผยว่า ยอดขายรถใหม่ในสหภาพยุโรป (EU) เดือนต.ค.ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยยอดจดทะเบียนรถใหม่เพิ่มขึ้น 5.9% สะท้อนว่าตลาดรถอยู่ในสภาพที่คึกคัก โดยเฉพาะในสเปน ฝรั่งเศส และอิตาลี
ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นโฟล์คสวาเกน พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นเฟียต ไคร์สเลอร์ ออโต้โมบิล ปรับตัวขึ้น 1.8% หุ้นเรโนลท์ ดีดตัวขึ้น 1.3%
หุ้นบริติช แลนด์ พุ่งขึ้น 3.7% หลังจากบริษัทสามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้อีกครั้งในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
หุ้นพรูเดนเชียล ปรับตัวขึ้น 1.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยความคืบหน้าทางธุรกิจทั้งในตลาดเอเชีย สหรัฐ อังกฤษ และยุโรป
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจมีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ปรับตัวลดลง 0.3% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2556 เนื่องจากเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค
ขณะที่สำนักงานสถิติฝรั่งเศส (Insee) เปิดเผยว่า อัตราว่างงานของฝรั่งเศสในไตรมาส 3 ของปีนี้ อยู่ที่ 9.7% ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 9.5% ในไตรมาส 2
ตลาดหุ้นยุโรปปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) โดยหุ้นกลุ่มรถยนต์ได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของสมาคมผู้ผลิตรถยนต์ยุโรป (ACEA) ซึ่งระบุว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนต.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงบวกจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ดีดตัวขึ้น 0.8% ปิดที่ 384.93 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,047.22 จุด เพิ่มขึ้น 70.85 จุด หรือ +0.55% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,336.39 จุด เพิ่มขึ้น 35.14 จุด หรือ +0.66% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,386.94 จุด เพิ่มขึ้น 14.33 จุด หรือ +0.19%
สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ยุโรป (ACEA) เปิดเผยว่า ยอดขายรถใหม่ในสหภาพยุโรป (EU) เดือนต.ค.ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยยอดจดทะเบียนรถใหม่เพิ่มขึ้น 5.9% สะท้อนว่าตลาดรถอยู่ในสภาพที่คึกคัก โดยเฉพาะในสเปน ฝรั่งเศส และอิตาลี
ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นโฟล์คสวาเกน พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นเฟียต ไคร์สเลอร์ ออโต้โมบิล ปรับตัวขึ้น 1.8% หุ้นเรโนลท์ ดีดตัวขึ้น 1.3%
หุ้นบริติช แลนด์ พุ่งขึ้น 3.7% หลังจากบริษัทสามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้อีกครั้งในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
หุ้นพรูเดนเชียล ปรับตัวขึ้น 1.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยความคืบหน้าทางธุรกิจทั้งในตลาดเอเชีย สหรัฐ อังกฤษ และยุโรป
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจมีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ปรับตัวลดลง 0.3% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2556 เนื่องจากเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค
ขณะที่สำนักงานสถิติฝรั่งเศส (Insee) เปิดเผยว่า อัตราว่างงานของฝรั่งเศสในไตรมาส 3 ของปีนี้ อยู่ที่ 9.7% ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 9.5% ในไตรมาส 2
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 187.08 จุดรับผลประกอบการ,สภาผู้แทนฯสหรัฐผ่านร่างกม.ปฏิรูปภาษี
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงวอลมาร์ท และซิสโก ซิสเต็มส์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนหลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,458.36 จุด พุ่งขึ้น 187.08 จุด หรือ +0.80% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,585.64 จุด เพิ่มขึ้น 21.02 จุด หรือ +0.82% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,793.29 จุด เพิ่มขึ้น 87.08 จุด หรือ +1.30%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 227 ต่อ 205 ให้ผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งให้กับวุฒิสภาสหรัฐ เพื่อทำการพิจารณาเป็นลำดับต่อไป
ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันมีเนื้อหาที่ครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และการลดจำนวนขั้นบันไดของการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จาก 7 ขั้น เหลือเพียง 4 ขั้น คือ 12%, 25%, 35% และ 39.6%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน โดยหุ้นวอลมาร์ท พุ่งขึ้น 11% ขณะที่หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ พุ่งขึ้น 5.2% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิและผลประกอบการในไตรมาส 3 ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นบาร์นส์ แอนด์ โนเบิล ซึ่งเป็นบริษัทจัดจำหน่ายหนังสือรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 7.6% ขณะที่หุ้นเจเอ็ม สมัคเกอร์ ผู้ผลิตกาแฟ Folgers ทะยานขึ้น 9.5% ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดเช่นกัน
หุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) ปรับตัวขึ้น 1.2% หลังจากมีรายงานว่า นายเนลสัน เพลท์ส ซึ่งเป็นนักลงทุนที่มีชื่อเสียง จะเข้ามาเป็นหนึ่งในคณะผู้บริหารของ P&G
หุ้นเบสท์ บาย ร่วงลง 3.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ต่ำกว่าคาด และยังได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐในเดือนต.ค. ปรับตัวขึ้น 0.9% ซึ่งถือเป็นการขยายตัวที่ต่อเนื่อง 2 เดือนติดต่อกัน และยังเป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่า ภาคอุตสาหกรรมสามารถฟื้นตัวจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์และเออร์มาไปได้
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 249,000 รายในสัปดาห์สิ้นสุดในวันที่ 11 พ.ย. ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์ และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 4,000 รายสู่ระดับ 235,000 ราย อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 140 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2513
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้คือ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาก่อสร้างเดือนต.ค
--อินโฟเควสท์
OO2459
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงวอลมาร์ท และซิสโก ซิสเต็มส์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนหลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,458.36 จุด พุ่งขึ้น 187.08 จุด หรือ +0.80% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,585.64 จุด เพิ่มขึ้น 21.02 จุด หรือ +0.82% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,793.29 จุด เพิ่มขึ้น 87.08 จุด หรือ +1.30%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 227 ต่อ 205 ให้ผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งให้กับวุฒิสภาสหรัฐ เพื่อทำการพิจารณาเป็นลำดับต่อไป
ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันมีเนื้อหาที่ครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และการลดจำนวนขั้นบันไดของการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จาก 7 ขั้น เหลือเพียง 4 ขั้น คือ 12%, 25%, 35% และ 39.6%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน โดยหุ้นวอลมาร์ท พุ่งขึ้น 11% ขณะที่หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ พุ่งขึ้น 5.2% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิและผลประกอบการในไตรมาส 3 ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นบาร์นส์ แอนด์ โนเบิล ซึ่งเป็นบริษัทจัดจำหน่ายหนังสือรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 7.6% ขณะที่หุ้นเจเอ็ม สมัคเกอร์ ผู้ผลิตกาแฟ Folgers ทะยานขึ้น 9.5% ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดเช่นกัน
หุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) ปรับตัวขึ้น 1.2% หลังจากมีรายงานว่า นายเนลสัน เพลท์ส ซึ่งเป็นนักลงทุนที่มีชื่อเสียง จะเข้ามาเป็นหนึ่งในคณะผู้บริหารของ P&G
หุ้นเบสท์ บาย ร่วงลง 3.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ต่ำกว่าคาด และยังได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐในเดือนต.ค. ปรับตัวขึ้น 0.9% ซึ่งถือเป็นการขยายตัวที่ต่อเนื่อง 2 เดือนติดต่อกัน และยังเป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่า ภาคอุตสาหกรรมสามารถฟื้นตัวจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์และเออร์มาไปได้
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 249,000 รายในสัปดาห์สิ้นสุดในวันที่ 11 พ.ย. ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์ และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 4,000 รายสู่ระดับ 235,000 ราย อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 140 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2513
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้คือ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาก่อสร้างเดือนต.ค
--อินโฟเควสท์
OO2459