WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

41ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งตัวในเชิงบวกตามตลาดภูมิภาค หลังราคาน้ำมันนิ่ง-ยังทรงตัวในระดับสูง, เล็งงบฯดีช่วยหนุน
      นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวในเชิงบวกได้ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้โดยรวมเป็นบวก ภายหลังจากราคาน้ำมันนิ่งและยังทรงตัวในระดับสูง ซึ่งช่วงนี้ปัจจัยที่มีผลต่อแต่ละตลาดฯจะเป็นผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของแต่ละประเทศ
ทั้งนี้ แม้ว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดบ้านเราบางตัวจะไม่ค่อยดี แต่ก็มีหุ้นที่มีงบฯออกมาดีก็ยังมีอยู่ ทำให้ตลาดฯยังมีโมเมนตัมที่ดีอยู่
นอกจากนี้ การที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ ทำให้ต้นทุนของกลุ่มไฟแนนซ์ และเช่าซื้อ ไม่ได้สูงมากนัก ดังนั้นแนวโน้มกำไรในไตรมาส 4/60 คงจะยังดีต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น THANI, TK, S11
อย่างไรก็ดี กลยุทธ์การลงทุนก็คงแนะให้เก็งกำไรหุ้นรายตัว โดยตัวเด่นมองที่หุ้นในกลุ่มปิโตรเคมี รวมไปถึงหุ้น PTL, VNT, ที่ราคาหุ้นยังไม่ค่อยปรับขึ้น อีกทั้งยังมีหุ้นที่งบฯน่าจะดี ทั้ง TK, AGE, PYLON, AMANAH
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,710-1,720 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (8 พ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,563.36 จุด เพิ่มขึ้น 6.13 จุด (+0.03%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,594.38 จุด เพิ่มขึ้น 3.74 จุด (+0.14%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,789.12 จุด เพิ่มขึ้น 21.34 จุด (+0.32%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 75.62 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.79 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 80.19 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 16.04 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 7.53 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.99 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.47 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 พ.ย.60) 1,714.65 จุด เพิ่มขึ้น 1.90 จุด (+0.11%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 576.28 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 พ.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (8 พ.ย.60) ปิดที่ระดับ 56.81 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 39 เซนต์ หรือ 0.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 พ.ย.60) ที่ 6.66 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.12 แนวโน้มแกว่งแคบรอปัจจัยใหม่ นลท.จับตาร่างกม.ปฏิรูปภาษีสหรัฐฯ
- คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% เนื่องจากเป็นนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายช่วยสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจและเอื้อให้เงินเฟ้อทั่วไปกลับสู่เป้าหมายได้ โดยประเมินว่าเงินเฟ้อทั่วไปจะกลับสู่เป้าหมายได้ประมาณกลางปีหน้า
- ในวันที่ 13 พ.ย.นี้ กรมจะเชิญผู้ผลิตสินค้า ผู้ประกอบการห้างค้าปลีก ห้างสรรพสินค้าทั้งหมด มาหารือถึงการจัดทำโครงการมหกรรมลดราคาสินค้าทั้งประเทศ เบื้องต้นรูปแบบของการจัดงานจะทำให้สอดประสานไปกับโครงการช็อปช่วยชาติ ซึ่งเป็นมาตรการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้มีการนำใบกำกับภาษีจากการซื้อสินค้ามาหักลดหย่อนภาษีตามวงเงินที่กำหนด ส่วนชื่อโครงการในปีนี้จะมีการหารายละเอียดอีกครั้งว่าจะใช้ชื่ออะไร
- คลังได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เรื่องการกำหนดกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อปี 2561 แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป โดย ธปท.จะกำหนดกรอบไว้เท่าเดิม 2.5% บวกลบ 1.5% หรือ 1-4% ซึ่งเป็นระดับที่ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้เต็มศักยภาพ ถือเป็นกรอบที่คลังรับได้เพราะคลังยืนยันมาตลอดว่าหากเศรษฐกิจได้เต็มศักยภาพ การบริหารจัดการต่อไปจะทำได้ง่ายขึ้น
- ก.ล.ต.เตรียมออกเกณฑ์คุมบริษัทออกตั๋วบีอีใหม่ โดยเน้นแก้ไขเกณฑ์การจัดสรรให้ผู้ลงทุนรายใหญ่ เน้นวงจำกัด หลังพบปัญหาเสนอขายผิดวัตถุประสงค์ คาดเริ่มใช้เดือนก.ค.ปีหน้า แจงไตรมาส 3 มูลค่าตั๋วบีอีคงค้าง 2.93 แสนล้านบาท พบ 10 เดือนแรกมีบีอีผิดนัดชำระเกือบ 6 พันล้านบาท
- 'อภิศักดิ์' เร่ง 3 กรมภาษี สรรพสามิต ศุลกากร และสรรพากรใช้บิ๊กดาต้าเพิ่มประสิทธิภาพ จัดเก็บ ยันช่วยป้องกันรั่วไหล แก้ปัญหาทุจริต หนุนเกิดความเท่าเทียมกันของผู้เสียภาษี แนะหลักการเก็บไม่ใช่การรีด เดินหน้าเปลี่ยนแสตมป์แบบใหม่ ปิดช่องโหว่ทุจริต ลดเลี่ยงภาษี
*หุ้นเด่นวันนี้
- ADB (บมจ.แอ็พพลาย ดีบี) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีราคาขาย IPO ที่ 1.69 บาท/หุ้น บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินราคาเหมาะสมปี 2561 เท่ากับ 2.30 บาท อิง PE เฉลี่ยของ peer group ที่ 20 เท่า โดยคาดกำไรปีนี้ -78% Y-Y จากราคาเม็ดพลาสติกที่ผันผวน แต่จะกลับมาโตแรง 318% Y-Y อยู่ที่ 69 ลบ. ในปีหน้า จากการรุกตลาดส่งออกกาวและยาแนว ผนวกกับการรุกสินค้ากลุ่ม DIY ที่ใช้ในครัวเรือนซึ่งมีอัตรากำไรดี ส่วนธุรกิจพีวีซีหุ้มสายไฟเริ่มชะลอ แต่ชดเชยได้จากการเริ่มผลิตเม็ดพลาสติกที่ใช้ในเครื่องมือแพทย์ ร่วมกับกลุ่มโชวะที่มีความชำนาญสูง ราคา IPO คิดเป็น PE2018 เท่ากับ 15 เท่า ถือว่ามีส่วนลดเมื่อเทียบกับกลุ่มพอควร
- DTAC (ธนชาต) "ซื้อ" เป้า 70 บาท ความกังวลต่อต้นทุนประมูลคลื่น 900-1800MHz มากเกินไป และคาดว่าต้นทุนคลื่นจะไม่สูง จาก 1) มีคลื่นพอคาดทำสัญญาใช้คลื่น 2300MHz กับ TOT ภายในสิ้นปีนี้ และการเข้าประมูลคลื่น 1800MHz ที่ 15MHz จะอยู่ที่ 4 หมื่นล้านบาท 2) ADVANC กับ TRUE ที่มีคลื่นในมือมากแล้ว และภาระหนี้ที่สูง จะทำให้ภาวะการแข่งขันไม่สูงมาก และ 3) ไม่คิดว่ามีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในตลาด มองเป็น value play ที่ EV/EBITDA ปี 61 5.8x ต่ำกว่ากลุ่ม 40% และต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี 19%
- MONO (ไอร่า) "ซื้อ"เป้า 5.30 บาท คาดปี’60 สามารถพลิกฟื้นมามีกำไร หลังขาดทุนใน 3 ปีหลังสุด ทั้งนี้ ได้รายงานกำไรสุทธิ Q3/60 ที่ 71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% QoQ ในขณะที่ YoY โตเกือบ 6 เท่าตัว จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าโฆษณา สะท้อนการยึดครองเรตติ้งโทรทัศน์อันดับ 4 ได้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมมองแนวโน้มผลประกอบเติบโตต่อเนื่องในปี 61 จากรายได้ค่าโฆษณาที่คาดว่าจะยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่สามารถควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ค่อนข้างคงที่ ประกอบกับการได้รับประโยชน์จากการลดค่าธรรมเนียม Digital TV ที่คาดว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในปี 61 ลงราว 20 ล้านบาท
หุ้นเอเชียบวกเช้านี้ ขานรับวอลล์สตรีททำนิวไฮ
      ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ขานรับดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ทำสถิติปิดทำนิวไฮในวันเดียวกันเป็นครั้งที่ 27 ของปีนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับของวุฒิสภาสหรัฐ หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรได้เปิดเผยรายละเอียดของร่างกฎหมายดังกล่าวไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,989.44 จุด เพิ่มขึ้น 75.62 จุด, +0.33% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,410.67 จุด ลดลง 4.79 จุด, -0.14% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,987.79 จุด เพิ่มขึ้น 80.19 จุด, +0.28% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,802.95 จุด ลดลง 16.04 จุด, -0.15% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,559.93 จุด เพิ่มขึ้น 7.53 จุด, +0.30% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,420.26 จุด ลดลง 0.99 จุด, -0.03% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,743.73 จุด ลดลง 0.47 จุด, -0.03%
สภาผู้แทนราษฎรได้เปิดเผยร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในสัปดาห์ที่แล้ว และขณะนี้ทางคณะกรรมาธิการยังคงดำเนินการอภิปรายร่างกฎหมายดังกล่าว โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และลดจำนวนขั้นบันไดในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จาก 7 ขั้น เหลือเพียง 4 ขั้น คือ 12%, 25%, 35% และ 39.6%
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 16.61 จุด ด้วยแรงหนุนจากหุ้นค้าปลีก
      ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (8 พ.ย.) ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มค้าปลีกรายใหญ่อย่างมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ และหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ซึ่งพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 16.61 จุด หรือ +0.22% ปิดที่ 7,529.72 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ พุ่งขึ้น 1.6% หลังบริษัทค้าปลีกรายใหญ่รายนี้ได้เปิดเผยผลประกอบการล่าสุด ขณะที่หุ้นเน็กซ์ ขยับขึ้น 0.8% และหุ้นคิงฟิชเชอร์ พุ่งขึ้น 1.1%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเฟรสนิลโล พุ่งขึ้น 1.6% หุ้นริโอ ทินโต เพิ่มขึ้น 1.1% และหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส เพิ่มขึ้น 1.2% อย่างไรก็ตาม หุ้นอันโตฟากาสตา ปรับตัวลง 1.1%
นักลงทุนจับตาสถานการณ์การเมืองในสหราชอาณาจักรอย่างใกล้ชิด หลังมีกระแสคาดการณ์ว่า นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ อาจสูญเสียสมาชิกในคณะรัฐมนตรีเป็นคนที่สองภายในรอบ 1 สัปดาห์ หลังสื่อท้องถิ่นรายงานว่า นางพริที พาเทล รัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาระหว่างประเทศของสหราชอาณาจักร ได้แอบติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลอิสราเอล ซึ่งส่งผลให้เธออาจถูกปลดออกจากตำแหน่ง
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นกลุ่มแบงก์ร่วง ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ
      ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (8 พ.ย.) เนื่องจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคารได้สร้างแรงกดดันต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาด โดยหุ้นเครดิต อากริโค ธนาคารรายใหญ่ของฝรั่งเศส ดิ่งลงกว่า 3% หลังจากธนาคารเปิดเผยผลประกอบการที่ซบเซา
ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับลง 0.05% ปิดที่ 394.45 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,471.43 จุด ลดลง 9.21 จุด หรือ -0.17% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,382.42 จุด เพิ่มขึ้น 3.15 จุด หรือ +0.02% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,529.72 จุด เพิ่มขึ้น 16.61 จุด หรือ +0.22%
หุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลง นำโดยหุ้นเครดิต อากริโคล ร่วงลง 3.2% หลังจากธนาคารเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 22% สู่ระดับ 4.58 พันล้านยูโร แต่ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.74 พันล้านยูโร ขณะที่กำไรไตรมาส 3 ร่วงลง 43% สู่ระดับ 1.07 พันล้านยูโร
ส่วนหุ้นบังโค บีพีเอ็ม ซึ่งเป็นธนาคารของอิตาลี ร่วงลง 7.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น้อยกว่าคาด
อย่างไรก็ตาม วิกฤตการณ์ในแคว้นกาตาลุญญาของสเปนที่คลี่คลายลงนั้น ได้ช่วยสกัดปัจจัยลบในตลาด โดยรายงานล่าสุดระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญของสเปนมีคำตัดสินเมื่อวานนี้ ให้การประกาศเอกราชแต่เพียงฝ่ายเดียวของแคว้นกาตาลุญญาในวันที่ 27 ต.ค.ถือเป็นโมฆะ
ทั้งนี้ รัฐสภาแคว้นกาตาลุญญามีมติประกาศแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปนในวันที่ 27 ต.ค. โดยได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภา 70 เสียง คัดค้าน 10 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง ขณะที่สมาชิกพรรคสังคมนิยม, พรรคประชาชน และพรรคซิอูดาดานอส ต่างพากันประท้วงด้วยการเดินออกจากห้องประชุมสภา
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 6.13 จุดรับผลประกอบการสดใส นักลงทุนจับตาร่างกม.ปฏิรูปภาษี
      ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 พ.ย.) โดยดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ทำสถิติปิดทำนิวไฮในวันเดียวกันเป็นครั้งที่ 27 ของปีนี้ หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงบริษัทเทค-ทู อินเตอร์แอ็คทีฟ ซอฟต์แวร์ ผู้ผลิตวีดิโอเกมรายใหญ่ของสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับของวุฒิสภาสหรัฐ หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรได้เปิดเผยรายละเอียดของร่างกฎหมายดังกล่าวไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,563.36 จุด เพิ่มขึ้น 6.13 จุด หรือ +0.03% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,594.38 จุด เพิ่มขึ้น 3.74 จุด หรือ +0.14% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,789.12 จุด เพิ่มขึ้น 21.34 จุด หรือ +0.32%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทเทค-ทู อินเตอร์แอ็คทีฟ ซอฟต์แวร์ เปิดเผยรายได้ในไตรมาส 3/2560 พุ่งขึ้นแตะระดับ 443.6 ล้านดอลลาร์ จากระดับ 420.2 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3/2559 นอกจากนี้ ทางบริษัทได้ปรับเพิ่มกรอบคาดการณ์รายได้ในปีงบการเงิน 2560 สู่ระดับ 1.74-1.84 พันล้านดอลลาร์ จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 1.65-1.75 พันล้านดอลลาร์
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งช่วยหนุนหุ้นเทค-ทู อินเตอร์แอ็คทีฟ ซอฟต์แวร์ ทะยานขึ้น 10.6% และยังเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนหุ้นบริษัทผลิตวีดิโอเกมรายอื่นๆให้ปรับตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นแอ็คติวิชั่น บลิสซาร์ด พุ่งขึ้น 5.9% และหุ้นอิเล็กทรอนิก อาร์ทส์ ปรับตัวขึ้น 2.2%
หุ้นเอ็มจีเอ็ม รีสอร์ทส อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมมัณฑะเลย์ เบย์ในลาสเวกัส พุ่งขึ้น 5.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของวอลล์สตรีท โดยก่อนหน้านี้ หุ้นเอ็มจีเอ็ม รีสอร์ทส ร่วงลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากเหตุกราดยิงในงานคอนเสิร์ต Route 91 Harvest ใกล้กับโรงแรมมัณฑะเลย์ เบย์
หุ้นแอปเปิล ดีดตัวขึ้น 0.8% ขณะที่หุ้นมูลค่าตลาดของแอปเปิลทะยานขึ้นเหนือระดับ 9 แสนล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก หลังจากที่บริษัทประสบความสำเร็จในการเปิดตัว iPhone X
หุ้น Snap Inc บริษัทแม่ของ Snapchat ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นในกล้องถ่ายรูปที่ทำให้ผู้ใช้สามารถส่งภาพและวิดีโอ ร่วงลง 15% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุน 443.2 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 จากการชะลอตัวของรายได้ และจำนวนผู้ใช้งาน ขณะที่เผชิญการแข่งขันกับคู่แข่งในตลาด เช่น Instagram และ WhatsApp
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า เทนเซนต์ ซึ่งเป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตของจีน ได้เข้าซื้อหุ้น 10% ใน Snap จำนวน 145.8 ล้านหุ้น หลังจากที่ Snap เปิดเผยตัวเลขขาดทุนในไตรมาส 3
นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย พร้อมกับจับตาร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐ ขณะที่สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของแกนนำพรรครีพับลิกันรายหนึ่งว่า วุฒิสภาสหรัฐจะยังไม่เปิดเผยร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในฉบับของวุฒิสภาในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งไม่ได้ถือว่าเป็นความล่าช้า เนื่องจากที่ผ่านมา ร่างกฎหมายในฉบับของวุฒิสภามักมีการเปิดเผยหลังจากที่คณะกรรมาธิการพิจารณาวิธีการจัดหารายได้ของสภาผู้แทนราษฎร (House Ways and Means Committee) เสร็จสิ้นการจัดทำร่างกฎหมายของทางคณะกรรมาธิการ
ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรได้เปิดเผยร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในสัปดาห์ที่แล้ว และขณะนี้ทางคณะกรรมาธิการยังคงดำเนินการอภิปรายร่างกฎหมายดังกล่าว โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และลดจำนวนขั้นบันไดในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จาก 7 ขั้น เหลือเพียง 4 ขั้น คือ 12%, 25%, 35% และ 39.6%
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
--อินโฟเควสท์
OO2139

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!