WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

8 ดัชนีเช้านี้ฟื้นจำกัดหลังหลุด 1,705 เสี่ยงพักฐานสูง, จับตาบจ.ทยอยแจ้งงบฯ Q3/60
      ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้ม
นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะฟื้นตัวได้จำกัด เนื่องจากดัชนีฯได้ลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 1,705 จุด ทำให้มีความเสี่ยงในการพักฐานสูง โดยมี Downside แถว 1,670 จุด แต่ก็สามารถกลับมาเพิ่มการลงทุนได้ในจุดนี้เช่นกัน เนื่องจากตลาดฯได้รับรู้ข่าวดีไปแล้ว ทั้งเรื่องประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ และมาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งก็คาดว่าจะคงจะเป็น Story ในปีหน้า ดังนั้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ตลาดฯก็คงจะเคลื่อนไหวทรงตัว
พร้อมกันนี้ได้มองว่า Downside ของตลาดฯที่ 1,670 จุด ลงมาราว 30 จุด คิดเป็น 2% ซึ่งมองแล้วตลาดฯไม่ได้ลงมาก แต่หากมองที่หุ้นรายตัวมีโอกาสที่จะปรับลงได้มากกว่าตลาดฯ ดังนั้น ควรจะระวังแรงขาย โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น ที่ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว ขณะที่ในไตรมาส 4/60 มีโอกาสที่ค่าการกลั่นจะเข้าสู่ขาลง
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในไตรมาส 3/60 ที่จะออกมาในช่วงนี้ โดยเฉพาะกลุ่มโรงกลั่น
พร้อมให้แนวรับ 1,695 จุด ส่วนแนวต้าน 1,705-1,710 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (2 พ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,516.26 จุด เพิ่มขึ้น 81.25 จุด (+0.35%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,579.85 จุด เพิ่มขึ้น 0.49 จุด (+0.02%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,714.94 จุด ลดลง 1.59 จุด (-0.02%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.57 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 84.87 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 9.40 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 12.01 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 1.75 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.63 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 28.00 จุด
ด้านตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันวัฒนธรรมแห่งชาติ
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 พ.ย.60) 1,701.93 จุด ลดลง 12.62 จุด (-0.74%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,463.18 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 พ.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (2 พ.ย.60) ปิดที่ระดับ 54.54 ดอลลาร์/บาร์เรล ขยับขึ้น 24 เซนต์ หรือ 0.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 พ.ย.60) ที่ 7.48 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.10 แข็งค่าหลังดอลลาร์ร่วงเทียบทุกสกุลเว้นปอนด์ จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ
- "อาคม" เผยแอคชั่นแพลนเมกะโปรเจคปี 61 จำนวน 51 โครงการ วงเงิน 2.39 ล้านล้าน ผุด 8 โครงการใหม่ วงเงิน 1 แสนล้าน ส่วนที่เหลือเป็นการ ผลักดันโครงการต่อเนื่องจากปีก่อน แจงเตรียมยกสนามบินภาคอีสานและ ตะวันตกให้ทอท.บริหาร สรุปผลภายใน เดือนนี้ ด้าน "สมคิด" มอบนโยบายต้อง ประมูล 3 โครงการอีอีซีให้จบปีหน้า
- สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ถกตลาดหลักทรัพย์เร่งหาแนวทางควบคุมธุรกรรมการซื้อขายหุ้นด้วยบล็อกเทรด หลังพบปริมาณธุรกรรมพุ่ง หวั่นกระทบตลาด เล็งเปิดข้อมูลรายตัว คาดสรุปเกณฑ์ได้ปีหน้า คาดการณ์ทิศทางหุ้นไทยมีพัฒนาการดี หวังเงินฝากไหลเข้าอุตสาหกรรมกองทุนรวม
- ธปท.และกระทรวงการคลังได้ผ่อนคลายหลักเกณฑ์ ภายใต้โครงการปฏิรูปกฎเกณฑ์ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินเพิ่มเติม โดยการออกประกาศผ่อนคลายหลักเกณฑ์ให้บริษัทและกลุ่มบริษัทที่มีคุณสมบัติ ตามที่กำหนดไว้ สามารถยื่นขอทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศ เช่น ซื้อ ขาย ฝาก ถอนเงินตราต่างประเทศได้ โดยไม่ต้องแสดงเอกสารหลักฐานประกอบการทำธุรกรรมต่อธนาคารพาณิชย์
*หุ้นเด่นวันนี้
- STEC (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 33 บาท จาก 1) ราคาหุ้น laggard ตลาดมาก 2) คาดเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวเนื่องกับ EEC 3) Backlog สูง 1.07 แสนล้านบาท คิดเป็น 6x ของรายได้ปี 59 4) คาดกำไรโต 36-44% ปี 60-61
- ADVANC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 220 บาท กำไรปกติ Q3/60 โต Y-Y ครั้งแรกในรอบ 7 ไตรมาสตามคาด +3.1% Q-Q,+14.9% Y-Y แนวโน้มกำไร Q4/60 ต่อเนื่องปี 61 ยังแกร่ง คงประมาณการกำไรปกติปีนี้หด 3% Y-Y ก่อนพลิกโต 7.4% Y-Y ในปี 61 ราคาหุ้นที่ลงแรงวานนี้จากการประมูลคลื่น 900-1800 MHz ปีหน้าส่อเค้าแข่งขันรุนแรง แต่ยังต้องผ่านอีกหลายขั้นตอนและมีโอกาสเปลี่ยนแปลงสูง และ ADVANC ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ลำบากเพราะมีคลื่นเพิ่มมาแล้วช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
- MILL (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดบริษัทฟื้นตัว (turnaround) อย่างต่อเนื่อง และคาดผลการดำเนินงาน H2/60 เร่งตัวขึ้นจากการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น ขณะที่ราคาเหล้กผ่านจุดต่ำสุดหลังอุปสงค์-อุปทาน มีความสมดุลมากขึ้น การผลิตเหล็กสำหรับยานยนต์ที่ Kobelco Millcon (ถือหุ้น 50%) จะทำให้ขาดทุนของบริษัทลูกพลิกเป็นกำไรในปี 61 ราคายังต่ำกว่าการขอซื้อหุ้นโดยสมัครใจของผู้บริหารที่ 1.80 บาท
- PTTEP (เอเอสแอล) "ซื้อ"เป้า 99 บาท กำไรปกติ Q3/60 แข็งแกร่งจากราคาขายและยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่าแข็งแกร่ง แต่การรับรู้ Impairment มากถึง 1.7 หมื่นล้านบาทฉุดผลประกอบการพลิกกลับมาขาดทุน จึงมองว่าราคาหุ้น downside จำกัดหลังสะท้อนปัจจัยลบไปหมดแล้ว ขณะที่คาดราคาและยอดขายมีโอกาสปรับเพิ่มในช่วงที่เหลือของปี เป็นปัจจัยหนุน Q4/60 พลิกกลับมาเป็นกำไรอีกครั้ง
 
ลาดหุ้นเอเชียบวกเช้านี้ รับดาวโจนส์ทำนิวไฮ, ทรัมป์ เสนอชื่อ พาวเวล นั่งปธ.เฟดคนใหม่
      ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืน ขานรับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ประกาศเสนอชื่อนายเจอโรม พาวเวล ให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,377.74 จุด ลดลง 5.57 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,603.51 จุด เพิ่มขึ้น 84.87 จุด, +0.30% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,797.91 จุด เพิ่มขึ้น 9.40 จุด, +0.09% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,558.37 จุด เพิ่มขึ้น 12.01 จุด, +0.47% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,382.25 จุด เพิ่มขึ้น 1.75 จุด, +0.05% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,744.68 จุด เพิ่มขึ้น 3.63 จุด, +0.21% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,544.02 จุด เพิ่มขึ้น 28.00 จุด, +0.33% ด้านตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันวัฒนธรรมแห่งชาติ
ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศเสนอชื่อนายเจอโรม พาวเวล ให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ แทนนางเจเน็ต เยลเลน ซึ่งจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนก.พ.ปีหน้า โดยทรัมป์ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า จุดยืนอันมั่นคงทางด้านนโยบายการเงินและความรอบรู้ของนายพาวเวล จะช่วยนำพาเศรษฐกิจสหรัฐให้ก้าวผ่านอุปสรรคและความท้าทายต่างๆไปได้ด้วยดี
ตลาดการเงินมองว่า การเสนอชื่อนายพาวเวล วัย 64 ปีให้ทำหน้าที่ประธานเฟดนั้น ถือเป็น "ทางเลือกที่ปลอดภัย" สำหรับคณะทำงานของปธน.ทรัมป์ เนื่องจากนายพาวเวลเป็นเจ้าหน้าที่เฟดสายพิราบสังกัดพรรครีพับลิกันที่สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามแนวทางของนางเยลเลน และในขณะเดียวกันนายพาวเวลก็เปิดกว้างสำหรับมาตรการลดกฎระเบียบในภาคการเงินซึ่งคณะทำงานทรัมป์พยายามผลักดันมาโดยตลอด
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้น 300,000 ตำแหน่ง ส่วนตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อนั้น คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี หรือเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน
 
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 67.36 จุด หลัง BoE ส่งสัญญาณขึ้นดบ.ในอนาคตอย่างค่อยเป็นค่อยไป
    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (2 พ.ย.) ภายหลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ได้ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อวานนี้
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 67.36 จุด หรือ +0.90% ปิดที่ 7,555.32 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อวานนี้ ได้รับอานิสงส์จากการที่สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ภายหลังจากแบงก์ชาติอังกฤษมีมติด้วยคะแนนเสียง 7-2 ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.50% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ BoE ยังระบุด้วยว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป และมีขอบเขตที่จำกัด
ค่าเงินสกุลปอนด์ร่วงลงสู่ระดับ 1.3061 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3246 ดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์กในคืนวันพุธ และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร ที่ระดับ 1.1204 ยูโร จากระดับ 1.1399 ยูโร
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่น่าจับตา หุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส ผู้ผลิตแร่ทองคำรายใหญ่ ดิ่งลง 7.2% หลังบริษัทเปิดเผยผลกำไรก่อนหักภาษีลดลงในไตรมาส 3/2560 หลังจากบริษัทได้ปรับลดการผลิตทองคำลง 9% สู่ระดับ 310,618 ออนซ์ เมื่อเทียบกับไตรมาส 2
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของอังกฤษที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ ไอเอชเอส มาร์กิต/ซีไอพีเอส เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการก่อสร้างของสหราชอาณาจักรเดือนต.ค. อยู่ที่ระดับ 50.8 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาดที่ระดับ 48.0
 
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ เหตุเงินยูโรแข็งค่าฉุดหุ้นส่งออก
      ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (2 พ.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโรส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทส่งออกในยุโรป อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวก หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ภายหลังจากที่ธนาคารกลางมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีในการประชุมเมื่อวานนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.5% ปิดที่ 394.94 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,510.50 จุด ลดลง 3.79 จุด หรือ -0.07% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,440.93 จุด ลดลง 24.58 จุด หรือ -0.18% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,555.32 จุด เพิ่มขึ้น 67.36 จุด หรือ +0.90%
หุ้นของบริษัทยุโรปที่ต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นรายได้หลักนั้น ต่างพากันร่วงลงเมื่อคืนนี้ หลังจากสกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้น อันเนื่องมาจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) ซึ่งระบุว่าเศรษฐกิจยูโรโซนมีการขยายตัว 0.6% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบรายไตรมาส และขยายตัว 2.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัว 0.5% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบรายไตรมาส และขยายตัว 2.4% เมื่อเทียบรายปี
หุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส ผู้ผลิตแร่ทองคำรายใหญ่ ดิ่งลง 7.2% หลังบริษัทเปิดเผยผลกำไรก่อนหักภาษีลดลงในไตรมาส 3/2560 หลังจากบริษัทได้ปรับลดการผลิตทองคำลง 9% สู่ระดับ 310,618 ออนซ์ เมื่อเทียบกับไตรมาส 2
หุ้นเครดิต สวิส ทะยานขึ้น 4.5% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2560 อยู่ที่ระดับ 244 ล้านฟรังก์ (243.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นจากระดับ 41 ล้านฟรังก์ในไตรมาส 3/2559 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 211 ล้านฟรังก์
ส่วนตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวก สวนทางกับตลาดหุ้นอื่นๆในยุโรป หลังจากธนาคารกลางอังกฤษมีมติด้วยคะแนนเสียง 7-2 ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.50% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ BoE ยังระบุด้วยว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป และมีขอบเขตที่จำกัด
 
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 81.25 จุด ขานรับ ทรัมป์ เสนอชื่อ พาวเวล นั่งปธ.เฟดคนใหม่
     ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (2 พ.ย.) ขานรับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ประกาศเสนอชื่อนายเจอโรม พาวเวล ให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนหลังจากสมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้เปิดเผยรายละเอียดของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี ซึ่งครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาตัวเลขจ้างงานอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐ ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,516.26 จุด เพิ่มขึ้น 81.25 จุด หรือ +0.35% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,579.85 จุด เพิ่มขึ้น 0.49 จุด หรือ +0.02% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,714.94 จุด ลดลง 1.59 จุด หรือ -0.02%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ หลังจากปธน.ทรัมป์ได้ประกาศเสนอชื่อนายเจอโรม พาวเวล ให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ แทนนางเจเน็ต เยลเลน ซึ่งจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนก.พ.ปีหน้า โดยทรัมป์ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า จุดยืนอันมั่นคงทางด้านนโยบายการเงินและความรอบรู้ของนายพาวเวล จะช่วยนำพาเศรษฐกิจสหรัฐให้ก้าวผ่านอุปสรรคและความท้าทายต่างๆไปได้ด้วยดี
ตลาดการเงินมองว่า การเสนอชื่อนายพาวเวล วัย 64 ปีให้ทำหน้าที่ประธานเฟดนั้น ถือเป็น "ทางเลือกที่ปลอดภัย" สำหรับคณะทำงานของปธน.ทรัมป์ เนื่องจากนายพาวเวลเป็นเจ้าหน้าที่เฟดสายพิราบสังกัดพรรครีพับลิกันที่สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามแนวทางของนางเยลเลน และในขณะเดียวกันนายพาวเวลก็เปิดกว้างสำหรับมาตรการลดกฎระเบียบในภาคการเงินซึ่งคณะทำงานทรัมป์พยายามผลักดันมาโดยตลอด
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยหนุนหลังจากสมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้เปิดเผยรายละเอียดของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และปรับลดอัตราภาษีขั้นสูงสุดสำหรับธุรกิจขนาดย่อมและองค์กรที่ไม่ใช่ภาคธุรกิจ ลงสู่ระดับ 25% จากระดับ 39.6% ในปัจจุบัน ส่วนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้น จะมีการปรับลดจำนวนขั้นบันไดของการคำนวณภาษี จาก 7 ขั้น เหลือเพียง 4 ขั้น คือ 12%, 25%, 35% และ 39.6%
หุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 1.6% หุ้น 3M ดีดตัวขึ้น 0.9% และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวขึ้น 1.07%
หุ้นแอล แบรนด์ส ทะยานขึ้น 8% ขานรับยอดขายที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนต.ค. ขณะที่หุ้นราล์ฟ ลอเรน พุ่งขึ้น 3.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 3 ส่วนหุ้นยัม แบรนด์ พุ่งขึ้น 6.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หุ้นเทสล่า มอเตอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ร่วงลง 6.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนที่สูงกว่าการคาดการณ์เมื่อวานนี้ ขณะที่หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 2.1% แม้ว่าบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด
ตลาดนิวยอร์กได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึง ประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐพุ่งขึ้น 3.0% ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2557 ส่วนจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 5,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 229,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 44 ปี และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 235,000 ราย
นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้น 300,000 ตำแหน่ง ส่วนตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อนั้น คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี หรือเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ดุลการค้าเดือนก.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนต.ค. จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนต.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ย.
--อินโฟเควสท์
OO1903

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!