WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

79าวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นขึ้นตามตลาดตปท. ขานรับราคาน้ำมันปรับขึ้น-เก็งงบฯ Q3/60

      นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกกันเช่นเดียวกับดาวโจนส์ เนื่องจากราคาน้ำมันก็ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องด้วย และยังคงจะมีการเล่นเก็งผลประกอบการงวดไตรมาส 3/60 ของบริษัทจดทะเบียน
นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์กันว่านายเจอโรม พาวเวล จะได้เป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ ซึ่งก็น่าจะทำให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยช้า และเงินดอลลาร์สหรัฐฯก็คงจะอ่อนค่าลง ขณะที่เงินบาทจะแข็งค่าขึ้น ซึ่งก็จะทำให้แรงขายน้อยลง เพราะนักลงทุนก็จะไม่มีความเสี่ยงในด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราด้วย ซึ่งก็จะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย
อย่างไรก็ดี ระยะสั้นให้ติดตามการประชุมเฟดในวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.นี้ ซึ่งการประชุมครั้งนี้คงจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่คาดว่าจะไปปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.นี้ ดังนั้นช่วงนี้เงินดอลลาร์สหรัฐฯก็จะอ่อนค่า และเงินบาทก็คงจะแข็งค่าขึ้น เนื่องจากจะมีสภาพคล่องเข้ามาในตลาดฯ
พร้อมแนวรับ 1,717 จุด ส่วนแนวต้าน 1,730 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (31 ต.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,377.24 จุด เพิ่มขึ้น 28.50 จุด (+0.12%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,575.26 จุด เพิ่มขึ้น 2.43 จุด (+0.09%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,727.67 จุด เพิ่มขึ้น 28.71 จุด (+0.43%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 133.31 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 0.63 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 142.01 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 22.24 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 12.54 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 3.11 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.13 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (31 ต.ค.60) 1,721.37 จุด เพิ่มขึ้น 2.71 จุด (+0.16%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 384.87 ล้านบาท เมื่อวันที่ 31 ต.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (31 ต.ค.60) ปิดที่ระดับ 54.38 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (31 ต.ค.60) ที่ 7.44 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.21 ทรงตัว รอผล FOMC-รายชื่อประธานเฟดคนใหม่-ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ
- "ประยุทธ์"สั่งคลังศึกษาออกมาตรการ "ช็อปช่วยชาติ" กระตุ้นเศรษฐกิจท้ายปี เผยอยากเห็นระยะเวลานานกว่าปีก่อน ย้ำเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น ประชาชนได้ประโยชน์ แจงราคายางลดลงเป็นไปตามราคาน้ำมัน
- อธิบดีกรมศุลกากร เผยการเก็บรายได้ของกรมศุลกากรเดือน ต.ค. 2560 ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 เก็บได้สุทธิ 7,246 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 8.8% แต่ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10% เนื่องจากยังมีการชะลอนำเข้าสินค้าบางตัว เช่น รถยนต์ ส่วนหนึ่งมาจากการใช้พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิตใหม่เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2560 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงเก็บภาษีจากฐานราคาสำแดงนำเข้า หรือซีไอเอฟ มาเป็นราคาขายปลีกแนะนำ ทำให้ผู้ประกอบการชะลอนำเข้าในระยะสั้น
- ภาพรวมธุรกิจทีวีดิจิทัลในปี 2561 คาดว่าจะมีการแข่งขันกันรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการแต่ละรายเริ่มออกมาปรับตัวเพื่อเป็นหนึ่งในผู้ชนะ ประกอบกับปัจจุบันเม็ดเงินโฆษณาเริ่มกลับมาฟื้นตัว จึงน่าจะส่งผลให้ภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาในปี 2561 ขยายตัวดีขึ้น และส่งผลให้ธุรกิจทีวีดิจิทัลฟื้นตัวตามไปด้วย
- สำรวจบจ.ใหญ่ปรับโครงสร้างธุรกิจเน้นนอนคอลแทน "บ้านปู" ทบทวนแผนลงทุนเพิ่มหลังธุรกิจเชลล์แก๊สโตเร็วกว่าแผน คาดลงทุนครบ 500 ล้านดอลลาร์ปีนี้ จากเดิมคาด 5 ปี หวังสัดส่วนธุรกิจพลังงานทดแทนเพิ่ม ประเมินราคาถ่านหิน 80-85 ดอลลาร์ต่อตัน พร้อมยกเลิกขายล่วงหน้า รับแผนปรับขึ้นราคา
- ธปท.เผยส่งออกพุ่งแรงโตเกิน 8% ผลักดันเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 โตสูงเกินร้อยละ 4 ขณะครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยต้องขยายตัวที่ระดับ 4.1% เพื่อให้เศรษฐกิจทั้งปีโต 3.8% ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.จะปรับประมาณการอัตราการขยายตัวปีนี้ใหม่ปลายปี
- สศอ.ปรับเป้าดัชนี MPI ปี 60 เป็น 1-2% จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 0.5-1.5% และ ปรับ GDP ภาคอุตสาหกรรม
เป็น 1.5-2.0% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 1-2% เนื่องจากมองว่าช่วงที่เหลือของปีดัชนี MPI ยังน่าจะขยายตัวต่อเนื่องจากหลาย
อุตสาหกรรมที่คาดว่าจะกลับมาคึกคักตามเทศกาลและอีเว้นท์ต่างๆ ขณะที่ตัวเลข MPI เดือนก.ย.60 ขยายตัวต่อเนื่องที่ 4.2% เมื่อ
เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ MPI ไตรมาส 3 ขยายตัว 4.0% และ MPI ภาพรวม 9 เดือน ขยายตัว 1.4%
*หุ้นเด่นวันนี้
- FLOYD (บมจ.ฟลอยด์) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยเสนอขาย IPO ที่ 2.80 บาท/หุ้น บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เป็นหนึ่งในผู้จัดจำหน่ายฯ ประเมินราคาเหมาะสมที่ 3.30 บาท พร้อมแนะ"ซื้อ"
บริษัทฯเป็นผู้ให้บริการรับเหมาติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกลที่มีประสบการณ์มากว่า 29 ปี การให้บริการเป็นแบบเบ็ดเสร็จ ตั้งแต่งานรายละเอียดทางวิศวกรรม การจัดหาวัตถุดิบ และงานรับเหมาติดตั้ง แบ่งระบบติดตั้งได้เป็น 3 ประเภทได้แก่ 1) ระบบวิศวกรรมไฟฟ้า และระบบวิศวกรรมสื่อสาร 2) ระบบประปาระบบสุขาภิบาล และระบบป้องกันอัคคีภัย และ 3) ระบบปรับอากาศ มีกลุ่มลูกค้าหลัก อาทิ กลุ่มห้างสรรพสินค้าและค้าปลีก กลุ่มอาคารห้องชุดเพื่อการพักอาศัย อาคารสำนักงาน โรงพยาบาลและโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น
- WICE (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "เก็งกำไร" เป้า 5.20 บาท มองบวกหลังแจ้งเตรียมเข้าซื้อหุ้น 80% ของ Universal Worldwide Transport (UWT) ภายในสิ้นปี 2560 เพื่อขยายโครงข่ายธุรกิจ Freight Forwarder เพิ่มอีก 1 เป็น 3 พื้นที่ (ไทย สิงคโปร์ และแห่งใหม่ ฮ่องกง/จีน) นี่เป็นกลยุทธ์เติบโต 2 ทิศทาง 1.organic ตามภาวะนำเข้าส่งออกของทั้ง 3 พื้นที่ และ 2. inorganic จากการ M&A ธุรกิจเดียวกันในพื้นที่บริการแตกต่างกัน และได้ network กว้างใหญ่ขึ้น นอกจากนี้ การทยอยจ่ายเงิน 2 งวด(40 ล่านบาทใน ธ.ค.60 และ 75 ภายในปี 2565 ทำให้ WICE คงสถานะ Net Cash ได้ต่อไป)
- ICHI (ฟินันเซีย ไซรัส) "เก็งกำไร"เป้า 9 บาท คาดกำไรสุทธิ 3Q60 ที่ 168 ล้านบาท +87% Q-Q, +425% Y-Y จากฐานที่ต่ำทั้งในปีก่อนและไตรมาสก่อน แม้รายได้ในประเทศยังไม่ฟื้น แต่ถูกชดเชยจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะ CLMV โดยคาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดแล้ว จากการรุกตลาดส่งออก การปรับตัวรับภาษีเครื่องดื่มใหม่ และการเพิ่มกำลังการผลิตผ่านการรับจ้าง OEM แนวโน้มกำไรจึงยังดีต่อเนื่องใน 4Q60 ทั้งนี้ราคาหุ้นแม้จะปรับขึ้นมาแล้ว แต่ในเชิงโมเมนตัมราคา มองยังมีลุ้นขึ้นได้ต่อ
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐสดใส
      ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืน โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาบ้านและความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,144.92 จุด เพิ่มขึ้น 133.31 จุด, +0.61% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,393.97 จุด เพิ่มขึ้น 0.63 จุด, +0.02% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,387.55 จุด เพิ่มขึ้น 142.01 จุด, +0.50% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,816.04 จุด เพิ่มขึ้น 22.24 จุด, +0.21% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,535.97 จุด เพิ่มขึ้น 12.54 จุด, +0.50% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,377.19 จุด เพิ่มขึ้น 3.11 จุด, +0.09% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,747.79 จุด ลดลง 0.13 จุด, -0.01%
ผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐ พุ่งขึ้น 6.1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.8% และสูงกว่าระดับ 5.9% ในเดือนก.ค.
ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐทะยานขึ้น สู่ระดับ 125.9 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2543 ซึ่งขณะนั้น ดัชนีอยู่ที่ระดับ 128.6
ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงจับตาผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเฟดต่อจากนางเจเน็ต เยลเลน ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนก.พ.ปีหน้า โดยเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเสนอชื่อประธานเฟดคนใหม่ในวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่สื่อหลายสำนักรายงานว่า ปธน.ทรัมป์มีแนวโน้มที่จะเลือกนายเจอโรม พาวเวล ขึ้นดำรงตำแหน่งดังกล่าว
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการประชุมเฟดซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมครั้งนี้
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ปอนด์แข็งค่าสกัดฟุตซี่ปิดขยับขึ้นเพียง 5.27 จุด
      ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (31 ต.ค.) โดยดัชนี FTSE 100 ถูกกดดันในระหว่างวันจากการแข็งค่าของสกุลเงินปอนด์ สืบเนื่องจากกระแสคาดหวังในตลาดที่ว่า การเจรจา Brexit ระหว่างรัฐบาลสหราชอาณาจักรกับสหภาพยุโรป (EU) จะมีความคืบหน้าไปในทางที่ดี นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังถูกฉุดรั้งจากหุ้นเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป ซึ่งร่วงลงภายหลังจากผู้บริหารคนสำคัญของบริษัทประกาศเตรียมก้าวลงจากตำแหน่ง
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 5.27 จุด หรือ +0.07% ปิดที่ 7,493.08 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ได้รับแรงกดดันจากการที่สกุลเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังมีรายงานว่า นายมิเชล บาร์นิเยร์ หัวหน้าคณะเจรจา Brexit ฝ่าย EU เปิดเผยว่า เขาจะผลักดันการเจรจา Brexit ให้ได้ข้อสรุปเร็วขึ้น หลังจากที่ดำเนินยืดเยื้อจนส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนขึ้น
การแข็งค่าของสกุลเงินปอนด์ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทข้ามชาติซึ่งมีรายได้หลักจากธุรกิจในต่างประเทศ โดยหุ้นอิมพีเรียล แบรนด์ส ร่วงลง 2.2% หุ้นเพียร์สัน บริษัทสำนักพิมพ์สื่อการเรียนการสอนระดับชั้นนำ ร่วงลง 1.8% และหุ้นแกล็กโซสมิธไคลน์ ผู้ผลิตเวชภัณฑ์รายใหญ่ ร่วง 1.1%
หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวที่น่าจับตา หุ้นอีซีเจ็ท พุ่งขึ้น 3.2% หลังสายการบินชั้นประหยัดรายใหญ่รายนี้สามารถบรรลุข้อตกลงในการซื้อสินทรัพย์จากแอร์เบอร์ลินที่ประสบภาวะล้มละลาย
หุ้นเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป ดิ่งลง 1% หลังบริษัทผู้ผลิตเสื้อผ้าและเครื่องประดับระดับชั้นนำเปิดเผยว่า นายคริสโตเฟอร์ เบลีย์ หัวหน้าฝ่ายครีเอทีฟจะลาออกจากบริษัทภายในสิ้นปีหน้า
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก รับข้อมูลศก.สดใส,ผลประกอบการแข็งแกร่ง
       ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงไรอันแอร์ และบีพี นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 3 ปีนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 395.22 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ค.ปีนี้
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,503.29 จุด เพิ่มขึ้น 9.66 จุด หรือ +0.18% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,493.08 จุด เพิ่มขึ้น 5.27 จุด หรือ +0.07% ส่วนตลาดหุ้นเยอรมนีปิดทำการวันอังคารที่ 31 ต.ค. เนื่องในวันแห่งการปฏิรูปศาสนา
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยหนุนหลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัว 0.6% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบรายไตรมาส และหากเมื่อเทียบรายปี เศรษฐกิจยูโรโซนมีการขยายตัว 2.5% ในไตรมาส 3 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนมีการขยายตัว 0.5% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบรายไตรมาส และขยายตัว 2.4% เมื่อเทียบรายปี
นอกจากนี้ รายงานของยูโรสแตทยังระบุว่า อัตราการว่างงานในยูโรโซน ลดลงสู่ระดับ 8.9% หรือ 14.513 ล้านคนในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2552 จากระดับ 9.0% หรือ 14.609 ล้านคนในเดือนส.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าอัตราการว่างงานอยู่ที่ระดับ 9.0% ในเดือนก.ย.
ส่วนดัชนี IBEX 35 ตลาดหุ้นสเปน ปรับตัวขึ้น 0.7% ปิดที่ระดับ 10,523.50 จุด เนื่องจากสถานการณ์การเมืองในสเปนเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี โดยรายงานล่าสุดระบุว่า ศาลฏีกาของสเปนได้เริ่มกระบวนการพิจารณาคดีกบฏที่มีการยื่นฟ้องต่อนายคาร์เม ฟอร์คาเดล อดีตประธานรัฐสภาแคว้นกาตาลุญญา รวมทั้งสมาชิกรัฐสภาระดับสูง หลังจากที่รัฐสภาคาตาลันได้ประกาศแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปนในวันที่ 27 ต.ค.
หุ้นไรอันแอร์ ทะยานขึ้น 6.9% หลังจากสายการบินต้นทุนต่ำรายนี้เปิดเผยว่า ยอดจำหน่ายตั๋วเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2.52 พันล้านยูโรในไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 2.44 พันล้านยูโร พร้อมกับคงตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรตลอดปี 2560 เอาไว้ในกรอบ 1.40-1.45 พันล้านยูโร
หุ้นบีพี พุ่งขึ้น 1.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 1.87 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.58 พันล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ซึ่งมีกำหนดประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดีที่ 2 พ.ย.นี้ ขณะที่ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ระบุว่า BoE มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.5% จากปัจจุบันที่ระดับ 0.25% หลังจากมีรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษขยายตัวที่ระดับ 0.4% ในไตรมาสที่ 3 สูงกว่าไตรมาสที่ 2 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 0.3% และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 28.50 จุด รับผลประกอบการสดใส,นักลงทุนจับตาประชุมเฟด
      ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาบ้านและความเชื่อมั่นผู้บริโภค ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ พร้อมกับรอดูการเปิดเผยชื่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,377.24 จุด เพิ่มขึ้น 28.50 จุด หรือ +0.12% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,575.26 จุด เพิ่มขึ้น 2.43 จุด หรือ +0.09% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,727.67 จุด เพิ่มขึ้น 28.71 จุด หรือ +0.43%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวก หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทในกลุ่มผู้ผลิตอาหาร นำโดยหุ้นมอนเดเลซ อินเตอร์เนชันแนล พุ่งขึ้น 5.4% ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มผู้ผลิตอาหาร ปรับตัวขึ้น 0.5% ขณะที่หุ้นฮอร์เมล ฟู้ดส์ พุ่งขึ้น 3.4% หุ้นคราฟท์ ไฮนซ์ ทะยานขึ้น 2.7% และหุ้นเจเนอรัล มิลส์ พุ่งขึ้น 2.5%
หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.4% ขานรับรายงานที่ว่า บริษัทแอปเปิลได้รับคำสั่งจองซื้อ iPhone X เป็นจำนวนมาก นับตั้งแต่ที่เปิดรับจองเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยการพุ่งขึ้นของหุ้นแอปเปิล ช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น 0.4%
อย่างไรก็ตาม หุ้นไฟเซอร์ ปรับตัวลง 0.3% แม้ว่าบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่รายนี้ได้เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ที่ระดับ 67 เซนต์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 64 เซนต์
ขณะที่หุ้นมาสเตอร์การ์ด ขยับลง 0.1% แม้บริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 3 ที่ระดับ 3.40 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.28 พันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐ พุ่งขึ้น 6.1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.8% และสูงกว่าระดับ 5.9% ในเดือนก.ค.
ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐทะยานขึ้น สู่ระดับ 125.9 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2543 ซึ่งขณะนั้น ดัชนีอยู่ที่ระดับ 128.6
นักลงทุนยังคงจับตาผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเฟดต่อจากนางเจเน็ต เยลเลน ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนก.พ.ปีหน้า โดยเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเสนอชื่อประธานเฟดคนใหม่ในวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่สื่อหลายสำนักรายงานว่า ปธน.ทรัมป์มีแนวโน้มที่จะเลือกนายเจอโรม พาวเวล ขึ้นดำรงตำแหน่งดังกล่าว
ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมเฟดซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมครั้งนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้น 300,000 ตำแหน่ง ส่วนตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อนั้น คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี หรือเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนต.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนต.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนต.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดุลการค้าเดือนก.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนต.ค. จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนต.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ย.
--อินโฟเควสท์
OO1761

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!