WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

47ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่ง Sideway up ตามตลาดตปท.หลัง ECB ปรับลด QE แบบค่อยเป็นค่อยไป

       นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่ง Sideway up เนื่องจากตลาดต่างประเทศเป็นบวก โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกราว 0.3-0.4% ซึ่งจะบวกในตลาดแถบเอเชียเหนือเป็นส่วนใหญ่ ภายหลังจากที่ผลกำไรของบริษัทในสหรัฐฯเป็นบวก และผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ให้มีการปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยปัจจุบันมีวงเงินการทำ QE อยู่ 60,000 ล้านยูโร/เดือน จะให้คงไว้ถึงสิ้นปีนี้ และจะลดขนาด QE ลงเหลือ 30,000 ล้านยูโร/เดือน ในม.ค.ปีหน้า ซึ่งจะทำต่อไปจนถึงก.ย.61 แต่หากมีความจำเป็นก็ยังสามารถขยายการทำ QE ได้

       พร้อมกันนี้ให้ติดตามตัวเลข GDP งวดไตรมาส 3/60 ของสหรัฐฯที่จะประกาศวันนี้ ส่วนปัจจัยในประเทศให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือนที่จะประกาศออกมาในสัปดาห์หน้า และติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนด้วย

       นอกจากนี้ ให้ติดตามการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ขณะนี้เริ่มแข็งค่าแล้ว และการปรับขึ้นของ Bond yield ที่ขณะนี้อยู่มากกว่า 2.4% แล้ว ทำให้เงินบาทอ่อนค่าเริ่มเห็นชัดขึ้น ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นออกมา และอาจทำให้ตลาดผันผวน

พร้อมให้แนวรับ 1,700-1,705 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,712 ถัดไป 1,718-1,720 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 ต.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,400.86 จุด เพิ่มขึ้น 71.40 จุด (+0.31%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,560.40 จุด เพิ่มขึ้น 3.25 จุด (+0.13%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,556.77 จุด ลดลง 7.12 จุด (-0.11%)

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 163.49 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.81 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 4.54 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 22.59 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.96 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 130.53 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.07 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 7.32 จุด

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 ต.ค.60) 1,708.84 จุด เพิ่มขึ้น 7.03 จุด (+0.41%)

- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,726.70 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 ต.ค.60

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 ต.ค.60) ปิดที่ระดับ 52.64 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ หรือ 0.9%

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 ต.ค.60) ที่  7.49 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

- เงินบาทเปิด 33.29 อ่อนค่าจากดอลล์แข็ง หลัง ECB มีมติคงดอกเบี้ย มองกรอบวันนี้ 33.25-33.35

- คลังเตรียมออกกฎหมายดึงเงินฝากที่ไม่เคลื่อนไหวตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป มาเก็บไว้ในบัญชีเงินคงคลัง ระบุปัจจุบันยังไม่มีหลักเกณฑ์การบริหารจัดการทำให้ไม่มีการบริหารบัญชีอย่างมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม

- นายสมชาย เลิศลาภวศิน ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เครื่องชี้เศรษฐกิจในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีแนวโน้มปรับดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ เพียงแต่อาจจะยังกระจายไม่ทั่วถึง จากการพูดคุยกับผู้ประกอบการภาคธุรกิจยานยนต์ในพื้นที่บางส่วน ก็พบว่าภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เคยเพิ่มการผลิตเพื่อสต็อกสินค้ารองรับโครงการรถยนต์คันแรก แบกภาระดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายต่างๆ เมื่อหลายปีก่อนก็เริ่มปรับตัวได้ สามารถลดสต็อกสินค้าที่เคยมีไว้มากลงแล้ว

- แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยเบี้ยประกันวินาศภัยในช่วง 8 เดือนของปี 2560 ว่า ธุรกิจประกันภัยมีเบี้ยรับรวม 1.43 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.79% ซึ่งเป็นผลมาจากประชาชนมีการซื้อประกันภัยทุกประเภทเพิ่มขึ้น

- อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตในปีงบประมาณ 61 ซึ่งเริ่มต้นเดือน ต.ค.60 จนถึงเดือน ก.ย.61 กรมได้รับมอบหมายจัดเก็บรายได้ตลอดทั้งปีงบประมาณ 600,000 ล้านบาทนั้น มั่นใจว่าจะจัดเก็บรายได้ตามเป้า เนื่องจากแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจปลายปีนี้ถึงปีหน้าดีขึ้น

*หุ้นเด่นวันนี้

- SUSCO (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 5.50 บาท หลังราคาหุ้นรับข่าวร้ายจากค่าใช้จ่ายพิเศษทางภาษีเมื่อ 2Q60 เชื่อว่า SUSCO กำลังกลับสู่ช่วงการเติบโตผลกำไรอีกครั้งหนึ่ง โดยคาดผลกำไรฟื้นตัวตั้งแต่ 3Q60 และมีการเติบโต EPS เฉลี่ย 19% ต่อปี ในช่วงปี 2561-2563 โดยเป็นหุ้นราคาไม่แพง (PE ปี 2561 11 เท่า) แต่แนวโน้มการเติบโตแข็งแกร่ง

- BDMS (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "เก็งกำไร" แนวต้านบริเวณ 21.80 บาท คาดผลประกอบการไตรมาส 3 เติบโต YoY, QoQ จากทั้งจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นประมาณ 10%YoY และ EBITDA margin (%) ที่สูงขึ้นตามดัชนีความซับซ้อนของโรค (Case mix index) ในขณะที่คาด Margin(%) จะค่อยๆ ดีขึ้น ในปี 2561 จากการ Break even ของโรงพยาบาลในเครือต่างจังหวัดกว่า 10 โรง สำหรับอุตสาหกรรมโรงพยาบาล มองว่า BDMS จะได้ประโยชน์จากจำนวนสาขาที่สูงสุดในประเทศประมาณ 45 โรง (ประมาณ 6,000 เตียง) ครอบคลุมทุกภูมิภาค

- CPN (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 93 บาท (ยังไม่รวม Upside จากการร่วมทุนกับ DTC) จุดแข็งคือ ศูนย์การค้าที่อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ และมีการปรับปรุงศูนย์เดิมต่อเนื่องเพื่อเพิ่ม Occupancy rate และค่าเช่า คาดกำไรปีนี้  +8% Y-Y อยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท ก่อนจะโตแรง 23% Y-Y อยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท ในปีหน้า จากการรับรู้รายได้จากคอนโดฯ 3 แห่ง และหลังจากนี้จะพัฒนาที่อยู่อาศัยอีกปีละ 3 แห่งเพื่อใช้พื้นที่ของศูนย์ได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นตามทิศทางวอลล์สตรีท รับสภาผู้แทนฯสหรัฐไฟเขียวงบประมาณ

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นในช่วงเช้านี้ หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐปิดในแดนบวก ขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งแรงหนุนจากรายงานที่ว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐไฟเขียวร่างงบประมาณปี 2561 ฉบับวุฒิสภา ซึ่งจะเป็นการปูทางให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้ามาตรการปฏิรูปภาษี

       ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 21,903.27 จุด เพิ่มขึ้น 163.49 จุด, +0.75% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,485.44 จุด เพิ่มขึ้น 4.81 จุด, +0.19% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,741.34 จุด เพิ่มขึ้น 4.54 จุด, +0.26% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,757.35 จุด เพิ่มขึ้น 22.59 จุด, +0.21% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,361.21 จุด เพิ่มขึ้น 4.96 จุด, +0.15% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,332.91 จุด เพิ่มขึ้น 130.53 จุด, +0.46% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,404.50 จุด ลดลง 3.07 จุด, -0.09% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,260.60 จุด ลดลง 7.32 จุด, -0.09%

       สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้อนุมัติร่างงบประมาณปี 2561 ฉบับของวฺฒิสภา วงเงิน 4 ล้านล้านดอลลาร์แล้วเมื่อวานนี้ ด้วยคะแนนเสียง 216 ต่อ 212 นับเป็นการกรุยทางสู่การพิจารณาแผนปฏิรูประบบภาษีของปธน.ทรัมป์ต่อไป

       นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในเอเชีย ซึ่งรวมถึง ชาร์ป, ยาฮู เจแปน, เกีย มอเตอร์, ไชน่า ยูนิคอม และผิง อัน อันชัวรันซ์

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 39.29 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นยุโรป

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (26 ต.ค.) ตามทิศทางของตลาดหุ้นยุโรป ภายหลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ประกาศขยายเวลาซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำต่อไปจนถึงปี 2562 เป็นอย่างน้อย

       ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 39.29 จุด หรือ +0.53% ปิดที่ 7,486.50 จุด

       ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ หุ้นบาร์เคลย์ส ร่วงลงถึง 7.4% หลังธนาคารยักษ์ใหญ่รายนี้เปิดเผยรายได้ประจำไตรมาส 3 ร่วงลง 5% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 5.17 พันล้านปอนด์

        อย่างไรก็ตาม ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกด้วยแรงหนุนจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนในยุโรป ภายหลังจาก ECB ประกาศว่าจะปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรลงจากระดับ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน เหลือ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน ตั้งแต่ปีหน้า แต่จะขยายเวลาโครงการ QE เพิ่มอีก 9 เดือนจนถึงเดือนก.ย.เป็นอย่างน้อย นอกจากนี้ ECB ยังส่งสัญญาณว่าอาจจะพิจารณามาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมหากจำเป็น

      สกุลเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.1695 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1813 ดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์กในคืนวันพุธ ภายหลังจาก ECB ได้ประกาศมติการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อวานนี้

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ นักลงทุนชะลอซื้อขายก่อนรู้ผลประชุม ECB

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 ต.ค.) จากการที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีขึ้นในช่วงเย็นวันนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นลอนดอนร่วงลงกว่า 1% เนื่องจากเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นหลังจากมีรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษขยายตัวแข็งแกร่งขึ้นในไตรมาส 3 ซึ่งส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า

        ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.6% ปิดที่ 387.13 จุด

        ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,953.41 จุด ลดลง 59.78 จุด หรือ -0.46% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,447.21 จุด ลดลง 79.33 จุด หรือ -1.05% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,374.89 จุด ลดลง 19.91 จุด หรือ -0.37%

        นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่การประชุม ECB จะมีขึ้นในช่วงเย็นวันนี้ ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า ที่ประชุม ECB อาจจะประกาศการปรับลดวงเงินการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จากระดับ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือนในปัจจุบัน

      ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลง เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินปอนด์ หลังจากมีการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี ในการประชุมสัปดาห์หน้า หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) รายงานว่า GDP ของอังกฤษขยายตัวที่ระดับ 0.4% ในไตรมาสที่ 3 สูงกว่าไตรมาสที่ 2 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 0.3% และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

       หุ้นไฮเนเก้น ร่วงลง 3.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 20% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ แต่ได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2560

      อย่างไรก็ตาม หุ้นเทเลนอร์ ดีดตัวขึ้น 4.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 3 พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2560

        ส่วนหุ้นสินค้าแบรนด์ดังปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นคริสเตียน ดิออร์ และหุ้นหลุยส์ วิตตอง ต่างก็ปรับตัวขึ้น 1.3% ขณะที่หุ้นเคอริ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์กุชชี่และอีฟส์ แซงต์ โลรองต์ ทะยานขึ้น 8.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 71.40 จุด รับผลประกอบการสดใส,สภาผู้แทนฯสหรัฐไฟเขียวงบประมาณ

      ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับผลประการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงฟอร์ด มอเตอร์ และทวิตเตอร์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐไฟเขียวร่างงบประมาณปี 2561 ฉบับวุฒิสภา ซึ่งจะเป็นการปูทางให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้ามาตรการปฏิรูปภาษี

       ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,400.86 จุด เพิ่มขึ้น 71.40 จุด หรือ +0.31% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,560.40 จุด เพิ่มขึ้น 3.25 จุด หรือ +0.13% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,556.77 จุด ลดลง 7.12 จุด หรือ -0.11%

       ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดดีดตัวขึ้น ขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งรายงานที่ว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้อนุมัติร่างงบประมาณปี 2561 ฉบับของวฺฒิสภา วงเงิน 4 ล้านล้านดอลลาร์แล้วเมื่อวานนี้ ด้วยคะแนนเสียง 216 ต่อ 212 นับเป็นการกรุยทางสู่การพิจารณาแผนปฏิรูประบบภาษีของปธน.ทรัมป์ต่อไป

      หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ พุ่งขึ้น 1.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 3 พุ่งขึ้น 63% โดยได้ปัจจัยหนุนจากการปรับโครงสร้างผู้บริหาร ยอดขายรถปิ๊คอัพที่แข็งแกร่ง ตลอดจนการปรับลดต้นทุนลงอย่างต่อเนื่อง

      หุ้นทวิตเตอร์ ทะยานขึ้น 18.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2560 หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนในไตรมาส 3 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 21 ล้านดอลลาร์ จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 103 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ บริษัทยังได้แสดงความเชื่อมั่นว่าจะสามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้อีกครั้งในไตรมาส 4 ปีนี้ เนื่องจากการดำเนินนโยบายปรับลดต้นทุนและการมีแหล่งรายได้ใหม่ๆ

      หุ้นดูปองท์ พุ่งขึ้น 2.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 3 ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีท ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า

         อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ หลังจากหุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพร่วงลง อันเนื่องมาจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทหลายแห่ง และจากรายงานข่าวที่ว่า อเมซอนดอทคอม ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการด้านเวชภัณฑ์ในหลายรัฐของสหรัฐ ให้เป็นผู้ค้าส่งสินค้าด้านเวชภัณฑ์ ทั้งนี้ หุ้นเซลจีน ทรุดฮวบลง 16.4% หุ้นบริสทอล-ไมเยอร์ส สควิบบ์ ร่วงลง 4.8% หุ้น AbbVie ร่วงลง 2.4% หุ้นทาเนท เฮลธ์แคร์ ร่วงลง 9.2% หุ้นนูทรีซิสเต็ม ดิ่งลง 10.5%

     นักลงทุนยังคงจับตาการเลือกผู้ที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ ขณะที่รายงานข่าวล่าสุดระบุว่า นางเจเน็ต เยลเลน ได้หลุดโผรายชื่อผู้ที่จะได้รับการเสนอชื่อให้มาทำหน้าที่ประธานเฟดคนใหม่แล้ว ซึ่งส่งผลให้นายเจอโรม พาวเวล ผู้ว่าการเฟด และนายจอห์น เทย์เลอร์ นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เป็น 2 ตัวเก็งที่ปธน.ทรัมป์พิจารณาคัดเลือกเป็นประธานเฟด

       อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระบุว่า ปธน.ทรัมป์ยังไม่ได้ประกาศผลการตัดสินใจว่าจะเสนอชื่อใครให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว

       สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 233,000 ราย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 235,000 ราย

      ทางด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 106 ในเดือนก.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 0.4% นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนก.ย.ปรับตัวขึ้น 0.3% สู่ระดับ 6.09 แสนล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับเดือนส.ค.ที่ขยายตัว 0.8% โดยสต็อกสินค้าภาคส่งเดือนก.ย.ออกมาต่ำกว่าการคาดการณ์ที่ระดับ 0.4%

                นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 3

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!