WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

56ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นขึ้นแต่ไปได้ไม่ไกล เล็งกลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯหนุนหลังราคาน้ำมันขยับขึ้น

      นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโอกาสที่จะแกว่งตัวขึ้นได้แต่ไม่ไกล โดยรวมคงเป็นลักษณะของการแกว่งไซด์เวย์ในกรอบ 1,700-1,710 จุด เนื่องจากนักลงทุนชะลอการลงทุนในช่วงงานพระราชพิธีฯ วอลุ่มเทรดวันนี้คงจะมีประมาณ 4.5-5 หมื่นล้านบาท

       อย่างไรก็ดี ดัชนีฯยืนเหนือระดับ 1,700 จุด ถือว่าเป็น Sentiment ที่ดีของตลาดฯ คาดวันนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี เนื่องจากราคาน้ำมันปรับขึ้นมา 1.1% หลังซาอุดิอาระเบียยังคงมุ่งมั่นลดการผลิตน้ำมัน และการรายงานสต็อคน้ำมันของสหรัฐฯในวันนี้คาดว่าจะออกมาลดลงเช่นกัน

      ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้อยู่ในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ราว 0.3-0.4% พร้อมให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 26 ต.ค.นี้ และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. รวมถึงรอติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 3/60 ในสัปดาห์หน้า

      ด้านนายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ขยับบวกในกรอบแคบ มอง sentiment ต่างประเทศและราคาน้ำมันยังคงเป็นปัจจัยบวก หลังจากเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นต่างประเทศปรับตัวบวกขึ้นขานรับ PMI ภาคการผลิตโลกที่ดีเกินคาด ส่วนผลกำไรบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐออกมาดี

       ขณะที่ SET ขึ้นมาเหนือ 1,700 จุดได้ ถือเป็นสัญญาณดี รวมทั้งยังมีสัญญาณเชิงบวกจาก RMF ทำให้เงินเริ่มทยอยไหลเข้า แต่มองว่ากรอบขึ้นไปได้จำกัด เนื่องจากมีวันหยุดหลายวัน และมีพระราชพิธีในช่วงสัปดาห์นี้ ต้องระวัง volumn ที่ยังค่อนข้างน้อย ยังต้องติดตามการฟื้นตัวของผลตอบแทนพันธบัตร (bond yield) และทิศทางค่าเงินดอลลาร์กันต่อ ซึ่งอาจกระตุ้นให้มีแรงขายจากต่างชาติได้

พร้อมทั้งให้แนวรับที่ 1,695 จุด และแนวต้าน 1,705-1,710 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (24 ต.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,441.76 จุด เพิ่มขึ้น 167.80 จุด (+0.72%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่  2,569.13 จุด เพิ่มขึ้น 4.15 จุด (+0.16%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,598.43 จุด เพิ่มขึ้น 11.60 จุด (+0.18%),

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 94.96 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.39 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 83.88 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 27.62 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.38 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.85 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.89 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 19.76 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 9.95 จุด

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (24 ต.ค.60) 1,701.81 จุด เพิ่มขึ้น 9.23 จุด (+0.55%)

- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 387.58 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 ต.ค.60

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (24 ต.ค.60) ปิดที่ระดับ 52.47 ดอลลาร์/บาร์เรล  เพิ่มขึ้น 57 เซนต์ หรือ 1.1%

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 ต.ค.60) ที่ 7.26 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

- เงินบาทเปิด 33.20 แนวโน้มอ่อนค่าหลังดอลล์แข็ง นลท.รอความชัดเจนว่าที่ประธานเฟด

- กกพ.ปลื้ม ยอดขอ SPP ไฮบริดปี 60 พุ่งกว่า 1,644 เมกะวัตต์สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 5 เท่าแจง 14 ธ.ค.ประกาศผลคัดเลือก

- คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์ ให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ(พีพีพี) ปี 2560-64 มีโครงการรวม 55 โครงการ วงเงิน 1.62 ล้านล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12

- ครม.เคาะจัดสรรทุนประเดิมดีป้า 3 ปี วงเงิน 3.76 พันล้านบาท รองรับแผนงานหลัก 7 ส่วน ย้าย EGA เข้าสำนักนายกฯอีก 4 เดือน พร้อมอัพเกรดเปลี่ยนชื่อเป็น DGA ขึ้นตรงนายกรัฐมนตรี

- กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ คาดส่งออกปี 60 โต 8% ฟุ้งมีมูลค่า 2.32 แสนล้านเหรียญสหรัฐ สูงสุดทุบสถิติ เผยเร่งเดินหน้าประเมินเป้าปี 61 คาดประกาศได้กลางเดือน ม.ค. ระบุกลยุทธ์ส่งออก จะเน้นขยายตลาดกับคู่ค้ารายประเทศ เจาะเมืองรองขยายตลาดบริการและเจาะเป็นรายกลุ่ม

- ที่ประชุมร่วมระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบเพิ่มเติมข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ในที่ดินในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ลงในคำสั่งในมาตรา 44 ของ คสช.ที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นการวางแผนการใช้ที่ดินให้เหมาะสมกับสภาพของพื้นที่และศักยภาพของที่ดินตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่จะต้องมีการวางผังเมืองและพัฒนาเมืองใน 3 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ให้สอดคล้องกัน

*หุ้นเด่นวันนี้

- PRM (ยูโอบี เคย์เฮียน) กลุ่มโลจิสติกส์ที่เติบโตโดดเด่นจากการขยายกองเรือในอัตราเฉลี่ย 26% ต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยมีส่วนบ่างตลาดขนส่งน้ำมันในประเทศ 40% ทำให้หุ้นมีโอกาสถูก re-rate ขึ้นไปซื้อขายในระดับ Forward PER 23-25 เท่า จากระดับ 20 เท่าในปัจจุบัน ขณะที่หุ้นยังมีการถือครองน้อย (under-owned) ทั้งนี้ concensus ประเมินราคาเหมาะสมระหว่าง 10-16.20 บาท (เฉลี่ย 14.07 บาท)

- MINT (ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 48 บาท คาดกำไรปกติ Q3/60 โตแข็งแกร่ง +61.8% Q-Q +20.1% Y-Y อยู่ที่ 1,192 ลบ.จากแรงหนุนของธุรกิจโรงแรมโดยเฉพาะในไทย รวมถึง High Season ของโปรตุเกส ชดเชยธุรกิจอาหารที่คาด SSSG ยังติดลบได้ ขณะที่ปัจจุบันมี Catalyst จากการเข้าสู่ High Season ของการท่องเที่ยวไทย ซึ่งหนุนให้กำไรโตโดดเด่นต่อเนื่อง โดบยังคงประมาณการกำไรปกติปี 60 โต 23.4% Y-Y และโต 15.1% Y-Y ในปี 61

- COM7 (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 17.50 บาท เป็นหนึ่งในหุ้นเก็งผลประกอบการเด่นงวด Q3/60 คาดกำไรสุทธิ 154 ล้านบาท +21.9% QoQ และ +69.5% YoY จากการได้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและยอดขายที่ดีขึ้น มุมมองในระยะกลางมีแรงขับเคลื่อนหลักจากการปรับกลยุทธ์เพิ่มสินค้าประเภทโทรศัพท์มือถือที่จับกลุ่มตลาดกลางถึงล่าง จากเดิมสินค้าสำหรับกลุ่มกลางถึงบน ปรากฎว่าได้รับการตอบรับที่ดีมากขึ้น

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับดาวโจนส์พุ่งทำนิวไฮ

            ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ตามทิศทางของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืน ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงบริษัทแคทเธอร์พิลลาร์ และ 3M นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐมีการขยายตัวได้ดีในเดือนต.ค.

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 21,900.13 จุด เพิ่มขึ้น 94.96 จุด, +0.44% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,384.86 จุด ลดลง 3.39 จุด, -0.10% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,238.85 จุด เพิ่มขึ้น 83.88 จุด, +0.30% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,771.40 จุด เพิ่มขึ้น 27.62 จุด, +0.26% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,495.87 จุด เพิ่มขึ้น 5.38 จุด, +0.22% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,328.82 จุด ลดลง 5.85 จุด, -0.18% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,737.03 จุด เพิ่มขึ้น 0.89 จุด, +0.05% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,299.68 จุด เพิ่มขึ้น 19.76 จุด, +0.24% ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียเปิดวันนี้ที่ 5,962.03 จุด เพิ่มขึ้น 9.95 จุด, +0.17%

                ทั้งนี้ ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนต.ค.ของสหรัฐ อยู่ที่ระดับ 54.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน จากระดับ 53.1 ในเดือนก.ย. ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนต.ค. อยู่ที่ 55.9 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 55.3 ในเดือนก.ย.

                นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย

                ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย., ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ย., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : แรงขายหุ้น วิตเบรด สกัดฟุตซี่ปิดขยับขึ้นเพียง 2.09 จุด

            ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (24 ต.ค.) โดยดัชนี FTSE 100 ถูกกดดันในระหว่างวันจากแรงเทขายในหุ้นวิตเบรด หลังบริษัทผู้ดำเนินธุรกิจโรงแรม เชนร้านกาแฟและร้านอาหารรายนี้เปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังในหน่วยธุรกิจย่อย ซึ่งทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับการดำเนินงานของ "คอสตา คอฟฟี" เชนร้านกาแฟชื่อดังในเครือของบริษัท

                ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 2.09 จุด หรือ +0.03% ปิดที่ 7,526.54 จุด

                ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้เป็นไปอย่างเงียบเหงา โดยนักลงทุนส่วนใหญ่จับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ และความคืบหน้าของรัฐบาลสหราชอาณาจักรในการเจรจา Brexit กับสหภาพยุโรป โดยนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวย้ำต่อสมาชิกรัฐสภาอังกฤษเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า เธอมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถผลักดันการเจรจาให้มีความคืบหน้าก่อนที่จะถึงการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรปครั้งต่อไปในเดือนธ.ค.นี้

                หุ้นวิตเบรด ร่วงลง 4.8% หลังบริษัทรายงานยอดขายที่ชะลอตัวลงในธุรกิจร้านกาแฟ "คอสตา"

                หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่น่าจับตา หุ้นแองโกล อเมริกัน ขยับขึ้น 0.1% หลังบริษัทเปิดเผยปริมาณผลผลิตประจำไตรมาส 3 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6%

                หุ้นกลุ่มผู้ผลิตแร่ทองแดงรายใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางของราคาแร่ทองแดงที่ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นอันโตฟากาสตา พุ่งขึ้น 2.8% และหุ้นเกลนคอร์ เพิ่มขึ้น 1.4%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ หลัง PMI ยูโรโซนชะลอตัว,ผลประกอบการ โบลิเดน ต่ำกว่าคาด

            ตลาดหุ้นยุโรปปิดอ่อนแรงลงเมื่อคืนนี้ (24 ต.ค.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัทโบลิเดน ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ของสวีเดน และจากแรงขายที่ส่งเข้าฉุดหุ้นวิตเบรด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจโรงแรม เชนร้านกาแฟและร้านอาหารรายใหญ่ของอังกฤษ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากมีรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซน ปรับตัวลดลงในเดือนต.ค.

                ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.4% ปิดที่ 389.33 จุด

                ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,394.80 จุด เพิ่มขึ้น 7.99 จุด หรือ +0.15% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,013.19 จุด เพิ่มขึ้น 10.05 จุด หรือ +0.08% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,526.54 จุด เพิ่มขึ้น 2.09 จุด หรือ +0.03%

                ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากแรงขายที่ส่งเข้าฉุดหุ้นวิตเบรด โดยราคาหุ้นดังกล่าวปิดตลาดร่วงลง 4.8% หลังจากบริษัทรายงานยอดขายที่ชะลอตัวลงในธุรกิจร้านกาแฟ "คอสตา คอฟฟี"

                หุ้นโบลิเดน ดิ่งลง 6.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด รวมทั้งข่าวที่ว่านายเลนนาร์ท เอิร์ฟเรลล์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโบลิเดน จะลาออกจากตำแหน่งในปีหน้า

                นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันหลังจากไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นของยูโรโซน อยู่ที่ 54.9 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ลดลงจากระดับ 55.8 ในเดือนก.ย. ขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 58.7 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ลดลงจากระดับ 59.2 ในเดือนก.ย.

                อย่างไรก็ตาม หุ้น AMS ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ของบริษัทแอปเปิล อิงค์ ทะยานขึ้น 22% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 4 ปีนี้

                นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคาดว่า ECB อาจจะประกาศการปรับลดวงเงินการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 167.80 จุด รับผลประกอบการแข็งแกร่ง

            ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (24 ต.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงบริษัทแคทเธอร์พิลลาร์ และ 3M นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐมีการขยายตัวได้ดีในเดือนต.ค. ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาผู้ที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ รวมทั้งการรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 3 ของสหรัฐ ในสัปดาห์นี้

                ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,441.76 จุด เพิ่มขึ้น 167.80 จุด หรือ +0.72% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,569.13 จุด เพิ่มขึ้น 4.15 จุด หรือ +0.16% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,598.43 จุด เพิ่มขึ้น 11.60 จุด หรือ +0.18%

                ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคักเมื่อคืนนี้ เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทแคทเธอร์พิลลาร์ ผู้ผลิตเครื่องมือก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ที่ระดับ 1.95 ดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.27 ดอลลาร์ ขณะที่รายได้ในไตรมาส 3 อยู่ที่ระดับ 1.141 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.065 หมื่นล้านดอลลาร์

                ด้านบริษัท 3M เปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้ในไตรมาส 3 ที่ระดับ 8.172 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 7.927 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ระดับ 2.33 ดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.21 ดอลลาร์

                ส่วนบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยว่า กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 อยู่ที่ระดับ 1.32 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.12 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่รายได้อยู่ที่ระดับ 3.36 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.272 หมื่นล้านดอลลาร์

                ทางด้านบริษัทแมคโดนัลด์ คอร์ป เปิดเผยว่า บริษัทมียอดขายในสหรัฐพุ่งขึ้น 4.1% ในไตรมาส3 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 3.6% ขณะที่รายได้อยู่ที่ระดับ 5.8 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 5.7 พันล้านดอลลาร์

                ทั้งนี้ ผลประกอบการที่แข็งแกร่งช่วยหนุนหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 5% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีนี้ ขณะที่หุ้น 3M ทะยานขึ้น 3.9% ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปี 2552 ส่วนหุ้นแมคโดนัลด์ ปรับตัวขึ้น 0.3% และหุ้น GM พุ่งขึ้น 3%

                ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนต.ค.ของสหรัฐ อยู่ที่ระดับ 54.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน จากระดับ 53.1 ในเดือนก.ย. ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนต.ค. อยู่ที่ 55.9 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 55.3 ในเดือนก.ย.

                อย่างไรก็ตาม หุ้นเวิลด์พูล ร่วงลง 11% หลังจากบริษัทเซียร์ส โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ประกาศว่า ทางบริษัทจะยุติความสัมพันธ์ทางการค้าที่ดำเนินมานานร่วม 100 ปีกับเวิลด์พูล โดยจะยุติการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของเวิลด์พูล เนื่องจากทั้งสองบริษัทไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องของราคา ทั้งนี้ การร่วงลงอย่างหนักของหุ้นเวิลด์พูล ได้สะกัดแรงบวกของดัชนี S&P500

                ส่วนหุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ด้านการบินและอวกาศ ปรับตัวลง 0.93% แม้ทางบริษัทได้เปิดเผยรายได้ในไตรมาส 3 ที่ระดับ 1.506 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.498 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไรต่อหุ้นที่ระดับ 1.73 ดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.69 ดอลลาร์

                นักลงทุนจับตาการเปิดเผยชื่อว่าที่ประธานเฟด ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจประกาศชื่อประธานเฟดคนใหม่ก่อนที่เขาจะเดินทางเยือนภูมิภาคเอเชียในวันที่ 3 พ.ย.นี้ โดยขณะนี้ปธน.ทรัมป์กำลังพิจารณาบุคคลอย่างน้อย 3 คน ซึ่งได้แก่ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน, นายเจอโรม พาวเวล ผู้ว่าการเฟด และนายจอห์น เทย์เลอร์ นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด

                นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย

                ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย., ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ย., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!