WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

55ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์-ชะลอลงทุนช่วงงานพระราชพิธีฯ แนะติดตามปัจจัยตปท.

       นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ เนื่องจากปัจจัยในประเทศที่มีวันหยุดหลายวัน และงานพระราชพิธีฯก็อาจทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนไปก่อน

       อย่างไรก็ดี ต้องติดตามปัจจัยจากต่างประเทศ โดยวันนี้ติดตามตัวเลข PMI ภาคการผลิตของหลายประเทศทั่วโลก และในวันที่ 26 ต.ค.ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดว่าจะประกาศลดการทำ QE ส่วนวันที่ 27 ต.ค.ให้ติดตามตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) งวดไตรมาส 3/60 ของสหรัฐฯ

       ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบคละกันราว 0.1% มีเพียงตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่บวกได้ดี ภายหลังจากที่นายชินโซ อาเบะ ชนะการเลือกตั้ง

พร้อมให้แนวรับ 1,680-1,685 จุด ส่วนแนวต้าน 1,700 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (23 ต.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,273.96 จุด ลดลง 54.67 จุด (-0.23%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่  2,564.98 จุด ลดลง 10.23 จุด (-0.40%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,586.83 จุด ลดลง 42.23 จุด (-0.64%)

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 26.65 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.10 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 73.26 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 14.69 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.74 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 1.35 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.97 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 2.71 จุด

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 ต.ค.60) 1,692.58 จุด เพิ่มขึ้น 9.15 จุด (+0.54%)

- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,281.23 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 ต.ค.60

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (23 ต.ค.60) ปิดที่ระดับ 51.90 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 6 เซนต์ หรือ 0.1%

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 ต.ค.60) ที่ 7.34 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

- เงินบาทเปิด 33.18 คาดพักตัวในกรอบแคบ จับตามาตรการภาษีสหรัฐ-ประธานเฟดคนใหม่

- ผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ภาพรวมดอกเบี้ยปีหน้ามีโอกาสปรับขึ้นอีก 0.25% ซึ่งต้องจับตาการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะกระทบต่อดอกเบี้ยนโยบายของไทย

- คณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) รฟท. มีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลางานบริการที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างงานโยธา (CSC) สัญญาที่ 1 และสัญญาที่ 2 ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต จะขยายสัญญาออกไปอีก 800-1,000 วัน เพื่อให้สอดคล้องกับงานก่อสร้างที่จะแล้วเสร็จในปี 2563

- ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯประเมินบรรยากาศจับจ่ายใช้สอยถึงสิ้นปีสดใส อานิสงส์ส่งออก-ภาคท่องเที่ยว-ลงทุนช่วยผลักดัน ส.อ.ท.ต้านเปิดตลาดหมูให้สหรัฐ ระบุเกณฑ์โคเด็กซ์แค่กำหนดมาตรฐาน ไม่ได้บังคับต้องนำเข้า ข้ออ้างสารเร่งเนื้อแดงอันตรายมีข้อมูลรองรับ เชื่อมะกันฟ้ององค์การการค้าโลกไม่ง่าย

- สมาชิกอาร์เซพนัดถกชี้ชะตาความตกลงสัปดาห์นี้ ย้ำต้องลดภาษีนำเข้าเป็น 0% ใน 15 ปี สำหรับสินค้า 92% ของทั้งหมดที่ค้าขายกันก่อนชง "ผู้นำ" 16 ประเทศ เห็นชอบเดือน พ.ย.นี้ ส่วนเรื่องอื่นๆทั้งเปิดเสรีบริการ-ลงทุน-แหล่งกำเนิดสินค้า แม้คืบหน้ามากแต่ยังตกลงไม่จบหลังแต่ละประเทศไม่ยอมยืดหยุ่น

*หุ้นเด่นวันนี้

- TPCH (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 21 บาท ปรับลดประมาณการกำไรลง 22-35% สะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้นจากการเลื่อนดำเนินงานโรงไฟฟ้าและมีส่วนแบ่งขาดทุนจากโครงการลงทุนใหม่ แต่ยังมอง TPCH เป็นหุ้นที่มีกำไรเติบโตสูง เฉลี่ยปี 2560-2563 ที่ 29 % และมองว่าตลาดรับรู้ปัจจัยลบไปแล้ว

- SEAFCO (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปี 61 ที่ 19.30 บาท หรือ 9.65 บาทหลังแตกพาร์ 27 ต.ค. PE2561 อยู่ที่ 18.6 เท่า ยังต่ำกว่า PYLON ที่ 23 เท่า และกลุ่มรับเหมาที่ 20 เท่า โดยคาดกำไรสุทธิ 3Q60 ที่ 45 ลบ. +255% Y-Y +18% Q-Q จาก High Season และฐานที่ต่ำในปีก่อน ด้าน Backlog ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2.6 พันลบ. มากสุดในตลาดฐานราก โดยมี Upside จากงานรอผลประมูลราว 1 หมื่นลบ. เช่น รถไฟฟ้าสีชมพู เหลือง ม่วงใต้, ทางด่วนพระราม3-ดาวคะนอง และ One Bangkok คาดกำไรสุทธิปี 2560-2561 โตเฉลี่ย 34% ต่อปี

- BCH (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 19.50 บาท เป็นกลุ่มโรงพยาบาลที่ได้รับผลประโยชน์จากการปรับเพิ่มเงินค่าประกันตนของสำนักงานประกันสังคม (SSO) มากที่สุด การเติบโตของรายได้และกำไรมีเสถียรภาพจากทั้งโครงการ Greenfield 4 แห่งและจากการปรับเพิ่มค่าประกันตนของ SSO โดยมี CAGR ของกำไรสุทธิ 5 ปีที่ 11.4%, ยังคงครองส่วนแบ่งทางการตลาดของกลุ่มประกันสังคมสูงสุดที่ 6.7% ของจำนวนผู้ประกันตน โดยมีผู้ประกันตนในเครือถึง 805,000 คน พร้อมเดินหน้ายกระดับมาตรฐานโรงพยาบาลให้ก้าวสู่ HA III และปี 2560 ไข้หวัดใหญ่ระบาดนานกว่าปกติ หนุนยอดผู้ป่วยเข้ารับการรักษา

ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ หลังดาวโจนส์ปรับฐานลงเมื่อคืนนี้

                ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับฐานลงเมื่อคืนนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มเทคโนโลยี

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 21,670.00 จุด ลดลง 26.65 จุด, -0.12% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,376.60 จุด ลดลง 4.10 จุด, -0.12% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,232.62 จุด ลดลง 73.26 จุด, -0.26% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,749.90 จุด เพิ่มขึ้น 14.69 จุด, +0.14% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,489.31 จุด ลดลง 0.74 จุด, -0.03% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,348.45 จุด ลดลง 1.35 จุด, -0.04% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,742.44 จุด เพิ่มขึ้น 0.97 จุด, +0.06% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,351.03 จุด เพิ่มขึ้น 2.71 จุด, +0.03%

                ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เขากำลังพิจารณาบุคคลอย่างน้อย 3 คนสำหรับการดำรงตำแหน่งประธานเฟด ซึ่งได้แก่ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน, นายเจอโรม พาวเวล ผู้ว่าการเฟด และนายจอห์น เทย์เลอร์ นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด

                ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีกำหนดจะพิจารณาและลงมติร่างกฎหมายงบประมาณฉบับของวุฒิสภาในสัปดาห์นี้ หลังจากเมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา วุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณปี 2561 วงเงิน 4 ล้านล้านดอลลาร์ ด้วยคะแนนเสียง 51-49 คะแนน ซึ่งจะกรุยทางสู่การพิจารณาแผนปฏิรูประบบภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อไป

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดขยับขึ้น 1.22 จุด นลท.ชะลอซื้อขายก่อนอังกฤษเผยตัวเลข GDP

                ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (23 ต.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน โดยนักลงทุนบางส่วนได้ชะลอการซื้อขาย ก่อนที่อังกฤษจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ รวมถึงการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง

                ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 1.22 จุด หรือ +0.02% ปิดที่ 7,524.45 จุด

                ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้เป็นไปอย่างผันผวน โดยนักวิเคราะห์ตลาดจาก IG กล่าวว่า "นักลงทุนกำลังจับตาดูตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศประจำไตรมาส 3 ของสหราชอาณาจักร ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ นอกจากนี้ตลาดยังจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อดูว่า ECB จะเปิดเผยกรอบเวลาที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปรับลดขนาดการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หรือไม่

                หุ้นจดทะเบียนรายใหญ่ที่น่าจับตา หุ้น GKN พุ่งขึ้น 5.1% หลังมีรายงานว่า บริษัทกำลังพิจารณาแผนแยกธุรกิจด้านการบินและยานยนต์ออกจากกัน

                หุ้น CRH เพิ่มขึ้น 1% หลังบริษัทซัพพลายเออร์วัสดุก่อสร้างรายนี้ได้รับเสียงสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นให้เดินหน้าแผนเข้าซื้อกิจการบริษัทแอช โกลฟ ซีเมนต์

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : แรงซื้อเก็งกำไร หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

                ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อเก็งกำไร อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองในสเปนยังคงสร้างแรงกดดันต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตานายคาร์เลส ปุกเดมองต์ ผู้นำแคว้นกาตาลุญญา ซึ่งจะจัดการประชุมรัฐสภาแห่งแคว้นกาตาลุญญาในวันพฤหัสบดีนี้ รวมทั้งจับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้เช่นกัน

                ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.2% ปิดที่ 390.74 จุด

                ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,524.45 จุด เพิ่มขึ้น 1.22 จุด หรือ +0.02% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,003.14 จุด เพิ่มขึ้น 11.86 จุด หรือ +0.09% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,386.81 จุด เพิ่มขึ้น 14.43 จุด หรือ +0.27%

                หุ้นแอร์ฟรานซ์ พุ่งขึ้น 1.8% หลังจากทางสายการบินได้บรรลุข้อตกลงด้านการจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญกับสหภาพนักบิน ขณะที่หุ้นจีเคเอ็น พีแอลซี ทะยานขึ้น 5.1% หลังจากบริษัทประกาศแผนการแยกธุรกิจด้านการบินและยานยนต์

                อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในยุโรปปิดในแดนบวก แต่ดัชนี IBEX 35 ตลาดหุ้นสเปน ปรับตัวลง 0.6% ปิดที่ 10,161.40 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองในสเปน โดยรายงานล่าสุดระบุว่า นายคาร์เลส ปุกเดมองต์ ผู้นำแคว้นกาตาลุญญา ประกาศจัดการประชุมรัฐสภาแห่งแคว้นกาตาลุญญาในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อหามาตรการรับมือรัฐบาลสเปนที่ได้เตรียมประกาศยกเลิกอำนาจในการปกครองตนเองของแคว้นกาตาลุญญา โดยการยุบรัฐบาล และรัฐสภาของแคว้น ขณะที่รัฐบาลสเปนจะเข้าใช้อำนาจปกครองโดยตรง และจัดการเลือกตั้งขึ้นภายในระยะเวลา 6 เดือน

                นักวิเคราะห์มองว่า มติของรัฐสภาของแคว้นกาตาลุญญาในวันพฤหัสบดีนี้ อาจปูทางสำหรับการประกาศแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปนอย่างเป็นทางการ

                ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารของสเปนร่วงลง โดยหุ้นบีบีวีเอ และหุ้นบังโค ซานตาเดร์ ต่างก็ร่วงลงกว่า 1% ขณะที่หุ้นธนาคารรายอื่นๆของยุโรปปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นดอยซ์ แบงก์ ร่วงลง 1.2% และหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ปรับตัวลง 0.6%

                นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศการปรับลดวงเงินการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 54.67 จุด จากแรงขายหุ้นอุตสาหกรรม,เทคโนโลยี

                ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปรับฐานลงหลังจากปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮเมื่อวันศุกร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐซึ่งมีกำหนดจะพิจารณาและลงมติร่างกฎหมายงบประมาณฉบับของวุฒิสภาในสัปดาห์นี้ พร้อมกับจับตาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ด้วยเช่นกัน

                ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,273.96 จุด ลดลง 54.67 จุด หรือ -0.23% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,564.98 จุด ลดลง 10.23 จุด หรือ -0.40% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,586.83 จุด ลดลง 42.23 จุด หรือ -0.64%

                หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลง โดยดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลง 0.8% ขณะที่หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (GE) ดิ่งลง 6.3% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงหนักสุดในรอบ 6 ปี หลังจากนักวิเคราะห์ได้ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้น GE โดยระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่บริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่อย่าง GE จะปรับลดการจ่ายเงินปันผล ขณะที่หุ้นอาร์โคนิค ดิ่งลง 10.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์

                ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง 0.4% โดยภาวะการซื้อขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นไปอย่างซบเซาเกือบตลอดทั้งวัน ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง 0.59% นำโดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ซึ่งบริษัทผู้ให้บริการด้านการขุดเจาะแหล่งน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 2.5% แม้ว่าบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 3 ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ก็ตาม ส่วนหุ้นชลัมเบอร์เกอร์ และหุ้นเบอร์เกอร์ ฮิวจ์ ต่างก็ปิดตลาดร่วงลงเช่นกัน

                หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ขยับขึ้น 0.3% หลังจากมีรายงานว่า ซิสโก ซิสเต็มส์ ใกล้จะบรรลุข้อตกลงซื้อกิจการบริษัทบรอดซอฟต์ อิงค์

                สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดและมีผลต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดนั้น ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก เปิดเผยว่า ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศปรับตัวขึ้นสู่ระดับ +0.17 ในเดือนก.ย. จากระดับ -0.37 ในเดือนส.ค.

                นักลงทุนจับตาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐกล่าวว่า เขากำลังพิจารณาบุคคลอย่างน้อย 3 คนสำหรับการดำรงตำแหน่งประธานเฟด ซึ่งได้แก่ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน, นายเจอโรม พาวเวล ผู้ว่าการเฟด และนายจอห์น เทย์เลอร์ นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด

                ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีกำหนดจะพิจารณาและลงมติร่างกฎหมายงบประมาณฉบับของวุฒิสภาในสัปดาห์นี้ หลังจากเมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา วุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณปี 2561 วงเงิน 4 ล้านล้านดอลลาร์ ด้วยคะแนนเสียง 51-49 คะแนน ซึ่งจะกรุยทางสู่การพิจารณาแผนปฏิรูประบบภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต่อไป

                นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต และดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนต.ค.จากมาร์กิต ส่วนในวันพรุ่งนี้ ทางการสหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย. และยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!