WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

26ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ผันผวนในกรอบไร้ปัจจัยใหม่หนุน,รอตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯคืนนี้

     น.ส.ศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะผันผวนในกรอบ เนื่องจากตลาดฯไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา โดยนักลงทุนคงจะหมุนเวียนเล่นหุ้นกัน ทำให้ดัชนีฯคงจะยังไม่ถึง 1,700 จุดในช่วงนี้  นอกจากนี้ยังรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯในวันนี้ด้วย

        ส่วนสัปดาห์หน้าก็ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/60 ของกลุ่มแบงก์ ที่จะเริ่มออกมากันแล้ว ทำให้อาจมีแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มแบงก์เข้ามา ขณะที่นักลงทุนยังรอดูด้วยว่าหนี้ที่ไม่ก่อใหิ้เกิดรายได้ (NPL) จะสูงขึ้นหรือไม่

        ทางเทคนิคแสดงให้เห็นว่าดัชนีฯช่วงนี้ยังพักตัว แต่แนวโน้มหลักยังเป็นขาขึ้นอยู่ พร้อมให้แนวรับ 1,685-1,680 จุด ส่วนแนวต้าน 1,695-1,700 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (5 ต.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,775.39 จุด พุ่งขึ้น 113.75 จุด (+0.50%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,585.36 จุด เพิ่มขึ้น 50.73 จุด (+0.78%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,552.07 จุด เพิ่มขึ้น 14.33 จุด (+0.56%)

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 88.29 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 247.23 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 19.94 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 5.96 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.07 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 38.55 จุด

ส่วนตลาดหุ้นจีน ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันชาติ, ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (5 ต.ค.60) 1,690.87 จุด เพิ่มขึ้น 3.10 จุด (+0.18%)

- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 911.78 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 ต.ค.60

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (5 ต.ค.60) ปิดที่ระดับ 50.79 ดอลลาร์/บาร์เรล  เพิ่มขึ้น 81 เซนต์ หรือ 1.6%

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 ต.ค.60) ที่ 7.90 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

- เงินบาทเปิด 33.41 อ่อนค่าจากวานนี้ หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯหนุนดอลล์แข็ง

- "แบงก์ชาติ-สภาพัฒน์"มองความท้าทายเศรษฐกิจในอนาคตโจทย์ใหญ่อยู่ที่ปัญหาความเหลื่อมล้ำ-เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจ แนะเอกชนเร่งปรับตัวรับมือ

- ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงงานเทศกาลถือศีลกินเจระหว่างวันที่ 20-28 ต.ค.นี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวคนไทยและชาวต่างชาติเชื้อสายจีน อย่างประเทศจีน มาเลเซีย สิงคโปร์ เดินทางประมาณ 2.4 แสนคน สร้างรายได้หมุนเวียนให้กับจังหวัด 7,400 ล้านบาท

- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจไทยปี 2560 โดยปรับเป้าหมายจีดีพีเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 3.7% จากกรอบประมาณการ 3.5-4.0% และจากประมาณการเดิมที่ 3.8% รวมถึง การส่งออกเพิ่มเป็น 7% จากเดิมที่ 5% การบริโภคภาคเอกชนเพิ่มเป็น 3% จากเดิม 2.7% การลงทุน ภาคเอกชนเพิ่มเป็น 1.5% และปรับลดประมาณการลงทุนภาครัฐเหลือ 5% จากเดิม 8.5% จากครึ่งปีแรกที่จีดีพีขยายตัวได้ 3.5% สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยมาจากภาคต่างประเทศเกือบทั้งหมดได้แก่ การส่งออกและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดี ขณะที่การบริโภคเอกชนฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยตามราคาสินค้าเกษตร

- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ย.ปรับตัวดีขึ้นแตะ 75 จับตาราคาพืชผลการเกษตรยังตกต่ำหวั่นฉุดกำลังซื้อ แนะรัฐอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นภูมิภาค ด้านศูนย์วิจัยกสิกรปรับจีดีพีปีนี้เป็น 3.7% หลังส่งออกและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวช่วยหนุน คลังเร่งดันเศรษฐกิจระดับจังหวัดหนุนภาพรวมโตฉลุย

- รถไฟไทย-จีนเลื่อนตอกเสาเข็มอย่างไม่มีกำหนด หลังอีไอเอไม่ผ่านเกณฑ์ ด้าน รฟท.เร่งเดินหน้ารถไฟทางคู่ 5 เส้น มั่นใจภายในเดือน ธ.ค.60 ได้ก่อสร้างแน่

*หุ้นเด่นวันนี้

                - TU (ธนชาต) "ซื้อ" เป้า 24 บาท ราคาทูน่าที่ปรับสูงขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่จะกดดันอัตรากำไรของธุรกิจทูน่า ขณะที่ธุรกิจกุ้ง แซลม่อน และอาหารสัตว์ฟื้นตัวขึ้น

                - KKP (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 79 บาท น่าจะมี Upside surprise จากคาดการณ์กำไร 3Q60 ที่ 1,583 ลบ. +34% Q-Q แต่ -6% Y-Y จากรายได้ตลาดทุนที่ดีขึ้น, การขาย NPA, และค่าใช้จ่ายพิเศษที่ไม่มีเหมือน Q2/60 แม้คาดกำไรปีนี้โตเพียง 2% Y-Y แต่ลบล้างได้จากคาดการณ์ปันผลสูงสุดในกลุ่มราว 8.5% ต่อปี และ ROE ที่ 14.9% สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 11.6% นอกจากนี้ NVDR กลับมาเร่งซื้อหลังจากขายตลอดทางช่วง มิ.ย.-ส.ค. 60 โดยซื้อต่อเนื่องเป็นวันที่ 11 รวม 266 ลบ. ทำให้ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีเป็นซื้อ 1.1 พันลบ.

                - CPF (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 32 บาท คาดกำไรปกติ 3Q60 +37% Q-Q อยู่ที่ 2.9 พันลบ. จากขาดทุนหมูในเวียดนามที่ลดลง และเป็น High Season ของธุรกิจ แต่หากเทียบ Y-Y คาดลดลง 43% เพราะปีก่อนไม่มีปัญหา Oversupply หมูในเวียดนาม อย่างไรก็ตาม หากรวมกำไรขายเงินลงทุน คาดมีกำไรสุทธิ 4.7 พันลบ. (+16.6% Q-Q, -8.6% Y-Y) ส่วน Q4/60 อ่อนตัวลงตามฤดูกาล แต่คาดเห็นการฟื้นตัวธุรกิจหมูเวียดนามต่อเนื่อง และคาดดอกเบี้ยจ่ายลดลง จากการนำเงินเพิ่มทุนครึ่งหนึ่งไปลดหนี้ต่างประเทศ โดยคาดกำไรสุทธิปีนี้ทรงตัว Y-Y ก่อนจะกลับมาโต 8.5% Y-Y ในปีหน้า

                - MTLS (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 46 บาท ช่วง Q3/60 คาดกำไรโตทั้ง YoY และ QoQ ขณะที่ทั้งปี 60-61 คาดกำไรโตเฉลี่ยปีละ 45.4% หนุนด้วยพอร์ตสินเชื่อที่ขยายตัวดีตามความต้องการเงินด่วนที่มีอยู่มากและจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามเป้าปี 60 ที่ 2,200 สาขา เพื่อเพิ่มพื้นที่บริการให้ครอบคลุมมากขึ้นขณะที่ฐานะการเงินยังแกร่งมี D/E ratio 2.96x (เพดานการกู้อยู่ที่ 4x) และ Coverage Ratio สูงถึง 267% + Upside 26.9% จากพื้นฐานปี 61

ตลาดหุ้นเอเชียบวกเช้านี้ ขานรับสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐไฟเขียวงบประมาณ

       ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ขานรับสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติอนุมัติงบประมาณวงเงิน 4.1 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับปีงบประมาณ 2561 ซึ่งจะปูทางให้สภาคองเกรสเริ่มต้นกระบวนการพิจารณาร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในปีนี้

        ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,716.85 จุด เพิ่มขึ้น 88.29 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,626.41 จุด เพิ่มขึ้น 247.23 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,538.21 จุด เพิ่มขึ้น 19.94 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,267.80 จุด เพิ่มขึ้น 5.96 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,758.02 จุด ลดลง 1.07 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,332.56 จุด เพิ่มขึ้น 38.55 จุด

      ตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันนี้เนื่องในวันชาติ ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการวันนี้เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า

      นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนส.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.0%

      ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 12,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 260,000 ราย ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 265,000 ราย โดยตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 135 ติดต่อกัน

       ทั้งนี้ นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐ ซึ่งมีกำหนดการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้นเพียง 100,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.4% ในเดือนก.ย.

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 40.41 จุด ด้วยแรงหนุนจากหุ้นเหมืองแร่, ปอนด์อ่อนค่า

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง สืบเนื่องจากราคาแร่โลหะส่วนใหญ่ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ตลาดหุ้นยังได้รับอานิสงส์จากสกุลเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มบริษัทข้ามชาติปรับตัวเพิ่มขึ้น

       ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 40.41 จุด หรือ +0.54% ปิดที่ 7,507.99 จุด

       ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ได้รับอานิสงส์จากการที่สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าเงินปอนด์ร่วงลงสู่ระดับ 1.3123 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3246 ดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์กในคืนวันพุธ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์

        นักวิเคราะห์กล่าวว่า ปัจจัยที่กดดันสกุลเงินปอนด์ให้อ่อนค่าลงในช่วงหลัง มาจากกระแสความวิตกของนักลงทุนเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในกระบวนการ Brexit สืบเนื่องจากการเจรจาระหว่างสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปไม่มีความคืบหน้ามากนัก

        หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งด้วยแรงหนุนจากราคาแร่โลหะส่วนใหญ่ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเกลนคอร์ พุ่งขึ้น 3% หุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่ง 3% และหุ้นริโอ ทินโต เพิ่มขึ้น 1.8%

                หุ้นจดทะเบียนรายใหญ่ที่น่าจับตา หุ้นเมอร์ลิน เอ็นเตอร์เทนเมนต์ พุ่งขึ้น 3.4% หลังมีรายงานว่า บริษัทผู้ดำเนินงานสวนสนุกอังกฤษรายนี้ได้สอบถามความเป็นไปได้ในการเข้าซื้อกิจการซีเวิลด์ เอนเตอร์เทนเมนต์ อิงค์ในสหรัฐ

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก รับความหวังสถานการณ์สเปนคลี่คลายในทางที่ดี

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า สถานการณ์ความขัดแย้งในสเปนที่สืบเนื่องมาจากการที่แคว้นกาตาลุญญาต้องการแยกตัวเป็นอิสระจากสเปนนั้น มีแนวโน้มจะคลี่คลายไปในทางที่ดี หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญของสเปนมีคำสั่งให้แคว้นกาตาลุญญาระงับการเปิดประชุมรัฐสภาในสัปดาห์หน้า เพื่อขัดขวางไม่ให้แคว้นกาตาลุญญาเดินหน้ากระบวนการแยกตัวเป็นอิสระ

       ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดบวก 0.2% แตะที่ 391.03 จุด

        ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,968.05 จุด ลดลง 2.47 จุด หรือ -0.02% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,379.21 จุด เพิ่มขึ้น 15.98 จุด หรือ +0.30% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,507.99 จุด เพิ่มขึ้น 40.41 จุด หรือ +0.54%

     นักลงทุนคาดหวังว่า สถานการณ์การเมืองในสเปนจะคลี่คลายไปในทางที่ดี หลังจากศาลรัฐธรรมนูญของสเปนมีคำสั่งให้แคว้นกาตาลุญญาระงับการเปิดประชุมรัฐสภาในสัปดาห์หน้า เพื่อขัดขวางไม่ให้แคว้นกาตาลุญญาเดินหน้ากระบวนการแยกตัวเป็นอิสระ

       ทางด้านนายกรัฐมนตรีมาริอาโน ราฮอยของสเปนได้ออกมาเรียกร้องให้นายคาร์เลส ปุกเดมองต์ ผู้นำแคว้นกาตาลุญญา ให้ยกเลิกแผนการประกาศแยกตัวเป็นอิสระจากสเปนในสัปดาห์หน้า เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์รุนแรง

       หุ้นเมอร์ลิน เอ็นเตอร์เทนเมนต์ พุ่งขึ้น 3.4% หลังมีรายงานว่า บริษัทผู้ดำเนินงานสวนสนุกอังกฤษรายนี้ได้สอบถามความเป็นไปได้ในการเข้าซื้อกิจการซีเวิลด์ เอนเตอร์เทนเมนต์ อิงค์ในสหรัฐ

       หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นตามทิศทางราคาโลหะส่วนใหญ่ในตลาดโลก โดยหุ้นเกลนคอร์ พุ่งขึ้น 3% หุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่ง 3% และหุ้นริโอ ทินโต เพิ่มขึ้น 1.8%

       หุ้นธนาคารของสเปนปรับตัวขึ้น โดยหุ้นบังโค ซานตานเดร์ พุ่งขึ้น 2.9% ขณะที่หุ้นบังโค ซาบาเดลล์ พุ่งขึ้น 6.2%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 113.75 จุด รับสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐไฟเขียวงบประมาณ

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) ขานรับสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติอนุมัติงบประมาณวงเงิน 4.1 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับปีงบประมาณ 2561 ซึ่งจะปูทางให้สภาคองเกรสเริ่มต้นกระบวนการพิจารณาร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในปีนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนส.ค. โดยปัจจัยบวกเหล่านี้ได้ช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq เดินหน้าทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ

        ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,775.39 จุด พุ่งขึ้น 113.75 จุด หรือ +0.50% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,552.07 จุด เพิ่มขึ้น 14.33 จุด หรือ +0.56% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,585.36 จุด เพิ่มขึ้น 50.73 จุด หรือ +0.78%

       ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นหลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติอนุมัติงบประมาณวงเงิน 4.1 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับปีงบประมาณ 2561 เมื่อวานนี้ ซึ่งจะปูทางให้สภาคองเกรสเริ่มต้นกระบวนการพิจารณาร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในปีนี้

        ทั้งนี้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติอนุมัติงบประมาณดังกล่าวด้วยคะแนนฉิวเฉียด 219-206 เสียง โดยสมาชิกพรรครีพับลิกันหลายรายจับมือกับพรรคเดโมแครตในการโหวตคว่ำงบประมาณฉบับนี้

      นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนส.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.0%

      ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 12,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 260,000 ราย ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 265,000 ราย โดยตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 135 ติดต่อกัน

      ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลการค้าลดลง 2.7% ในเดือนส.ค. สู่ระดับ 4.24 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่การส่งออกสินค้าและบริการของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% สู่ระดับ 1.953 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557  ส่วนการนำเข้าสินค้าและบริการลดลง 0.1% สู่ระดับ 2.377 แสนล้านดอลลาร์

      หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 5.4% หลังจากบริษัทได้ปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมสมาชิก โดยราคาหุ้นเน็ตฟลิกซ์ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์บางแห่งได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นเน็ตฟลิกซ์

       ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น 1.3% ขานรับวุฒิสภาสหรัฐมีมติให้การรับรองนายแรนดัล คาร์ลส์ เป็นสมาชิกคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หรือเป็นหนึ่งในคณะผู้ว่าการของเฟด โดยนักลงทุนคาดหวังว่านายคาร์ลส์จะเข้ามามีบทบาทในการผ่อนคลายกฎระเบียบในภาคการเงิน

      หุ้นอเมซอน พุ่งขึ้น 1.6% หลังจากมีรายงานว่า อเมซอนทำการทดสอบระบบการให้บริการขนส่งแบบใหม่ ซึ่งจะสามารถแข่งขันกับบรรดาบริษัทที่ให้บริการขนส่งบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ในตลาด ขณะที่ข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส ปิดตลาดอ่อนแรงลง 0.7%

      นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐ ซึ่งมีกำหนดการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้นเพียง 100,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.4% ในเดือนก.ย.

     สำหรับตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ นักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงจะปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค.

                        อินโฟเควสท์

 ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ผันผวนในกรอบไร้ปัจจัยใหม่หนุน,รอตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯคืนนี้

            น.ส.ศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะผันผวนในกรอบ เนื่องจากตลาดฯไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา โดยนักลงทุนคงจะหมุนเวียนเล่นหุ้นกัน ทำให้ดัชนีฯคงจะยังไม่ถึง 1,700 จุดในช่วงนี้  นอกจากนี้ยังรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯในวันนี้ด้วย

                ส่วนสัปดาห์หน้าก็ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/60 ของกลุ่มแบงก์ ที่จะเริ่มออกมากันแล้ว ทำให้อาจมีแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มแบงก์เข้ามา ขณะที่นักลงทุนยังรอดูด้วยว่าหนี้ที่ไม่ก่อใหิ้เกิดรายได้ (NPL) จะสูงขึ้นหรือไม่

                ทางเทคนิคแสดงให้เห็นว่าดัชนีฯช่วงนี้ยังพักตัว แต่แนวโน้มหลักยังเป็นขาขึ้นอยู่ พร้อมให้แนวรับ 1,685-1,680 จุด ส่วนแนวต้าน 1,695-1,700 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (5 ต.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,775.39 จุด พุ่งขึ้น 113.75 จุด (+0.50%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,585.36 จุด เพิ่มขึ้น 50.73 จุด (+0.78%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,552.07 จุด เพิ่มขึ้น 14.33 จุด (+0.56%)

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 88.29 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 247.23 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 19.94 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 5.96 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.07 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 38.55 จุด

ส่วนตลาดหุ้นจีน ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันชาติ, ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (5 ต.ค.60) 1,690.87 จุด เพิ่มขึ้น 3.10 จุด (+0.18%)

- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 911.78 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 ต.ค.60

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (5 ต.ค.60) ปิดที่ระดับ 50.79 ดอลลาร์/บาร์เรล  เพิ่มขึ้น 81 เซนต์ หรือ 1.6%

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 ต.ค.60) ที่ 7.90 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

- เงินบาทเปิด 33.41 อ่อนค่าจากวานนี้ หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯหนุนดอลล์แข็ง

- "แบงก์ชาติ-สภาพัฒน์"มองความท้าทายเศรษฐกิจในอนาคตโจทย์ใหญ่อยู่ที่ปัญหาความเหลื่อมล้ำ-เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจ แนะเอกชนเร่งปรับตัวรับมือ

- ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงงานเทศกาลถือศีลกินเจระหว่างวันที่ 20-28 ต.ค.นี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวคนไทยและชาวต่างชาติเชื้อสายจีน อย่างประเทศจีน มาเลเซีย สิงคโปร์ เดินทางประมาณ 2.4 แสนคน สร้างรายได้หมุนเวียนให้กับจังหวัด 7,400 ล้านบาท

- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจไทยปี 2560 โดยปรับเป้าหมายจีดีพีเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 3.7% จากกรอบประมาณการ 3.5-4.0% และจากประมาณการเดิมที่ 3.8% รวมถึง การส่งออกเพิ่มเป็น 7% จากเดิมที่ 5% การบริโภคภาคเอกชนเพิ่มเป็น 3% จากเดิม 2.7% การลงทุน ภาคเอกชนเพิ่มเป็น 1.5% และปรับลดประมาณการลงทุนภาครัฐเหลือ 5% จากเดิม 8.5% จากครึ่งปีแรกที่จีดีพีขยายตัวได้ 3.5% สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยมาจากภาคต่างประเทศเกือบทั้งหมดได้แก่ การส่งออกและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดี ขณะที่การบริโภคเอกชนฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยตามราคาสินค้าเกษตร

- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ย.ปรับตัวดีขึ้นแตะ 75 จับตาราคาพืชผลการเกษตรยังตกต่ำหวั่นฉุดกำลังซื้อ แนะรัฐอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นภูมิภาค ด้านศูนย์วิจัยกสิกรปรับจีดีพีปีนี้เป็น 3.7% หลังส่งออกและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวช่วยหนุน คลังเร่งดันเศรษฐกิจระดับจังหวัดหนุนภาพรวมโตฉลุย

- รถไฟไทย-จีนเลื่อนตอกเสาเข็มอย่างไม่มีกำหนด หลังอีไอเอไม่ผ่านเกณฑ์ ด้าน รฟท.เร่งเดินหน้ารถไฟทางคู่ 5 เส้น มั่นใจภายในเดือน ธ.ค.60 ได้ก่อสร้างแน่

*หุ้นเด่นวันนี้

                - TU (ธนชาต) "ซื้อ" เป้า 24 บาท ราคาทูน่าที่ปรับสูงขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่จะกดดันอัตรากำไรของธุรกิจทูน่า ขณะที่ธุรกิจกุ้ง แซลม่อน และอาหารสัตว์ฟื้นตัวขึ้น

                - KKP (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 79 บาท น่าจะมี Upside surprise จากคาดการณ์กำไร 3Q60 ที่ 1,583 ลบ. +34% Q-Q แต่ -6% Y-Y จากรายได้ตลาดทุนที่ดีขึ้น, การขาย NPA, และค่าใช้จ่ายพิเศษที่ไม่มีเหมือน Q2/60 แม้คาดกำไรปีนี้โตเพียง 2% Y-Y แต่ลบล้างได้จากคาดการณ์ปันผลสูงสุดในกลุ่มราว 8.5% ต่อปี และ ROE ที่ 14.9% สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 11.6% นอกจากนี้ NVDR กลับมาเร่งซื้อหลังจากขายตลอดทางช่วง มิ.ย.-ส.ค. 60 โดยซื้อต่อเนื่องเป็นวันที่ 11 รวม 266 ลบ. ทำให้ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีเป็นซื้อ 1.1 พันลบ.

                - CPF (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 32 บาท คาดกำไรปกติ 3Q60 +37% Q-Q อยู่ที่ 2.9 พันลบ. จากขาดทุนหมูในเวียดนามที่ลดลง และเป็น High Season ของธุรกิจ แต่หากเทียบ Y-Y คาดลดลง 43% เพราะปีก่อนไม่มีปัญหา Oversupply หมูในเวียดนาม อย่างไรก็ตาม หากรวมกำไรขายเงินลงทุน คาดมีกำไรสุทธิ 4.7 พันลบ. (+16.6% Q-Q, -8.6% Y-Y) ส่วน Q4/60 อ่อนตัวลงตามฤดูกาล แต่คาดเห็นการฟื้นตัวธุรกิจหมูเวียดนามต่อเนื่อง และคาดดอกเบี้ยจ่ายลดลง จากการนำเงินเพิ่มทุนครึ่งหนึ่งไปลดหนี้ต่างประเทศ โดยคาดกำไรสุทธิปีนี้ทรงตัว Y-Y ก่อนจะกลับมาโต 8.5% Y-Y ในปีหน้า

                - MTLS (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 46 บาท ช่วง Q3/60 คาดกำไรโตทั้ง YoY และ QoQ ขณะที่ทั้งปี 60-61 คาดกำไรโตเฉลี่ยปีละ 45.4% หนุนด้วยพอร์ตสินเชื่อที่ขยายตัวดีตามความต้องการเงินด่วนที่มีอยู่มากและจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามเป้าปี 60 ที่ 2,200 สาขา เพื่อเพิ่มพื้นที่บริการให้ครอบคลุมมากขึ้นขณะที่ฐานะการเงินยังแกร่งมี D/E ratio 2.96x (เพดานการกู้อยู่ที่ 4x) และ Coverage Ratio สูงถึง 267% + Upside 26.9% จากพื้นฐานปี 61

ตลาดหุ้นเอเชียบวกเช้านี้ ขานรับสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐไฟเขียวงบประมาณ

                ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ขานรับสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติอนุมัติงบประมาณวงเงิน 4.1 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับปีงบประมาณ 2561 ซึ่งจะปูทางให้สภาคองเกรสเริ่มต้นกระบวนการพิจารณาร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในปีนี้

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,716.85 จุด เพิ่มขึ้น 88.29 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,626.41 จุด เพิ่มขึ้น 247.23 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,538.21 จุด เพิ่มขึ้น 19.94 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,267.80 จุด เพิ่มขึ้น 5.96 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,758.02 จุด ลดลง 1.07 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,332.56 จุด เพิ่มขึ้น 38.55 จุด

                ตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันนี้เนื่องในวันชาติ ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการวันนี้เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า

                นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนส.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.0%

                ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 12,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 260,000 ราย ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 265,000 ราย โดยตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 135 ติดต่อกัน

                ทั้งนี้ นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐ ซึ่งมีกำหนดการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้นเพียง 100,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.4% ในเดือนก.ย.

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 40.41 จุด ด้วยแรงหนุนจากหุ้นเหมืองแร่, ปอนด์อ่อนค่า

            ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง สืบเนื่องจากราคาแร่โลหะส่วนใหญ่ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ตลาดหุ้นยังได้รับอานิสงส์จากสกุลเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มบริษัทข้ามชาติปรับตัวเพิ่มขึ้น

                ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 40.41 จุด หรือ +0.54% ปิดที่ 7,507.99 จุด

                ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ได้รับอานิสงส์จากการที่สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าเงินปอนด์ร่วงลงสู่ระดับ 1.3123 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3246 ดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์กในคืนวันพุธ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์

                นักวิเคราะห์กล่าวว่า ปัจจัยที่กดดันสกุลเงินปอนด์ให้อ่อนค่าลงในช่วงหลัง มาจากกระแสความวิตกของนักลงทุนเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในกระบวนการ Brexit สืบเนื่องจากการเจรจาระหว่างสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปไม่มีความคืบหน้ามากนัก

                หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งด้วยแรงหนุนจากราคาแร่โลหะส่วนใหญ่ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเกลนคอร์ พุ่งขึ้น 3% หุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่ง 3% และหุ้นริโอ ทินโต เพิ่มขึ้น 1.8%

                หุ้นจดทะเบียนรายใหญ่ที่น่าจับตา หุ้นเมอร์ลิน เอ็นเตอร์เทนเมนต์ พุ่งขึ้น 3.4% หลังมีรายงานว่า บริษัทผู้ดำเนินงานสวนสนุกอังกฤษรายนี้ได้สอบถามความเป็นไปได้ในการเข้าซื้อกิจการซีเวิลด์ เอนเตอร์เทนเมนต์ อิงค์ในสหรัฐ

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก รับความหวังสถานการณ์สเปนคลี่คลายในทางที่ดี

                ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า สถานการณ์ความขัดแย้งในสเปนที่สืบเนื่องมาจากการที่แคว้นกาตาลุญญาต้องการแยกตัวเป็นอิสระจากสเปนนั้น มีแนวโน้มจะคลี่คลายไปในทางที่ดี หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญของสเปนมีคำสั่งให้แคว้นกาตาลุญญาระงับการเปิดประชุมรัฐสภาในสัปดาห์หน้า เพื่อขัดขวางไม่ให้แคว้นกาตาลุญญาเดินหน้ากระบวนการแยกตัวเป็นอิสระ

                ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดบวก 0.2% แตะที่ 391.03 จุด

                ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,968.05 จุด ลดลง 2.47 จุด หรือ -0.02% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,379.21 จุด เพิ่มขึ้น 15.98 จุด หรือ +0.30% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,507.99 จุด เพิ่มขึ้น 40.41 จุด หรือ +0.54%

                นักลงทุนคาดหวังว่า สถานการณ์การเมืองในสเปนจะคลี่คลายไปในทางที่ดี หลังจากศาลรัฐธรรมนูญของสเปนมีคำสั่งให้แคว้นกาตาลุญญาระงับการเปิดประชุมรัฐสภาในสัปดาห์หน้า เพื่อขัดขวางไม่ให้แคว้นกาตาลุญญาเดินหน้ากระบวนการแยกตัวเป็นอิสระ

                ทางด้านนายกรัฐมนตรีมาริอาโน ราฮอยของสเปนได้ออกมาเรียกร้องให้นายคาร์เลส ปุกเดมองต์ ผู้นำแคว้นกาตาลุญญา ให้ยกเลิกแผนการประกาศแยกตัวเป็นอิสระจากสเปนในสัปดาห์หน้า เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์รุนแรง

                หุ้นเมอร์ลิน เอ็นเตอร์เทนเมนต์ พุ่งขึ้น 3.4% หลังมีรายงานว่า บริษัทผู้ดำเนินงานสวนสนุกอังกฤษรายนี้ได้สอบถามความเป็นไปได้ในการเข้าซื้อกิจการซีเวิลด์ เอนเตอร์เทนเมนต์ อิงค์ในสหรัฐ

                หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นตามทิศทางราคาโลหะส่วนใหญ่ในตลาดโลก โดยหุ้นเกลนคอร์ พุ่งขึ้น 3% หุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่ง 3% และหุ้นริโอ ทินโต เพิ่มขึ้น 1.8%

                หุ้นธนาคารของสเปนปรับตัวขึ้น โดยหุ้นบังโค ซานตานเดร์ พุ่งขึ้น 2.9% ขณะที่หุ้นบังโค ซาบาเดลล์ พุ่งขึ้น 6.2%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 113.75 จุด รับสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐไฟเขียวงบประมาณ

            ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) ขานรับสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติอนุมัติงบประมาณวงเงิน 4.1 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับปีงบประมาณ 2561 ซึ่งจะปูทางให้สภาคองเกรสเริ่มต้นกระบวนการพิจารณาร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในปีนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนส.ค. โดยปัจจัยบวกเหล่านี้ได้ช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq เดินหน้าทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ

                ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,775.39 จุด พุ่งขึ้น 113.75 จุด หรือ +0.50% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,552.07 จุด เพิ่มขึ้น 14.33 จุด หรือ +0.56% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,585.36 จุด เพิ่มขึ้น 50.73 จุด หรือ +0.78%

                ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นหลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติอนุมัติงบประมาณวงเงิน 4.1 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับปีงบประมาณ 2561 เมื่อวานนี้ ซึ่งจะปูทางให้สภาคองเกรสเริ่มต้นกระบวนการพิจารณาร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในปีนี้

                ทั้งนี้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติอนุมัติงบประมาณดังกล่าวด้วยคะแนนฉิวเฉียด 219-206 เสียง โดยสมาชิกพรรครีพับลิกันหลายรายจับมือกับพรรคเดโมแครตในการโหวตคว่ำงบประมาณฉบับนี้

                นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนส.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.0%

                ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 12,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 260,000 ราย ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 265,000 ราย โดยตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 135 ติดต่อกัน

                ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลการค้าลดลง 2.7% ในเดือนส.ค. สู่ระดับ 4.24 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่การส่งออกสินค้าและบริการของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% สู่ระดับ 1.953 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557  ส่วนการนำเข้าสินค้าและบริการลดลง 0.1% สู่ระดับ 2.377 แสนล้านดอลลาร์

                หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 5.4% หลังจากบริษัทได้ปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมสมาชิก โดยราคาหุ้นเน็ตฟลิกซ์ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์บางแห่งได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นเน็ตฟลิกซ์

                ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น 1.3% ขานรับวุฒิสภาสหรัฐมีมติให้การรับรองนายแรนดัล คาร์ลส์ เป็นสมาชิกคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หรือเป็นหนึ่งในคณะผู้ว่าการของเฟด โดยนักลงทุนคาดหวังว่านายคาร์ลส์จะเข้ามามีบทบาทในการผ่อนคลายกฎระเบียบในภาคการเงิน

                หุ้นอเมซอน พุ่งขึ้น 1.6% หลังจากมีรายงานว่า อเมซอนทำการทดสอบระบบการให้บริการขนส่งแบบใหม่ ซึ่งจะสามารถแข่งขันกับบรรดาบริษัทที่ให้บริการขนส่งบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ในตลาด ขณะที่ข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส ปิดตลาดอ่อนแรงลง 0.7%

                นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐ ซึ่งมีกำหนดการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้นเพียง 100,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.4% ในเดือนก.ย.

                สำหรับตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ นักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงจะปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค.

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!